ช่าวหุ้น BAY
เดือนนี้ / เดือนก่อน
ปีนี้ / ปีก่อน
-
kaohoon
BAY เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น TIDLOR ดันกำไรเพิ่ม 06/12/68
BAY รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 8,782.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.48% จากไตรมาส 3/2567 และขยายตัว 5.88% จากไตรมาส 2/2568 ที่มีกำไรสุทธิ 8,295.37 ล้านบาท กำไรสุทธิไตรมาส 3 สูงกว่าประมาณการของ บล.กสิกรไทย 9% และสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด 17% สาเหตุหลักจากกําไรพิเศษครั้งเดียวจากการประเมินมูลค่าการลงทุนใน TIDLOR จํานวน 2.8 พันล้านบาทในไตรมาส 3/2568 เนื่องจาก BAY เข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 16.33% ใน TIDLOR ทําให้สัดส่วนการถือหุ้นใน TIDLOR เพิ่มขึ้นเป็น 46.51% จาก 30.18% ในไตรมาส 3/2568 ส่งผลให้สินเชื่อรวม และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากการรวมสินเชื่อ และรายได้ดอกเบี้ยของ TIDLOR เข้ามา กําไรก่อนตั้งสํารอง (PPOP) อยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาส 2/2568 และ 13% จากไตรมาส 3/2567 สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดําเนินงาน (Opex) ที่เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 2/2568 และ 24% จากไตรมาส 3/2567 จากบันทึกค่าเผื่อด้อยค่าความนิยมบริษัทย่อยในต่างประเทศจํานวน 2.58 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายพนักงาน 1.12 พันล้านบาท ส่งผลให้กำไรก่อนตั้งสำรองในไตรมาสนี้ต่ำกว่าที่ บล.กสิกรไทยคาดไว้ราว 7% ทั้งนี้ สินเชื่อรวมไตรมาส 3/2568 เพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาส 2/2568 จากการรวมสินเชื่อของ TIDLOR ขณะที่สินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME ลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 2/2568 แม้ว่า NPL รวมในไตรมาส 3/2568 จะเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 2/2568 และ 3% จากไตรมาส 3/2567 แต่ NPL ratio ลดลงเหลือ 4.0% จาก 4.1% เนื่องจากการรวมพอร์ตสินเชื่อของ TIDLOR ซึ่งมี NPL ratio ต่ำกว่า รวมถึง NPL ratio ของสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อในกลุ่มอาเซียนที่ลดลง อย่างไรก็ตาม NPL ratio ของสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 8.8% และ 7.9% ในไตรมาส 3/2568 จาก 8.2% และ 7.4% ในไตรมาส 2/2568 ตามลําดับ บล.กสิกรไทยมองว่ามูลค่าหุ้น BAY ในปัจจุบันถูก แต่คาดว่าหุ้นจะขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ต่ำกว่าคู่แข่ง และปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ในกลุ่มสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงกดดันอยู่
-
mitihoon
BAY แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2569: ปีแห่งการประคองตัวท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอน 02/12/68
มิติหุ้น – ปี 2569 กำลังจะเป็นอีกหนึ่งปีที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญแรงปะทะจากรอบด้าน ทั้งแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว การดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของประเทศมหาอำนาจ ตลอดจนความเปราะบางเชิงโครงสร้างภายในประเทศและความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2569 เป็นปีของการประคองตัวมากกว่าจะเป็นปีของการเติบโตแบบเร่งตัว โดยวิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2569 จะเติบโตเพียง 1.8% ชะลอลงจากปี 2568 ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.1% เนื่องจากเครื่องยนต์สำคัญหลายด้านมีแนวโน้มแผ่วลง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การบริโภค การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ โดยทิศทางของปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญมีดังนี้ (i) ภาคส่งออก คาดว่าจะเผชิญผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เต็มปี 2569 แม้ภาคส่งออกเคยได้แรงหนุนชั่วคราวในปี 2568 จากการเร่งสั่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการภาษีนำเข้าใหม่จะมีผลบังคับใช้ (Front-loading) แต่ในปี 2569 การส่งออกสินค้าของไทยจะได้รับผลกระทบจากทั้งการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สู่อัตรา 19% ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังได้รับผลจากภาษีนำเข้ารายสินค้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่มาตรการภาษีศุลกากรอาจครอบคลุมเพิ่มเติมไปยังสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ขณะเดียวกันองค์การการค้าโลก (WTO) ประเมินว่าปริมาณการค้าโลกปี 2569 จะชะลอตัวลงโดยขยายตัวเพียง 0.5% จาก 2.4% ในปี 2568 ซึ่งสะท้อนอุปสงค์ในตลาดโลกที่อ่อนแอลง ปัจจัยเหล่านี้จึงอาจกดดันการส่งออกไทยในปี 2569 ให้พลิกกลับมาหดตัวที่ -1.8% หลังจากเติบโตสูงเกินคาดในปี 2568 (ii) ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ไม่เต็มศักยภาพ ภาคท่องเที่ยวยังคงเป็นความหวังที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย โดยในปี 2569 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 35.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากราว 33.3 ล้านคนในปี 2568 โดยเครื่องชี้ที่สะท้อนการฟื้นตัว ได้แก่ จำนวนเที่ยวบินเข้าสู่ไทยในช่วงฤดูหนาว 2568/2569 (ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม 2568 – 28 มีนาคม 2569) ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการขยายเส้นทางการบินใหม่ๆ จากทั้งจีนและอินเดีย อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวยังค่อนข้างช้า โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยและการแข่งขันที่รุนแรงจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2569 ยังมีแนวโน้มต่ำกว่าระดับก่อนโควิดที่ราว 40 ล้านคนในปี 2562 สะท้อนการฟื้นตัวที่ยังไม่กลับสู่ศักยภาพเดิมและความท้าทายจากโครงสร้างตลาดท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปหลัง โควิด
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.80-32.50 จับตาค่าเงินหยวนและทองคำ 01/12/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.20 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.16-32.52 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะตลาดค่อนข้างเงียบเนื่องจากเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ ดัชนีดอลลาร์เผชิญแรงกดดันด้านขาลงเล็กน้อย หลังจากข้อมูลการจ้างงานจาก ADP ที่อ่อนตัวลง และรายงานว่าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ เป็นตัวเต็งสำหรับตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่ ตอกย้ำความคาดหวังของตลาดต่อท่าทีผ่อนคลายมากขึ้นจากเฟด ส่วนกรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ระบุว่าบีโอเจกำลังเข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และเตือนถึงความเสี่ยงของราคาที่สูงขึ้นหากเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังขาดความชัดเจนว่าดอกเบี้ยจะปรับขึ้นเมื่อใด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,119 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 9,788 ล้านบาท ขณะที่ในเดือนพ.ย. เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.5% ท่ามกลางความผันผวนที่ต่ำลง สำหรับในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้ว่าบีโอเจเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยขณะที่เงินเฟ้อญี่ปุ่นยังอยู่ในระดับสูง โดยผู้ร่วมตลาดไม่แน่ใจว่าบีโอเจจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลสำรวจ ISM ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย. โดยดอลลาร์จะเผชิญแรงขายหากตัวเลขต่าง ๆ ยืนยันความเชื่อของนักลงทุนที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีกในเดือนธ.ค. นี้ ในขณะเดียวกัน ทิศทางค่าเงินหยวนจีนและราคาทองคำโลกยังมีอิทธิผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่พุ่งขึ้น 19% ในเดือนก.ย. ขณะที่มูลค่านำเข้าเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 16.3% จากหมวดทองคำเป็นหลัก ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 3.44 พันล้านดอลลาร์ อีกทั้งข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบ่งชี้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยอยู่ที่ 28.97 ล้านคนนับตั้งแต่ต้นปี ลดลง 7.2% ทางด้านธปท. รายงานไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. พร้อมกล่าวว่าประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป ได้แก่ ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม มาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการส่งออกของไทย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
-
mitihoon
TIDLOR เด่นสุดกลุ่มนอนแบงก์ กูรูเคาะเป้าราคา24บ. 28/11/68
