10/26

เดือนนี้ / เดือนก่อน

465/181

ปีนี้ / ปีก่อน

  • kaohoon

    KBANK มองกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 31.80-32.40 บ. จับตาประชุมเฟด–ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ 05/12/68

    ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในช่วงระหว่างวันที่ 8-12 ธันวาคม 2568 อยู่ในกรอบ 31.80-32.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และประมาณการอัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ทิศทางกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติ ภาวะค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ตลาดให้ความสนใจ ประกอบด้วย ตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ในมุมมองผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน รายงานการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนกันยายน ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายนของประเทศจีน ได้แก่ ตัวเลขการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิต เพื่อประเมินแรงส่งต่อเศรษฐกิจเอเชียโดยรวม สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าทะลุแนวสำคัญ 32.20 และ 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าสุดระหว่างสัปดาห์ที่ระดับ 31.855 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน สอดคล้องกับการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียหลายสกุล โดยเฉพาะเงินเยนที่ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น ขณะที่แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ กดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มเติม

  • kaohoon
  • kaohoon

    UOB-KBANK ปล่อยสินเชื่อสีเขียว Levanta Renewables หนุนซื้อโซลาร์ฟาร์ม 34 โครงการ 230 MW 04/12/68

    ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ UOB และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ร่วมสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวเพื่อการเข้าซื้อกิจการและการจัดโครงสร้างทางการเงินสำหรับ Levanta Renewables เพื่อใช้ในการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 34 โครงการทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการภายใต้ 2 ข้อตกลงทางการเงิน สำหรับธุรกรรมดังกล่าวนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Actis ผู้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย และเสริมสร้างการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 34 โครงการ มีกำลังการผลิตรวม 230 เมกะวัตต์ ซึ่งจะผลิตไฟฟ้าสะอาดภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreements: PPAs) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ของประเทศไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในระบบพลังงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

  • kaohoon
  • kaohoon

    KBANK ทยอยซื้อหุ้นคืน ดันยอดสะสม 3.35 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.14% 03/12/68

    ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แจ้งผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าบริษัทรายงานการหุ้นซื้อคืนเพิ่มอีก เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.68 จำนวน 305,200 หุ้น มีราคาซื้อสูงสุด 189.50 บาท และราคาต่ำสุด 189 บาท มูลค่ารวม 57.79 ล้านบาท ทั้งนี้ ทำให้ KBANK หุ้นซื้อคืนจนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 3,351,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนของจำนวนซื้อหุ้นคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว 0.14% ของมูลค่ารวมที่ซื้อคืนแล้วทั้งหมด 630.62 ล้านบาท สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการมีมติเมื่อวันที่ 30 ต.ค.68 ที่ผ่านมา อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน จำนวน 47,386,552 หุ้น คิดเป็นจำนวนหุ้นซื้อคืนสูงสุดต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว 2% โดยมีกำหนดสิ้นสุดโครงการในวันที่ 13 พ.ค.69

  • set

    รายงานผลการซื้อหุ้นคืนกรณีเพื่อการบริหารทางการเงิน 03/12/68

    รายงานผลการซื้อหุ้นคืน เรื่อง : แบบรายงานผลการซื้อหุ้นคืนกรณีเพื่อการบริหารทางการเงิน วันที่รายงานผล : 03 ธ.ค. 2568 วิธีการซื้อหุ้นคืน : ซื้อหุ้นคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์ วันที่ครบกำหนดโครงการ : 13 พ.ค. 2569 โครงการซื้อหุ้นคืน วันที่คณะกรรมการมีมติ : 30 ต.ค. 2568 จำนวนหุ้นซื้อคืนสูงสุดตามโครงการ (หุ้น) : 47,386,552 %ของจำนวนหุ้นซื้อคืนสูงสุดต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว : 2.00 1. ผลการซื้อหุ้นคืน วันที่ซื้อหุ้นคืน : 03 ธ.ค. 2568 จำนวนหุ้นซื้อคืน(หุ้น) : 305,200 ราคาที่ซื้อต่อหุ้นหรือราคาสูงสุด(บาท/หุ้น) : 189.50 ราคาต่ำสุด(บาท/หุ้น) : 189.00 มูลค่ารวม(บาท) : 57,785,400.00 2. จำนวนหุ้นซื้อคืนทั้งสิ้น จำนวนรวมของหุ้นซื้อคืนในโครงการจนถึงปัจจุบัน : 3,351,400 (รวมผลการซื้อคืน) (หุ้น) %ของจำนวนหุ้นซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว : 0.14 มูลค่ารวมที่ซื้อคืน(บาท) : 630,921,000.00 ลงลายมือชื่อ _________________ ( นางสาวศันสนา สุขะนันท์ ) รองผู้จัดการใหญ่ กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท ______________________________________________________________________ สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้ และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้ หากท่านต้องการดูรายละเอียดสารสนเทศฉบับนี้แบบเต็ม โปรดคลิก "รายละเอียดแบบเต็ม"

  • kaohoon

    KBANK ทยอยซื้อหุ้นคืนสะสม 3 ล้านหุ้น มูลค่า 573 ลบ. 03/12/68

    ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แจ้งผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าบริษัทรายงานการหุ้นซื้อคืนจำนวน 3,046,200 หุ้น มีราคาซื้อสูงสุด 189 บาท และราคาต่ำสุด 188 บาท มูลค่ารวม 573.13 ล้านบาท ทั้งนี้ ทำให้ KBANK หุ้นซื้อคืนจนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 3,046,200 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนของจำนวนซื้อหุ้นคืนต่อจำหน่วนหุ้นที่ชำระแล้ว 0.13% ของมูลค่ารวมที่ซื้อคืนแล้วทั้งหมด 573.13 ล้านบาท สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการมีมติเมื่อวันที่ 30 ต.ค.68 ที่ผ่านมา อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน จำนวน 47,386,552หุ้น คิดเป็นจำนวนหุ้นซื้อคืนสูงสุดต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว 2% โดยมีกำหนดสิ้นสุดโครงการในวันที่ 13 พ.ค.69

