บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ:

KBANK กำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 12,488 ล้านบาท ลดลง 9.45% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้กำไรจะลดลง แต่ธนาคารยังคงมี อัตราส่วนเงินกองทุนที่แข็งแกร่งที่ 20.66% และ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 162.77% แสดงถึงความระมัดระวังในการตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยง

ผลประกอบการและปัจจัยกระทบ:

กำไรสุทธิลดลง เนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง ตามภาวะตลาดและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือลูกค้า แม้ว่า รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น จากผลการดำเนินงานการบริการประกันภัยและรายได้จากการลงทุน นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการตลาด

สำหรับงวด 6 เดือนปี 2568 กำไรสุทธิลดลง 0.98% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ

เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้อยู่ที่ 2,433,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.03% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 2.00% จากสิ้นปี 2567

ข้อสังเกตและวิเคราะห์:

NIM (Net Interest Margin) ลดลงอยู่ที่ 3.31% สะท้อนถึงแรงกดดันจากภาวะตลาดและการแข่งขัน

NPL (อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ) อยู่ที่ 3.18% ซึ่งยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

Coverage Ratio ที่เพิ่มขึ้นเป็น 162.77% แสดงถึงความระมัดระวังในการตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2568 มีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ของธนาคาร

สรุป:

KBANK ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและแรงกดดันด้าน NIM อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงมีความแข็งแกร่งด้านเงินทุนและมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนและให้ความช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่างๆ