มิติหุ้น – TIDLOR หรือ บมจ.ติดล้อ โฮลดิ้งส์ โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภายใต้ความกังวลด้านภาวะเศรษฐกิจจากตลาด ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่ม Non – Bank ในช่วงที่ผ่านมา ในมุมฝ่ายวิจัยมองว่า TIDLOR ยังน่าสนใจในกลุ่มฯ จาก Coverage ratio สูงกว่ากลุ่มฯ รวมทั้งการมี BAY เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ DPR ที่มีแนวโน้มจะสูงกว่าสมมติฐาน เป็นปัจจัยหนุน ROE โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 24.00 บาท จากราคาปัจจุบันที่ 18.40 บาท ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง Web : https://www.mitihoon.com/ Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770 Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.70 ตลาดไม่แน่ใจแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด 24/11/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.47 บาท/ดอลลาร์ โดยการซื้อขายยังคงอยู่ในกรอบแคบ ๆ ระหว่าง 32.38-32.52 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ ขณะที่ข้อมูลจ้างงานเดือนกันยายนของสหรัฐฯสะท้อนภาพที่ผสมผสาน โดยตำแหน่งจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่อัตราการว่างงานเดือนกันยายนขยับขึ้นเป็น 4.4% จาก 4.3% ทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในเดือนธันวาคม ทางด้านเงินเยนร่วงลงต่อเนื่องท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 21.3 ล้านล้านเยน ซึ่งจะมีการออกพันธบัตรเพิ่มเติมเพื่อเป็นแหล่งเงินทุน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวพุ่งขึ้น บ่งชี้ความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่การแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนด้วยวาจาครั้งล่าสุดยังไม่สามารถหยุดการอ่อนค่าของเงินเยนได้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3,515 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 1,958 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯก่อนเทศกาลขอบคุณพระเจ้า โดยจะมีรายงานยอดค้าปลีกเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ก่อนที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลจะกดดันการขยายตัวในไตรมาส 4 นอกจากนี้ ความเห็นล่าสุดจากรองประธานเฟดได้เปิดช่องไว้สำหรับการลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธันวาคม อนึ่ง เรามองว่ากรณีที่เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ในเดือนธันวาคมจะเป็นเพียงการหยุดพักชั่วคราว ไม่ใช่การสิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ จีดีพีไทยไตรมาส 3/2568 เติบโต 1.2% y-o-y แต่หดตัว 0.6% q-o-q ซึ่งเป็นการลดลงรายไตรมาสครั้งแรกในรอบเกือบสามปี สะท้อนการส่งออกชะลอ การใช้จ่ายภาครัฐหดตัว และภาคท่องเที่ยวอ่อนแรง ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนประคองจีดีพีได้เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ดี มาตรการภาครัฐจะช่วยเศรษฐกิจฟื้นตัวได้บ้างใน ไตรมาส 4/2568 โดยวิจัยกรุงศรีประเมินการเติบโตปี 2568 ที่ 2.1% ขณะที่ปี 2569 มีแนวโน้มชะลอลงจากผลของภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนทางการเมือง เพิ่มโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้เพื่อหนุนอุปสงค์ภายในและบรรเทาภาระทางการเงินของภาคเอกชน
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 20/11/68
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.80 รอข้อมูลสหรัฐฯ 17/11/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.80 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายกรอบแคบระหว่าง 32.26-32.53 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเยนและปอนด์ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามบังคับใช้กฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติ Government Shutdown ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 30 มกราคม 2569 ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ระบุว่ามีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อในระดับปานกลางควบคู่ไปกับการขึ้นค่าจ้าง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเป้าหมายดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะที่รมต.คลังญี่ปุ่นกล่าวว่าเงินเฟ้อยังไม่สามารถยืนระยะที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน สะท้อนมุมมองของรัฐบาลที่เห็นว่ายังเร็วเกินไปสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งของบีโอเจ ส่วนอังกฤษเปิดเผยตัวเลขจีดีพีที่น่าผิดหวังขณะที่ทิศทางด้านการคลังมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 6,589 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 2,613 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ ผู้ร่วมตลาดจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมาซึ่งรวมถึงรายงานจ้างงานนอกภาคเกษตรและค่าจ้างที่แท้จริงเดือนกันยายน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เห็นภาพเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น เราตั้งข้อสังเกตว่าในระยะนี้ดูเหมือนเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายจงใจแสดงท่าทีที่เป็นอิสระต่อกันทั้งในแง่การประเมินภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อทั้งๆที่ระหว่าง Shutdown ไม่มีประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการ ทำให้ตลาดไม่มั่นใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมหรือไม่ นอกจากนี้ การเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดรอบล่าสุดอาจช่วยให้ตลาดเข้าใจมากขึ้นว่าคณะกรรมการมีความเห็นแตกแยกเพียงใดเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายในระยะข้างหน้า ส่วนปัจจัยในประเทศตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งมีแนวโน้มชะลอลง สำหรับค่าเงินเยน นักลงทุนมองว่าโอกาสการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโดยทางการญี่ปุ่นในเวลานี้มีน้อยยกเว้น USD/JPY จะพุ่งทดสอบระดับ 160 อนึ่ง ท่ามกลางนโยบายการเงินที่ระมัดระวังของบีโอเจและนโยบายการคลังของนายกฯทาคาอิจิ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝั่งสหรัฐฯอาจต้องลดลงอย่างมากเพื่อเป็นเงื่อนไขให้ค่าเงินเยนฟื้นตัว
-
mitihoon
#BAY แจ้งงบ Q3/68 กำไรแตะ 8.7 พันลบ. 13/11/68
มิติหุ้น – BAY แจ้งผลประกอบการ งวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2568 บริษัทมีกำไร 8,782.89ลบ. จากไตรมาส 3 ปี 2567 ที่มีกำไร 7,672.20 ลบ. ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง Web : https://www.mitihoon.com/ Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770 Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
-
set
-
set
-
kaohoon
BAY เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น TIDLOR ดันกำไรเพิ่ม 06/12/68
BAY รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 8,782.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.48% จากไตรมาส 3/2567 และขยายตัว 5.88% จากไตรมาส 2/2568 ที่มีกำไรสุทธิ 8,295.37 ล้านบาท กำไรสุทธิไตรมาส 3 สูงกว่าประมาณการของ บล.กสิกรไทย 9% และสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด 17% สาเหตุหลักจากกําไรพิเศษครั้งเดียวจากการประเมินมูลค่าการลงทุนใน TIDLOR จํานวน 2.8 พันล้านบาทในไตรมาส 3/2568 เนื่องจาก BAY เข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 16.33% ใน TIDLOR ทําให้สัดส่วนการถือหุ้นใน TIDLOR เพิ่มขึ้นเป็น 46.51% จาก 30.18% ในไตรมาส 3/2568 ส่งผลให้สินเชื่อรวม และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากการรวมสินเชื่อ และรายได้ดอกเบี้ยของ TIDLOR เข้ามา กําไรก่อนตั้งสํารอง (PPOP) อยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาส 2/2568 และ 13% จากไตรมาส 3/2567 สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายดําเนินงาน (Opex) ที่เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 2/2568 และ 24% จากไตรมาส 3/2567 จากบันทึกค่าเผื่อด้อยค่าความนิยมบริษัทย่อยในต่างประเทศจํานวน 2.58 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายพนักงาน 1.12 พันล้านบาท ส่งผลให้กำไรก่อนตั้งสำรองในไตรมาสนี้ต่ำกว่าที่ บล.กสิกรไทยคาดไว้ราว 7% ทั้งนี้ สินเชื่อรวมไตรมาส 3/2568 เพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาส 2/2568 จากการรวมสินเชื่อของ TIDLOR ขณะที่สินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME ลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 2/2568 แม้ว่า NPL รวมในไตรมาส 3/2568 จะเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 2/2568 และ 3% จากไตรมาส 3/2567 แต่ NPL ratio ลดลงเหลือ 4.0% จาก 4.1% เนื่องจากการรวมพอร์ตสินเชื่อของ TIDLOR ซึ่งมี NPL ratio ต่ำกว่า รวมถึง NPL ratio ของสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อในกลุ่มอาเซียนที่ลดลง อย่างไรก็ตาม NPL ratio ของสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 8.8% และ 7.9% ในไตรมาส 3/2568 จาก 8.2% และ 7.4% ในไตรมาส 2/2568 ตามลําดับ บล.กสิกรไทยมองว่ามูลค่าหุ้น BAY ในปัจจุบันถูก แต่คาดว่าหุ้นจะขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ต่ำกว่าคู่แข่ง และปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ในกลุ่มสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงกดดันอยู่
-
mitihoon
BAY แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2569: ปีแห่งการประคองตัวท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอน 02/12/68