  • set

    รายงานผลการซื้อหุ้นคืนกรณีเพื่อการบริหารทางการเงิน 01/12/68

    รายงานผลการซื้อหุ้นคืน เรื่อง : แบบรายงานผลการซื้อหุ้นคืนกรณีเพื่อการบริหารทางการเงิน วันที่รายงานผล : 01 ธ.ค. 2568 วิธีการซื้อหุ้นคืน : ซื้อหุ้นคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์ วันที่ครบกำหนดโครงการ : 13 พ.ค. 2569 โครงการซื้อหุ้นคืน วันที่คณะกรรมการมีมติ : 30 ต.ค. 2568 จำนวนหุ้นซื้อคืนสูงสุดตามโครงการ (หุ้น) : 47,386,552 %ของจำนวนหุ้นซื้อคืนสูงสุดต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว : 2.00 1. ผลการซื้อหุ้นคืน วันที่ซื้อหุ้นคืน : 01 ธ.ค. 2568 จำนวนหุ้นซื้อคืน(หุ้น) : 3,046,200 ราคาที่ซื้อต่อหุ้นหรือราคาสูงสุด(บาท/หุ้น) : 189.00 ราคาต่ำสุด(บาท/หุ้น) : 188.00 มูลค่ารวม(บาท) : 573,135,600.00 2. จำนวนหุ้นซื้อคืนทั้งสิ้น จำนวนรวมของหุ้นซื้อคืนในโครงการจนถึงปัจจุบัน : 3,046,200 (รวมผลการซื้อคืน) (หุ้น) %ของจำนวนหุ้นซื้อคืนต่อจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว : 0.13 มูลค่ารวมที่ซื้อคืน(บาท) : 573,135,600.00 ลงลายมือชื่อ _________________ ( นายจงรัก รัตนเพียร ) ผู้จัดการใหญ่ กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท ______________________________________________________________________ สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้ และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้ หากท่านต้องการดูรายละเอียดสารสนเทศฉบับนี้แบบเต็ม โปรดคลิก "รายละเอียดแบบเต็ม"

  • kaohoon

    “พงศ์ภัทร” มอง “เฟด-กนง.” จ่อลดดอกเบี้ย แนะนำลงทุนหุ้นปันผล KBANK-BAM-TLI-THANI 01/12/68

    นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์เอกซ์ จำกัด ในเครือกลุ่มเอสซีบีเอ็กซ์ (SCBX) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง แม้สถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคใต้เริ่มคลี่คลายแล้ว สะท้อนว่านักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นและรอความชัดเจนจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,265 จุดติดต่อกันในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ไม่ผ่าน ทำให้ภาพระยะสั้นยังมีลักษณะของการแกว่งตัวด้านข้างหรือพักฐาน โดยมีระดับ 1,265 จุดเป็นแนวต้านสำคัญ หากไม่สามารถยืนเหนือได้ มีโอกาสกลับมาอ่อนตัวและต้องจับตาแนวรับเดิมบริเวณ 1,248 จุด เนื่องจากหากหลุดลงไปจะกลายเป็นสัญญาณยืนยันการปรับฐานรอบใหม่ และอาจเห็นดัชนีอ่อนตัวลงอีกระลอก สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ตลาดประเมินโอกาสสูงราว 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 10 ธันวาคม หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาออกมาต่ำกว่าคาดหลายรายการ ทั้งนี้ ก่อนการประชุมเฟดจะมีตัวเลขดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญประกาศออกมาอีกครั้ง หากไม่ผิดคาดมากนักยังสนับสนุนภาพรวมแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง

  • hoonsmart

    ‘กสิกรไทย’เพิ่มถือหุ้นแบงก์แมสเปี้ยน 89.48% ปักหมุดอินโดฯ ผงาดระดับภูมิภาค 01/12/68

    HoonSmart.com>>ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์สู่การเป็นธนาคารระดับภูมิภาค (The Regional Bank) ปักหมุดอินโดนีเซียเป็นฐานยุทธศาสตร์สำคัญ เพิ่มการถือหุ้นในธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซียเป็น 89.48% ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน และสร้างเครือข่ายทางการเงินข้ามพรมแดนที่มีประสิทธิภาพ นายชัช เหลืองอาภา รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า อินโดนีเซียถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญด้วยขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน มูลค่า GDP กว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ได้รับเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สูงที่สุดในภูมิภาค รวมกว่า 202.2 ล้านล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 12.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแรงหนุนของการบริโภคภายในประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือ สนามบิน และระบบดิจิทัล รวมถึงนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อการลงทุนระยะยาว ซึ่งช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์อย่างมีนัยสำคัญ อินโดนีเซียยังเป็นเป้าหมายหลักของกลยุทธ์ “China+1” ที่บริษัทต่างชาติใช้ในการกระจายฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน สะท้อนถึงศักยภาพด้านกำลังซื้อและโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว สำหรับการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย (PT Bank Maspion Indonesia: Bank Maspion) เป็น 89.48% ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจต่างประเทศ แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญในการสร้างเครือข่ายทางการเงินระดับภูมิภาคที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ โดยพัฒนาโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจข้ามพรมแดน ควบคู่ไปกับการเดินหน้ากลยุทธ์พันธมิตรเพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าธุรกิจในกลุ่ม AEC+3 ตลอดจนการสร้างโอกาสใหม่ในการขยายตลาดและเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างมั่นคง