สรุปงบล่าสุด KBANK

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
KBANK ปิดปี 2567 ด้วยกำไรสุทธิ 48,598 ล้านบาท โต 14.6% จากปีก่อนหน้า แม้ไตรมาส 4 กำไรจะลดลง 12.3% จากไตรมาส 3 จากการตั้งสำรองรับความเสี่ยงเพิ่ม แต่ยังเติบโตในภาพรวมจากรายได้นอกดอกเบี้ยที่ปรับตัวดี สินเชื่อรวมขยายตัว 0.57% จากปีก่อน เน้นกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ ขณะที่หนี้เสีย (NPL Ratio) อยู่ที่ 3.18% ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 สะท้อนการบริหารสินเชื่อคุณภาพ
KBANK ตั้งสำรองครอบคลุมความเสี่ยง (Coverage Ratio) สูงถึง 153.27% แม้เผชิญแรงกดดันเศรษฐกิจ พร้อมรักษาส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 3.64% และควบคุมค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) อยู่ที่ 44.09% ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดดเด่นด้วยการขยายบริการ Wealth Management และลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
สรุปด้วย AI(O) BOT
**สรุปผลประกอบการ KBANK ไตรมาส 4 ปี 2567 และโอกาสการลงทุน (อัปเดต)**
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) สิ้นปี 2567 มีผลกำไรสุทธิ 48,598 ล้านบาท เติบโต 14.60% จากปีก่อน แม้ไตรมาส 4 กำไรสุทธิจะลดลงเหลือ 10,494 ล้านบาท ลดลง 12.30% จากไตรมาส 3 เนื่องจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและสำรองหนี้ที่สูงขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
**ภาพรวมผลประกอบการ (อัปเดตข้อมูล):**
* **รายได้:** รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 149,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.63% จากปีก่อน ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 48,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.86% จากค่าธรรมเนียมและบริการ และกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน
* **กำไร:** กำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 48,598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.60% จากปีก่อน แต่กำไรสุทธิไตรมาส 4 ลดลง 12.30% จากไตรมาสก่อน
* **NPL (สินเชื่อด้อยคุณภาพ):** อัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.18% (ไตรมาสล่าสุด) ทรงตัวจากไตรมาสก่อน โดยมีมูลค่า NPL gross ที่ 93,009 ล้านบาท ซึ่งธนาคารยังคงติดตามคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด
* **ผลขาดทุนด้านเครดิต:** มีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นรวม 47,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 12,242 ล้านบาท
* **Coverage Ratio:** อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อ NPL อยู่ที่ 153.27% (ไตรมาสล่าสุด) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 150.72% ในไตรมาสก่อนหน้า แสดงถึงความระมัดระวังในการตั้งสำรอง
* **NIM (อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้):** อยู่ที่ 3.52% (ไตรมาสล่าสุด) ลดลงจาก 3.61% ในไตรมาสก่อนหน้า และลดลงเมื่อเทียบกับ 3.83% ในปีก่อนหน้า
* **Cost to Income Ratio:** อยู่ที่ 47.59% (ไตรมาสล่าสุด) เพิ่มขึ้นจาก 44.17% ในไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 48.15% ในปีก่อนหน้า
* **สินเชื่อ:** เงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 2,504,565 ล้านบาท (ไตรมาสล่าสุด) เพิ่มขึ้น 2.92% จากไตรมาสก่อน และ 0.57% จากสิ้นปี 2566 โดยสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ยังคงเติบโต
**การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ:**
* **สินทรัพย์:** สินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนลดลง โดยเฉพาะตราสารทุน และมีเงินลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้น
* **เงินรับฝาก:** เงินรับฝากลดลง โดยเฉพาะเงินฝากกระแสรายวัน
* **NIM:** ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยลดลง
* **Cost to Income Ratio:** เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านพนักงานและค่าใช้จ่ายทางการตลาด
* **Coverage Ratio:** เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แสดงถึงการตั้งสำรองที่มากขึ้น
**โอกาส:**
* **ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง:** มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากรายได้ค่าธรรมเนียม
* **การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว:** สนับสนุนรายได้จากปริวรรตเงินตราต่างประเทศ
* **ฐานะเงินกองทุน:** ยังคงแข็งแกร่งที่ 20.25% ทำให้ธนาคารมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ
* **การพัฒนาเทคโนโลยี:** เพื่อรองรับการขยายช่องทางการให้บริการลูกค้า
**ความเสี่ยง:**
* **เศรษฐกิจ:** ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์
* **การแข่งขัน:** การแข่งขันในภาคธนาคารที่สูงขึ้น
* **NPL:** การเพิ่มขึ้นของ NPL หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
* **ค่าใช้จ่าย:** ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่อาจเพิ่มขึ้นตามการขยายธุรกิจและเทคโนโลยี
* **อัตราดอกเบี้ย:** ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลกระทบต่อ NIM
**บทวิเคราะห์และโอกาสการลงทุน:**
KBANK ยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แม้ว่าไตรมาส 4 จะมีผลประกอบการลดลงเล็กน้อย แต่ธนาคารมีการตั้งสำรองหนี้ที่ระมัดระวัง และมี Coverage Ratio ที่สูงขึ้น อัตราส่วน P/E ที่ 7.91 และ P/BV ที่ 0.68 ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และมี YIELD ที่ 4.1% ถือว่าน่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของ Cost to Income Ratio และการลดลงของ NIM เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาควบคู่ไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ การลงทุนใน KBANK ยังคงเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวเพื่อรับผลตอบแทนที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของธนาคารอย่างใกล้ชิด
NIM
3.64 %
NPL
3.18 %
COV
153.27 %
CREDIT
2,504,565.00 ล้านบาท
(4.79%)
(0.09%)
(2.75%)
(1.21%)
(1.94%)
(1.30%)
(7.35%)
(2.52%)
(10.72%)
(4.36%)