มิติหุ้น – ปี 2569 กำลังจะเป็นอีกหนึ่งปีที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญแรงปะทะจากรอบด้าน ทั้งแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว การดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของประเทศมหาอำนาจ ตลอดจนความเปราะบางเชิงโครงสร้างภายในประเทศและความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2569 เป็นปีของการประคองตัวมากกว่าจะเป็นปีของการเติบโตแบบเร่งตัว โดยวิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2569 จะเติบโตเพียง 1.8% ชะลอลงจากปี 2568 ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.1% เนื่องจากเครื่องยนต์สำคัญหลายด้านมีแนวโน้มแผ่วลง ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การบริโภค การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ โดยทิศทางของปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญมีดังนี้ (i) ภาคส่งออก คาดว่าจะเผชิญผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เต็มปี 2569 แม้ภาคส่งออกเคยได้แรงหนุนชั่วคราวในปี 2568 จากการเร่งสั่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการภาษีนำเข้าใหม่จะมีผลบังคับใช้ (Front-loading) แต่ในปี 2569 การส่งออกสินค้าของไทยจะได้รับผลกระทบจากทั้งการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สู่อัตรา 19% ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังได้รับผลจากภาษีนำเข้ารายสินค้าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่มาตรการภาษีศุลกากรอาจครอบคลุมเพิ่มเติมไปยังสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ขณะเดียวกันองค์การการค้าโลก (WTO) ประเมินว่าปริมาณการค้าโลกปี 2569 จะชะลอตัวลงโดยขยายตัวเพียง 0.5% จาก 2.4% ในปี 2568 ซึ่งสะท้อนอุปสงค์ในตลาดโลกที่อ่อนแอลง ปัจจัยเหล่านี้จึงอาจกดดันการส่งออกไทยในปี 2569 ให้พลิกกลับมาหดตัวที่ -1.8% หลังจากเติบโตสูงเกินคาดในปี 2568 (ii) ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ไม่เต็มศักยภาพ ภาคท่องเที่ยวยังคงเป็นความหวังที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย โดยในปี 2569 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 35.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากราว 33.3 ล้านคนในปี 2568 โดยเครื่องชี้ที่สะท้อนการฟื้นตัว ได้แก่ จำนวนเที่ยวบินเข้าสู่ไทยในช่วงฤดูหนาว 2568/2569 (ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม 2568 – 28 มีนาคม 2569) ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการขยายเส้นทางการบินใหม่ๆ จากทั้งจีนและอินเดีย อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวยังค่อนข้างช้า โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยและการแข่งขันที่รุนแรงจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2569 ยังมีแนวโน้มต่ำกว่าระดับก่อนโควิดที่ราว 40 ล้านคนในปี 2562 สะท้อนการฟื้นตัวที่ยังไม่กลับสู่ศักยภาพเดิมและความท้าทายจากโครงสร้างตลาดท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปหลัง โควิด
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.80-32.50 จับตาค่าเงินหยวนและทองคำ 01/12/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.20 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.16-32.52 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะตลาดค่อนข้างเงียบเนื่องจากเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ ดัชนีดอลลาร์เผชิญแรงกดดันด้านขาลงเล็กน้อย หลังจากข้อมูลการจ้างงานจาก ADP ที่อ่อนตัวลง และรายงานว่าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ เป็นตัวเต็งสำหรับตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่ ตอกย้ำความคาดหวังของตลาดต่อท่าทีผ่อนคลายมากขึ้นจากเฟด ส่วนกรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ระบุว่าบีโอเจกำลังเข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และเตือนถึงความเสี่ยงของราคาที่สูงขึ้นหากเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังขาดความชัดเจนว่าดอกเบี้ยจะปรับขึ้นเมื่อใด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,119 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 9,788 ล้านบาท ขณะที่ในเดือนพ.ย. เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.5% ท่ามกลางความผันผวนที่ต่ำลง สำหรับในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้ว่าบีโอเจเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยขณะที่เงินเฟ้อญี่ปุ่นยังอยู่ในระดับสูง โดยผู้ร่วมตลาดไม่แน่ใจว่าบีโอเจจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลสำรวจ ISM ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย. โดยดอลลาร์จะเผชิญแรงขายหากตัวเลขต่าง ๆ ยืนยันความเชื่อของนักลงทุนที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีกในเดือนธ.ค. นี้ ในขณะเดียวกัน ทิศทางค่าเงินหยวนจีนและราคาทองคำโลกยังมีอิทธิผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่พุ่งขึ้น 19% ในเดือนก.ย. ขณะที่มูลค่านำเข้าเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 16.3% จากหมวดทองคำเป็นหลัก ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 3.44 พันล้านดอลลาร์ อีกทั้งข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบ่งชี้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยอยู่ที่ 28.97 ล้านคนนับตั้งแต่ต้นปี ลดลง 7.2% ทางด้านธปท. รายงานไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. พร้อมกล่าวว่าประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป ได้แก่ ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม มาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการส่งออกของไทย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
-
mitihoon
TIDLOR เด่นสุดกลุ่มนอนแบงก์ กูรูเคาะเป้าราคา24บ. 28/11/68
มิติหุ้น – TIDLOR หรือ บมจ.ติดล้อ โฮลดิ้งส์ โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภายใต้ความกังวลด้านภาวะเศรษฐกิจจากตลาด ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่ม Non – Bank ในช่วงที่ผ่านมา ในมุมฝ่ายวิจัยมองว่า TIDLOR ยังน่าสนใจในกลุ่มฯ จาก Coverage ratio สูงกว่ากลุ่มฯ รวมทั้งการมี BAY เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ DPR ที่มีแนวโน้มจะสูงกว่าสมมติฐาน เป็นปัจจัยหนุน ROE โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 24.00 บาท จากราคาปัจจุบันที่ 18.40 บาท ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง Web : https://www.mitihoon.com/ Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770 Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.70 ตลาดไม่แน่ใจแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด 24/11/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.47 บาท/ดอลลาร์ โดยการซื้อขายยังคงอยู่ในกรอบแคบ ๆ ระหว่าง 32.38-32.52 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ ขณะที่ข้อมูลจ้างงานเดือนกันยายนของสหรัฐฯสะท้อนภาพที่ผสมผสาน โดยตำแหน่งจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่อัตราการว่างงานเดือนกันยายนขยับขึ้นเป็น 4.4% จาก 4.3% ทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในเดือนธันวาคม ทางด้านเงินเยนร่วงลงต่อเนื่องท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 21.3 ล้านล้านเยน ซึ่งจะมีการออกพันธบัตรเพิ่มเติมเพื่อเป็นแหล่งเงินทุน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวพุ่งขึ้น บ่งชี้ความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่การแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนด้วยวาจาครั้งล่าสุดยังไม่สามารถหยุดการอ่อนค่าของเงินเยนได้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3,515 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 1,958 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯก่อนเทศกาลขอบคุณพระเจ้า โดยจะมีรายงานยอดค้าปลีกเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ก่อนที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลจะกดดันการขยายตัวในไตรมาส 4 นอกจากนี้ ความเห็นล่าสุดจากรองประธานเฟดได้เปิดช่องไว้สำหรับการลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธันวาคม อนึ่ง เรามองว่ากรณีที่เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ในเดือนธันวาคมจะเป็นเพียงการหยุดพักชั่วคราว ไม่ใช่การสิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ จีดีพีไทยไตรมาส 3/2568 เติบโต 1.2% y-o-y แต่หดตัว 0.6% q-o-q ซึ่งเป็นการลดลงรายไตรมาสครั้งแรกในรอบเกือบสามปี สะท้อนการส่งออกชะลอ การใช้จ่ายภาครัฐหดตัว และภาคท่องเที่ยวอ่อนแรง ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนประคองจีดีพีได้เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ดี มาตรการภาครัฐจะช่วยเศรษฐกิจฟื้นตัวได้บ้างใน ไตรมาส 4/2568 โดยวิจัยกรุงศรีประเมินการเติบโตปี 2568 ที่ 2.1% ขณะที่ปี 2569 มีแนวโน้มชะลอลงจากผลของภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนทางการเมือง เพิ่มโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้เพื่อหนุนอุปสงค์ภายในและบรรเทาภาระทางการเงินของภาคเอกชน
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 20/11/68
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.80 รอข้อมูลสหรัฐฯ 17/11/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.80 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายกรอบแคบระหว่าง 32.26-32.53 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเยนและปอนด์ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามบังคับใช้กฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติ Government Shutdown ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 30 มกราคม 2569 ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)ระบุว่ามีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อในระดับปานกลางควบคู่ไปกับการขึ้นค่าจ้าง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเป้าหมายดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะที่รมต.คลังญี่ปุ่นกล่าวว่าเงินเฟ้อยังไม่สามารถยืนระยะที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน สะท้อนมุมมองของรัฐบาลที่เห็นว่ายังเร็วเกินไปสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งของบีโอเจ ส่วนอังกฤษเปิดเผยตัวเลขจีดีพีที่น่าผิดหวังขณะที่ทิศทางด้านการคลังมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 6,589 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 2,613 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ ผู้ร่วมตลาดจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศออกมาซึ่งรวมถึงรายงานจ้างงานนอกภาคเกษตรและค่าจ้างที่แท้จริงเดือนกันยายน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)เห็นภาพเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น เราตั้งข้อสังเกตว่าในระยะนี้ดูเหมือนเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายจงใจแสดงท่าทีที่เป็นอิสระต่อกันทั้งในแง่การประเมินภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อทั้งๆที่ระหว่าง Shutdown ไม่มีประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการ ทำให้ตลาดไม่มั่นใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมหรือไม่ นอกจากนี้ การเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดรอบล่าสุดอาจช่วยให้ตลาดเข้าใจมากขึ้นว่าคณะกรรมการมีความเห็นแตกแยกเพียงใดเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายในระยะข้างหน้า ส่วนปัจจัยในประเทศตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งมีแนวโน้มชะลอลง สำหรับค่าเงินเยน นักลงทุนมองว่าโอกาสการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโดยทางการญี่ปุ่นในเวลานี้มีน้อยยกเว้น USD/JPY จะพุ่งทดสอบระดับ 160 อนึ่ง ท่ามกลางนโยบายการเงินที่ระมัดระวังของบีโอเจและนโยบายการคลังของนายกฯทาคาอิจิ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝั่งสหรัฐฯอาจต้องลดลงอย่างมากเพื่อเป็นเงื่อนไขให้ค่าเงินเยนฟื้นตัว
-
mitihoon
#BAY แจ้งงบ Q3/68 กำไรแตะ 8.7 พันลบ. 13/11/68
มิติหุ้น – BAY แจ้งผลประกอบการ งวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2568 บริษัทมีกำไร 8,782.89ลบ. จากไตรมาส 3 ปี 2567 ที่มีกำไร 7,672.20 ลบ. ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง Web : https://www.mitihoon.com/ Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770 Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
-
set
-
set
-
set
-
set
-
mitihoon
BAY กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.70 สหรัฐฯอาจใกล้ยุติชัตดาวน์ 10/11/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดทรงตัวที่ 32.35 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ ค่อนข้างแคบระหว่าง 32.32-32.61 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเยน แม้ในช่วงแรกดัชนีดอลลาร์พุ่งทะลุระดับ 100 โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขจ้างงาน ADP และดัชนี ISM ภาคบริการเดือนตุลาคมของสหรัฐฯที่สดใสเกินคาด นอกจากนี้ ถ้อยแถลงล่าสุดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)หลายรายสะท้อนถึงท่าทีที่ระมัดระวังต่อทิศทางนโยบายการเงิน โดยเน้นถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของข้อมูล ทางด้านเงินเยนฟื้นตัวขึ้นหลังการแทรกแซงด้วยวาจาโดยรมต.คลังของญี่ปุ่นซึ่งกล่าวย้ำว่ากำลังจับตาความเคลื่อนไหวทางเดียวของเงินเยนอย่างใกล้ชิดและด้วยความเร่งด่วน ส่วนค่าเงินปอนด์ปรับตัวผันผวนหลังธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี)มีมติ 5 ต่อ 4 เสียงให้คงดอกเบี้ยที่ 4.00% ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,265 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 8,228 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ การปรับตัวของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในระยะนี้สะท้อนให้เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์ได้รับอานิสงส์บางส่วนจากสุญญากาศด้านข้อมูล ท่ามกลางภาวะ Government Shutdown ที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เราประเมินว่าหลังรัฐบาลเปิดทำการและสามารถเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจได้ นักลงทุนอาจจะเห็นภาคแรงงานที่อ่อนแอลงอย่างชัดเจน อนึ่ง ยิ่งการปิดทำการยืดเยื้อมากเท่าใดต่อจากนี้ ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะยิ่งมากขึ้น นอกจากนี้ การไต่สวนของศาลสูงสุดเรื่องอำนาจประธานาธิบดีทรัมป์ในการใช้มาตรการ Reciprocal Tariff โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสภาเพิ่มความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยคำตัดสินอาจออกมาภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปี 2569 ขณะที่รัฐบาลทรัมป์กำลังเตรียมใช้กฎหมายการค้าฉบับอื่นเพื่อทดแทนรายได้ที่สูญเสียไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับภาพรวมในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนตุลาคมของไทยลดลง 0.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 อีกทั้งเป็นเดือนที่ 8 ที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ทางด้านกระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังคงติดลบในเดือนพฤศจิกายนและมีโอกาสที่จะเป็นลบตลอดทั้งปี 2568 ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมพลังงานและอาหารสด เพิ่มขึ้น 0.61% ในเดือนตุลาคมต่ำกว่าที่ตลาดคาดเช่นกัน
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.20-32.70 ติดตามข้อมูลสหรัฐและค่าเงินหยวน 03/11/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.35 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.23-32.73 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ลดดอกเบี้ย 25bp เป็น 3.75-4.00% และประกาศยุติมาตรการ Quantitative Tightening ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม อย่างไรก็ดี ประธานเฟดเน้นย้ำว่ายังไม่ใช่ข้อสรุปที่แน่นอนว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนธันวาคม ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯพุ่งขึ้นโดยตลาดลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับดอกเบี้ยของเฟดในช่วงถัดไป ทางด้านเงินเยนอ่อนค่าลงหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คงดอกเบี้ยที่ 0.50% และแสดงท่าทีระมัดระวังต่อจังหวะเวลาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตรึงดอกเบี้ยที่ 2.00% ตามคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 5,045 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสูงถึง 30,485 ล้านบาท ขณะที่ในเดือนตุลาคมเงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.11% สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูล ISM ภาคการผลิตและบริการรวมถึงการจ้างงานภาคเอกชนเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ขณะที่ภาวะ Government Shutdown เข้าสู่เดือนที่สอง ในภาพใหญ่ความต้องการขายดอลลาร์ในระยะนี้อาจถูกจำกัดจากการปรับคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดสะท้อนความคิดเห็นที่หลากหลายและหลีกเลี่ยงที่จะให้คำมั่นเกี่ยวกับความต่อเนื่องของการผ่อนคลายนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับจีนซึ่งช่วยคลายความวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอาจสนับสนุนการแข็งค่าของเงินหยวนและสกุลเงินในภูมิภาครวมถึงเงินบาท โดยนักลงทุนจะติดตามการตั้งค่ากลางรายวันสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจีน ทั้งนี้ สหรัฐฯประกาศลดภาษีศุลกากรต่อสินค้าจีนเหลือ 47% จาก 57% ขณะที่จีนจะชะลอการควบคุมการส่งออกแร่หายาก กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนกันยายนเติบโต 19.0% สูงสุดรอบ 42 เดือน ขณะที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯชัดเจนมากขึ้น ส่วนมูลค่านำเข้าเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 17.2% ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุประเด็นที่ต้องติดตามสำหรับเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การฟื้นตัวของภาคการผลิต ผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ พัฒนาการภาคท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐและการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ
-
set
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.40–33.00 มองเฟดลดดอกเบี้ย 27/10/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-33.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.77 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.51-32.90 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทปรับตัวผันผวนตามราคาทองคำตลาดโลก เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ โดยเงินเยนเผชิญแรงกดดันหลังรัฐสภาญี่ปุ่นลงมติเลือกหัวหน้าพรรค LDP เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งได้กล่าวถึงการดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นสร้างความวิตกว่าหากราคาเดินหน้าสูงขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลให้ความคาดหวังด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและจะถ่วงอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงในญี่ปุ่น ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังอังกฤษรายงานเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี)อาจลดดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี แรงขายเงินปอนด์ถูกจำกัดขณะที่ความกังวลด้านการคลังมีสัญญาณคลายตัวลง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 7,777 ล้านบาท และ 6,614 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดการเงินโลกจะให้ความสนใจกับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) และธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) โดยคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 25bp เป็น 3.75-4.00% ขณะที่เงินเฟ้อเดือนก.ย.ของสหรัฐฯต่ำกว่าคาดเล็กน้อยเนื่องจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นถูกชดเชยบางส่วนด้วยการชะลอตัวของค่าเช่า นักลงทุนจะติดตามโทนการสื่อสารของเฟดและการยุติมาตรการ Quantitative Tightening ต่อไป ทางด้านบีโอเจและอีซีบีมีแนวโน้มคงนโยบายตามเดิม นอกจากนี้ การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับจีนในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) สร้างความคาดหวังว่าจะมีข้อตกลงเพื่อเปิดทางสู่การเจรจาอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นขณะที่รมต.คลังสหรัฐฯกล่าวว่าจะยกเลิกแผนเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน เนื่องจากคาดว่าจีนจะซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นและชะลอการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากชุดใหม่ ขณะที่ธนาคารแห่งงประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/68 อาจเติบโต 1.5% y-o-y แต่หดตัว 0.5% q-o-q ก่อนที่จะขยายตัว 1.3% y-o-y และ 0.5% q-o-q ในไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเป็นบวกในไตรมาส 2/69 และเน้นย้ำว่าความเสี่ยงเงินฝืดอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากราคาสินค้าไม่ได้ลดลงเป็นวงกว้าง
-
hoonsmart
“บัตรกรุงศรี เดบิต-บัตร Krungsri Boarding Card” แตะจ่าย MRT รับฟรี Potato Corner 24/10/68
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่แตะจ่ายรถไฟฟ้า MRT ที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ สายสีแดง สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีชมพู และ สายสีเหลือง ด้วยบัตรกรุงศรี เดบิต หรือบัตร Krungsri Boarding Card ที่มีสัญลักษณ์ Visa Contactless รับฟรี Potato Corner เฟรนช์ฟรายส์ ขนาดเมก้า (เลือกได้ 2 รสชาติ) หรือ ไก่ซุปเปอร์ป๊อป ขนาด จัมโบ้ มูลค่า 89 บาท (จำกัด 1 สิทธิ์/เดือน) กดรับสิทธิ์ได้ที่ krungsri app เมนู “สิทธิประโยชน์” หัวข้อ “สิทธิพิเศษที่คุณได้รับ” ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/hot-promotion/mrt-get-free-potato-corner
-
fin
-
hoonsmart
BAY ชูกำไร 8,783 ลบ.Q3 รวม 9 เดือน 24,612 ล้านบ. “ติดล้อฯ”ช่วย 20/10/68
HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประกาศผลงานไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 8,782.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงปีก่อน และเติบโต 5.1% จากไตรมาส 2 รวม 9 เดือนโกย 24,611.74 ล้านบาท ได้กําไรพิเศษปรับมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุน “ติดล้อ โฮลดิ้งส์” (TIDLOR) ลดสำรองหนี้ เน้นกลยุทธ์เติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมบริหารความเสี่ยงรอบคอบระมัดระวัง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2568 มีกำไรสุทธิ 8,782.89 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 1.19 บาท เพิ่มขึ้น 1,110.69 ล้านบาท หรือ 14.48% จากที่มีกำไรสุทธิ 7,672.20 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 1.04 บาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 488 ล้านบาท หรือ 5.9%เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
-
kaohoon
BAY กำไรไตรมาส 3 โต 14% แตะ 8.78 พันล้าน รับรู้รายได้ TIDLOR-ค่าฟีหนุน 20/10/68
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ ดังนี้ โดย BAY รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 โดยมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และการรับรู้รายได้จาก บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ที่เข้ามาเสริมพอร์ตการเงินของธนาคาร ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2568 รายได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 37,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,378 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.8 จากไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อของ TIDLOR แม้รายได้ดอกเบี้ยจากพอร์ตสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะลดลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ธนาคารยังสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ 9,361 ล้านบาท ลดลง 621 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.2 จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นแตะระดับ 27,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,999 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.7 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
-
mitihoon
#BAY แจ้งงบ Q3/68 กำไรแตะ 8.7 พันล. 20/10/68
มิติหุ้น – BAY แจ้งผลประกอบการ งวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2568 บริษัทมีกำไร 8,782.89 ลบ. จากไตรมาส 3 ปี 2567 ที่มีกำไร 7,672.20 ลบ. ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง Web : https://www.mitihoon.com/ Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770 Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
-
mitihoon
มิติหุ้น – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 24,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น กำไรพิเศษที่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR) ซึ่งบางส่วนสุทธิด้วยการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ สอดคล้องกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและการชะลอตัวของเงินให้สินเชื่อ ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย ส่งผลให้ความต้องการเงินให้สินเชื่อลดลง กรุงศรียังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะกลางและระยะยาวเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน และสร้างโอกาสการเติบโตในตลาดลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการ SME โดยการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TIDLOR เพิ่มขึ้นจาก 30.18% เป็น 46.51% ในไตรมาสสามของปี 2568 สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568:
-
mitihoon
Mitihoon – Krungsri (Bank of Ayudhya PCL and its business units) posts 24,612 million baht in net profit for the first nine months of 2025, a 5.1% increase from the same period last year, primarily attributed to lower expected credit loss (ECL) and a one-time gain associated with Tidlor Holdings Plc (TIDLOR) investment remeasurement, while being partially offset by a decline in net interest income, corresponding to multiple policy rate cuts and sluggish loan growth. Amid intensifying economic challenges which contributed to muted credit demand, Krungsri’s increase of equity stake in TIDLOR, from 30.18% to 46.51%, in the third quarter of 2025 reinforces its ชmedium- and long-term strategic focus on financial inclusion and capturing growth opportunities within underserved retail and SME segments. Highlights of Krungsri’s consolidated 9M/25 performance:
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 20/10/68
-
set
-
set
-
set
-
set
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.50-33.10 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ 20/10/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-33.10 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.66 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.42-32.78 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ระบุว่ามุมมองของเฟดเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อแทบไม่เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่การประชุมเดือนกันยายน แต่ได้เตือนถึงการจ้างงานที่ชะลอตัว ตอกย้ำความคาดหวังของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกสองครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ ประธานเฟดกล่าวว่าอาจยุติการลดขนาดงบดุล(Quantitative Tightening) ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะช่วยสนับสนุนสภาพคล่องท่ามกลางสัญญาณตึงตัวในตลาดเงิน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวผันผวนสูงจากความกังวลรอบใหม่ต่อสงครามการค้าและสถานการณ์ของธนาคารภูมิภาคในสหรัฐฯ ทางด้านเงินยูโรได้แรงหนุนหลังรัฐบาลฝรั่งเศสรอดจากมติไม่ไว้วางใจ ส่วนเงินเยนฟื้นตัวขึ้นขณะตลาดรอดูความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลของญี่ปุ่น ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 5,186 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 1,311 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ลดความแข็งกร้าวเกี่ยวกับแผนขึ้นภาษีศุลกากรในอัตราสูงมากกับจีน ช่วยให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง นักลงทุนจะให้ความสนใจกับการเหวี่ยงตัวของราคาทองคำในตลาดโลกที่ทุบสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง การเปิดเผยข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/68 ของจีน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายนของสหรัฐฯ อนึ่ง การปิดทำการของรัฐบาล(Government Shutdown)ยื้ดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม ซึ่งทำให้การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอีกหลายรายการยังคงถูกเลื่อนออกไป ขณะที่ตลาดคาดว่าเฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในญี่ปุ่นอาจคลี่คลายลง เมื่อรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่วันที่ 21 ตุลาคม แม้เราคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จำเป็นต้องชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปจากปัจจัยทั้งภายในและนอกประเทศ แต่ความพยายามประนีประนอมด้านต่างๆเพื่อตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรค LDP บ่งชี้ว่าการผลักดันนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนปรนอย่างมีนัยสำคัญอาจทำได้ยากขึ้น ภาวะดังกล่าวสนับสนุนมุมองของเราที่ว่าในระยะข้างหน้าแรงขายเงินเยนจะถูกจำกัด
-
hoonsmart
BAY เปิดตัวแคมเปญ“ทุกสินเชื่อ จัดมาครบ ที่กรุงศรี” หนุนลูกค้ารายย่อยเข้าถึงสินเชื่อครบวงจร 16/10/68
HoonSmart.com>> “กลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา”(BAY) เดินหน้าสนับสนุนลูกค้ารายย่อยด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อครบวงจร สริมพลังเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมข้อเสนอพิเศษส่งท้ายปี ครอบคลุมทั้งสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อวงเงินพร้อมใช้ ภายใต้แคมเปญ “ทุกสินเชื่อ จัดมาครบ ที่กรุงศรี” ตั้งแต่ 15 ต.ค.– 30 ธ.ค.68 นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย ทั้งต้นทุนการดำรงชีพที่สูงขึ้นและภาวะผันผวนในตลาดโลก กรุงศรีมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นพลังสนับสนุนสำคัญให้กับลูกค้ารายย่อย ด้วยการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่เข้าถึงง่าย โปร่งใส และสอดคล้องกับความสามารถในการชำระคืนของลูกค้า เราเชื่อว่าการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบไม่เพียงช่วยลดความเปราะบางทางการเงินของครัวเรือน แต่ยังมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการบริโภค การลงทุน และการหมุนเวียนของเศรษฐกิจโดยรวม เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในระยะยาว ในโอกาสครบรอบ 80 ปี กรุงศรีได้รวบรวมผลิตภัณฑ์สินเชื่อคุณภาพหลากหลายประเภท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงจังหวะชีวิต พร้อมข้อเสนอพิเศษส่งท้ายปีในแคมเปญ “ทุกสินเชื่อ จัดมาครบ ที่กรุงศรี” ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2568 – 30 ธันวาคม 2568 ได้แก่
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.30-33.00 การค้าตึงเครียดรอบใหม่ 14/10/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-33.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.73 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.34-32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาททดสอบระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากเหตุการณ์ทางการเมืองนอกสหรัฐฯที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในเงินเยนและยูโรในระยะสั้นและบดบังผลกระทบต่อดอลลาร์จากภาวะ Government Shutdown ในสหรัฐฯ ขณะที่เงินเยนดิ่งลงสู่ระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 8 เดือน เนื่องจากนักลงทุนมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปหลังจากว่าที่ผู้นำรัฐบาลมีท่าทีสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลาย ทางด้านเงินยูโรอ่อนค่าลงท่ามกลางวิกฤติการเมืองซึ่งส่งผลให้ต้นทุนกู้ยืมของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้น อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ลดช่วงบวกท้ายสัปดาห์ขณะตลาดกลับมากังวลเรื่องสงครามการค้า ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 2,519 ล้านบาท และ 1,065 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับในสัปดาห์นี้ ขณะที่สถานการณ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนตึงเครียดขึ้นอีกครั้งหลังจีนขยายมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากและปธน.ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 100% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน อนึ่ง เรายังคงคาดหวังว่าภาษี 100% จะไม่ถูกนำมาใช้และแม้จะเกิดขึ้นจริงก็ไม่น่าจะคงอยู่เป็นเวลานาน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทนต่อภาษีในระดับสุดโต่งได้นาน อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินโลกจะผันผวนสูงขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลในญี่ปุ่น และการตกลงเรื่องงบประมาณของฝรั่งเศส รวมถึงความเห็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) สำหรับมุมมองสถานการณ์ภายในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยสวนทางมุมมองของเรา ขณะที่กรรมการเสียงส่วนน้อยสองท่านโหวตให้ลดดอกเบี้ยลง 25bp เพื่อสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อและลดภาระหนี้ของ SME และครัวเรือนที่เปราะบาง อย่างไรก็ดี กรรมการส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การรักษาพื้นที่นโยบายที่จำกัดและปล่อยให้การลดอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ส่งผลเต็มที่ต่อเศรษฐกิจ สัญญาณจากกนง.ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่อ่อนแรงทำให้เรายังคงประเมินว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังไม่สิ้นสุดขาลง
-
thunhoon
ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร “BAY” ที่ “AAA” แนวโน้ม “Stable” 10/10/68
ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการสร้างผลกำไร (Earnings Capacity) ของธนาคารจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีในระยะกลาง โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพ การบริหารต้นทุน และการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss Provisions) ที่มีเสถียรภาพจะช่วยชดเชยผลกระทบจากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin –- NIM) ซึ่งคาดว่าจะลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปี 2568 และปี 2569 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (ROAA) ของธนาคารจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.1%-1.2% ในช่วงปี 2568-2570 โดย NIM ของธนาคารน่าจะยังคงสูงกว่าของคู่แข่งเนื่องจากธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงจากธุรกิจในอาเซียนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าธนาคารจะสามารถรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost-to-Income Ratio) ให้อยู่ที่ระดับ 40% กลาง ๆ ได้ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ROAA ของธนาคารปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.3% จาก 1.2% ในช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยมีปัจจัยหลักมาจาก ค่าใช้จ่ายด้านเครดิต (Credit Cost) ที่ลดลงเหลือ 216 จุด (bps) จาก 240 จุดในช่วงเวลาเดียวกัน และกำไรสุทธิก็เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1.64 หมื่นล้านบาท คุณภาพสินทรัพย์น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
-
thunhoon
BAY ทุ่มหมื่นล.ลงทุนเทค ขยายฐานบริการลูกค้า 09/10/68
#BAY #ทันหุ้น – BAY มุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงให้บริการทางการเงิน ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคต รวมถึงการปรับปรุงต้นทุนและการใช้จ่าย จากการปรับลดพนักงาน สาขา รวมถึงตู้ ATM ในบางพื้นที่ และไปเพิ่มในจุดที่มีความต้องการสูง โดยใช้งบลงทุนด้านเทคโนโลยีเฉลี่ยเกือบหมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงที่ผ่านมา และกำลังอยู่ระหว่างทำแผนการลงทุนในปีหน้า นายเคนอิจิ ยามาโตะกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAYกล่าวว่า“ความมุ่งมั่นของธนาคารกรุงศรีในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านนวัตกรรมที่ช่วยให้การบริการทางการเงินในชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” @เน้นพัฒนาเทคโนโลยี
-
mitihoon
BAY ระบุ เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยหลัง กนง. ประกาศคงดอกเบี้ย 08/10/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ต่อปี ทั้งนี้ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50% เป็น 1.25% ต่อปี ในการแถลงของ กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2568 และ 2569 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ 2.2% และ 1.6% ตามลำดับ แม้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีจากการเร่งผลิตและส่งออกไปยังสหรัฐฯ แต่คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และปี 2569 มีแนวโน้มชะลอลงจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวจะทยอยฟื้นตัว อีกทั้งการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ในระดับหนึ่งโดยได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการส่งออกหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับลดลงเหลือ 0.0% ในปี 2568 และ 0.5% ในปี 2569 จากปัจจัยด้านอุปทาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันและอาหารสด แต่คาดว่าจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในช่วงต้นปี 2570 นอกจากนี้ กนง. ยังระบุถึงการหดตัวของสินเชื่ออันเป็นผลมาจากความต้องการสินเชื่อที่ลดลงของธุรกิจขนาดใหญ่ การชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ และความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะ SMEs และครัวเรือนรายได้ต่ำ
-
mitihoon
Mitihoon – Bangkok (8 October 2025) – Krungsri (Bank of Ayudhya PCL and its business units), as a leader in digital banking with a commitment to a sustainable future, shares its vision to drive IT and digital innovations at Krungsri Tech Day 2025: Empower People to Make Life Simple. The vision focuses on developing technology that connects all aspects of daily life to make it more convenient and seamless, while enhancing the capabilities of both technology and people to support Thai businesses and society toward a sustainable future. Krungsri’s annual technology and innovation event is held in collaboration with leading tech partners, now in its fourth consecutive year. Mr. Kenichi Yamato, Krungsri President and Chief Executive Officer, delivered the opening remarks, stating: “Krungsri Tech Day 2025 highlights our commitment to driving meaningful transformation through innovations that simplify, accelerate, and secure everyday financial experiences. By leveraging advanced digital capabilities, Krungsri aims to deliver customized services, streamline operations, and build lasting trust—supporting its aspiration to become the Leading Sustainable and Regional Bank. The event inspires everyone to reimagine technology— not merely as a tool, but as a transformative force that truly empowers people and communities.” Mr. Kenichi Yamato, Krungsri President and Chief Executive Officer
-
mitihoon
มิติหุ้น – กรุงเทพฯ (8 ตุลาคม 2568) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งที่เดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นสู่อนาคตที่ยั่งยืน โชว์วิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านไอทีและดิจิทัลในงาน Krungsri Tech Day 2025: Empower People to Make Life Simple โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงทุกมิติของชีวิตประจำวันให้สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับศักยภาพทั้งด้านเทคโนโลยีและผู้คน เพื่อสนับสนุนธุรกิจและสังคมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ในงานมหกรรมด้านเทคโนโลยีของกรุงศรีที่ร่วมมือกับพันธมิตรสายเทคชั้นนำจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน กล่าวว่า “Krungsri Tech Day 2025 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรีในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านนวัตกรรมที่ช่วยให้การบริการทางการเงินในชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล กรุงศรีมุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน ที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจและชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน ขณะเดียวกันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการขับเคลื่อนเทคโนโลยีของกรุงศรีจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนมองเห็นว่าเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจและส่งเสริมชีวิตผู้คนอย่างแท้จริง” นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
-
mitihoon
BAY ทุ่มงบไอทีปี 68 แตะ 1 หมื่นล. 08/10/68
มิติหุ้น – นางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY เปิดเผยว่า ในปี 2568 ทางธนาคารได้จัดงบประมาณด้านไอทีไว้ที่ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากความท้าทายด้านเทคโนโลยีมีอยู่ตลอดเวลา โดยที่ผ่านมาเราปรับตัวโดยตลอด โดยเฉพาะการยกระดับ ควบคู่การพัฒนาบุคลากร ส่วนงบด้านไอทีในปีหน้า ยังอยู่ระหว่างการวางแผน ทั้งนี้คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือน พ.ย. นี้ ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง Web : https://www.mitihoon.com/ Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770 Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
-
mitihoon
BAY กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.10-32.70 ลุ้นกนง.ลดดอกเบี้ย 06/10/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.10-32.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.41 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.18-32.53 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 1 เดือน เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลดลงท่ามกลางการปิดหน่วยงานรัฐบาล(Government Shutdown)เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี หลังจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณชั่วคราว ทั้งนี้ การปิดตัวครั้งล่าสุดใช้เวลานานถึง 35 วัน ขณะที่การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯในเดือนก.ย.ดิ่งลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และตัวเลขเดือนส.ค.ถูกทบทวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 3,534 ล้านบาท และ 277 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนในไตรมาส 3/68 เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยในอัตรา 0.31% ขณะที่สกุลเงินภูมิภาคปรับตัวไร้ทิศทาง สำหรับในสัปดาห์นี้ การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯทำให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจโดยเฉพาะการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.เลื่อนออกไป โดยผลกระทบของ Government Shutdown ต่อตลาดการเงินยังจำกัด แต่ผลเชิงลบต่อค่าเงินดอลลาร์จะมากขึ้นหากสถานการณ์ยืดเยื้อ ขณะที่ปธน.ทรัมป์ไม่เต็มใจที่จะประนีประนอม อีกทั้งได้ขู่ว่าจะให้พนักงานภาครัฐพ้นจากตำแหน่งแทนที่จะว่างงานชั่วคราว ขณะที่ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯในปัจจุบันเปราะบางมากกว่าการ Shutdown รอบก่อน ทางด้านเงินเยนเผชิญแรงขายหลังผลเลือกตั้งผู้นำพรรค LDP ผิดคาด โดยการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นของคุณทาคาอิจิซึ่งสนับสนุนแนวคิด Abenomics ทำให้นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง คุณทาคาอิจิพยายามสงวนท่าทีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการเงิน คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะลดดอกเบี้ยลง 25bp สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. ขณะที่ภาคส่งออกมีสัญญาณแผ่วลงชัดเจนจากมาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐฯ การผลิตซบเซาและท่องเที่่ยวอ่อนแรง อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งมาตรการทางการคลังชุดใหม่เพื่อกระตุ้นการบริโภคยังไม่มีผลบังคับใช้ ขณะที่กลไกการส่งผ่านของการผ่อนคลายนโยบายการเงินสู่ภาคเศรษฐกิจจริงต้องใช้เวลา
-
hoonsmart
“กรุงศรี” คว้า 2 รางวัลใหญ่ จากแคมเปญ “ชีวิตที่อยากได้ ไม่เหมือนกัน” 02/10/68
HoonSmart.com>>”ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” (BAY) คว้า 2 รางวัลใหญ่ จากแคมเปญ “ชีวิตที่อยากได้ ไม่เหมือนกัน” ตอกย้ำคำมั่นสัญญาของแบรนด์ “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” กรุงศรี โดยนางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ (กลาง) ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร รับ 2 รางวัล จากความสำเร็จของแบรนด์แคมเปญ “ชีวิตที่อยากได้ ไม่เหมือนกัน” (Simplicity for all Differences) สะท้อนความเข้าใจในความแตกต่างของลูกค้า และตอกย้ำคำมั่นสัญญาแบรนด์ “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” (Make Life Simple) ได้แก่ 1) รางวัล Marketing & Brand Initiative of the Year – Thailand ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากงาน Asian Banking & Finance Retail Banking Awards 2025 ซึ่งจัดโดย Asian Banking & Finance (ABF) และ 2) รางวัล Excellence in Communications/ Public Relations (ระดับ Bronze) จาก Marketing Excellence Award 2025 – Thailand ซึ่งจัดโดย Marketing Interactive ความสำเร็จของแบรนด์แคมเปญในครั้งนี้เกิดจากการบูรณาการสื่อสารทางการตลาดอย่างครบวงจร ทั้งภาพยนตร์โฆษณาที่เข้าใจง่าย การใช้สื่อออนไลน์และออฟไลน์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์ต่างๆ ผ่านการนำเสนอที่สร้างสรรค์ด้วยการเล่าเรื่อง “ทฤษฎีไข่ดาว” เมนูง่ายๆ ยอดฮิตของคนไทย ซึ่งแต่ละคนมีความชอบไข่ดาวที่ไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับที่กรุงศรีเข้าใจว่า ความง่ายของแต่ละคนมีสไตล์ที่แตกต่างกัน ตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาของกรุงศรีที่จะช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตง่ายได้ทุกวัน
-
mitihoon
บัตรเครดิต กรุงศรี มั่นใจปีนี้เติบโตดี หลังผ่าน 8 ด. ยอดใช้จ่ายแตะ 1.45 แสนล. 30/09/68
มิติหุ้น – นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า บัตรเครดิต กรุงศรี นับเป็น ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตเรือธงภายใต้การบริหารของบริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ที่มีฐานลูกค้ากว่า 2.4 ล้านบัญชี สำหรับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต กรุงศรี นับตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 68 มียอดแตะ 145,000 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปีนี้ นับว่าเติบโตได้ดีกว่าตลาด ทำให้คาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะแตะระดับ 240,000 ล้านบาท เติบโต 6% ภายใน ปี 2569 ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.85-32.50 ลุ้นข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ 29/09/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-32.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.24 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 31.76-32.27 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 3 สัปดาห์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบทุกสกุลเงินสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการสดใสเกินคาด ทั้งนี้ จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐฯเติบโตในอัตรา 3.8% ซึ่งเป็นการปรับทบทวนจากการรายงานครั้งก่อนที่ 3.3% ท่ามกลางแรงขับเคลื่อนของการใช้จ่ายภาคบริการและการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในภาพรวมอาจประคองตัวได้นานกว่าที่นักลงทุนเคยคาดไว้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 1,350 ล้านบาท และ 10,391 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากทางสหรัฐฯนำโดย ดัชนี ISM ภาคบริการและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายนช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะอัตราแลกเปลี่ยนและผลตอบแทนพันธบัตรจะอ่อนไหวมากเป็นพิเศษต่อตัวเลขจ้างงาน โดยหากข้อมูลตลาดแรงงานออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ ค่าเงินดอลลาร์จะฟื้นตัวต่อเนื่องได้อีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากตลาดจะปรับมุมมองเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ว่าอาจไม่รุนแรงเท่าที่เคยประเมินไว้ ทั้งนี้ ราคาตลาดปัจจุบันสะท้อนว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีก 40bp ในปี 68 และราว 98bp ก่อนสิ้นปี 69 โดยเป็นการคาดการณ์ที่เบาลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เรายังคงประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีกสองครั้งในปีนี้ ขณะที่การเติบโตของ AI ซึ่งเพิ่มแรงสนับสนุนต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจกระทบการจ้างงานในระยะยาว นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินเยนจะเปิดทางให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ขึ้นดอกเบี้ยได้ในไตรมาส 4/68 ขณะที่ Fitch Ratings ลดมุมมอง (Outlook) อันดับเครดิตของไทยจาก “เสถียรภาพ” เป็น “เชิงลบ” โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านการคลังจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอ แต่อันดับที่ BBB+ ยังสะท้อนความสามารถที่แข็งแกร่งในการชำระหนี้ภาครัฐ ทางด้านก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือนสิงหาคมเติบโต 5.8% y-o-y ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบเกือบหนึ่งปี หลังจากเร่งส่งออกก่อนหน้านี้
-
hoonsmart
“กรุงศรี” สนับสนุนสินเชื่อระยะยาว “พีอี แอลเอ็นจี” เสริมความมั่นคงพลังงานไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน 26/09/68
HoonSmart.com>>”ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” (BAY) ลงนามข้อตกลงสนับสนุนสินเชื่อระยะยาว “พีอี แอลเอ็นจี”(PE LNG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของกลุ่มปตท. กับกฟผ. เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ประกอบ เพียรเจริญ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ร่วมลงนามในข้อตกลงการสนับสนุนสินเชื่อระยะยาวแก่บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด โดยมี สมชาย ระมาศ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เป็นผู้ร่วมลงนาม พร้อมด้วย ภัทรลดา สง่าแสง (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สมจิตต์ ด่านศรีประเสริฐ (ที่ 1 จากขวา) ผู้ช่วยผู้ว่าการการเงิน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทาดาจิกะ คิมูระ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และศรัณย์ ศศะนาวิน (ที่ 1 จากซ้าย) ผู้บริหารสายงานลูกค้าบรรษัทขนาดใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ร่วมในพิธีลงนาม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (กรุงศรี) ประสบความสำเร็จในการลงนามข้อตกลงสนับสนุนสินเชื่อระยะยาวแก่บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด (PE LNG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) ซึ่งถือหุ้นโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 100% กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.55-32.15 มองดอลลาร์ฟื้นตัวไม่ยั่งยืน 22/09/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงิน บาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.55-32.15 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 31.84 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 31.66-31.96 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์ปรับตัวไร้ทิศทาง โดยอ่อนค่าเมื่อเทียบ ยูโรแต่แข็งค่าเล็กน้อยเทียบเงินเยน ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ลดดอกเบี้ยลง 25bps เป็น 4.00-4.25% ตามคาด โดยมีหนึ่งเสียงสนับสนุนให้ลดดอกเบี้ย 50bps ขณะที่ค่ากลาง Dot Plot บ่งชี้ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้สอดคล้องกับที่นักลงทุนประเมินไว้ แม้เฟดให้เหตุผลเรื่องตลาดแรงงานในการปรับลดดอกเบี้ยแต่แถลงการณ์กล่าวว่าความเสี่ยงของเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ทางด้านประธานเฟดระบุว่าตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอแสดงถึงอุปทานแรงงานที่ลดลงจากมาตรการกีดกันผู้อพยพ อีกทั้งมีการสนับสนุนไม่มากนักสำหรับการลดดอกเบี้ยครั้งละ 50bps ซึ่งทำให้ตลาดผิดหวัง ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) คงดอกเบี้ยตามเดิม ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 5,066 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 8,506 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดและข้อมูลเงินเฟ้อ PCE เดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ เรามองว่าการฟื้นตัวของเงินดอลลาร์หลังผลประชุมเฟดสะท้อนการปรับสถานะลงทุนชั่วคราวของผู้ร่วมตลาดซึ่งตั้งความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยไว้ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี เราประเมินว่าในระยะกลางค่าเงินดอลลาร์ยังเป็นขาลงขณะที่การปรับโทนล่าสุดของเฟดเปิดช่องไว้ว่ามีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยต่อเนื่องโดยเฉพาะหากภาคแรงงานสหรัฐฯอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะถัดไป นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการที่ปธน.ทรัมป์จะมีอิทธิพลต่อการดำเนินนโยบายของเฟดในปี 69 อนึ่ง ค่าเงินเยนในช่วงนี้อาจเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในญี่ปุ่นจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งผู้นำพรรค LDP ในวันที่ 4 ตุลาคม สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นว่ากำลังติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดและได้เข้าดูแลตลาดเพื่อชะลอการเคลื่อนไหวของเงินบาท ซึ่งเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยในขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะนำภาษีทองคำมาใช้เนื่องจากต้องการหารือเพิ่มเติม และกล่าวเสริมว่าการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินบาทล่าสุดเป็นผลของเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย การซื้อขายทองคำ และการเมือง
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568 19/09/68
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.40-32.00 ตลาดอาจขายทำกำไรหลังเฟดลดดอกเบี้ย 15/09/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.40-32.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 31.72 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 31.58-32.12 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปี เงินดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบยูโรแต่แข็งค่าเทียบเงินเยน ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯออกมาต่ำเกินคาด อีกทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้น เปิดทางธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ลดดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของสหรัฐฯลดลงทดสอบระดับ 4% ทั้งนี้ PPI เดือนสิงหาคมติดลบ 0.1% เมื่อเทียบรายเดือนและเพิ่มขึ้น 2.6% เทียบรายปี อย่างไรก็ดี รายการที่ส่งผลต่อมาตรวัดเงินเฟ้อหลักหรือ PCE ของเฟด ไม่ได้อ่อนแอมาก ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สูงขึ้น 2.9% y-o-y สอดคล้องกับที่ตลาดคาด ทางด้านธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)คงดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่ 2.00% โดยประธานอีซีบีระบุว่ากระบวนการลดลงของเงินเฟ้อ (Disinflationary Process) สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าต้องมีเงื่อนไขมากขึ้นถึงจะตัดสินใจลดดอกเบี้ยในอนาคต ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,103 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 10,187 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ เหตุการณ์สำคัญของตลาดการเงินโลกจะอยู่ที่การประชุมเฟดวันที่ 16-17 กันยายน ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ยลง 25bp เป็น 4.00-4.25% ขณะที่ข้อมูลบ่งชี้ว่าการส่งผ่านต้นทุนภาษีนำเข้าไปยังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอาจเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าที่คาดไว้ และการทบทวนตัวเลขจ้างงานเน้นย้ำว่าตลาดแรงงานอ่อนแอลงก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรเมื่อต้นเดือนเมษายน นอกจากนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับประมาณการดอกเบี้ย (Dot Plot) ชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดสะท้อนมุมมองการปรับลดดอกเบี้ย 25bp ในทุกรอบประชุมเฟดที่เหลือสามครั้งในปีนี้ และตลาดคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯจะลงไปต่ำกว่า 3.00% ในปี 69 ทำให้ในระยะสั้นดอลลาร์อาจฟื้นตัวขึ้นจากการขายสกุลเงินอื่นๆเพื่อทำกำไรยกเว้นแต่ว่าเฟดจะสร้างความประหลาดใจโดยสื่อสารว่ากำลังพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าครั้งละ 25bp ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีแนวโน้มประกาศคงดอกเบี้ยที่ 4.00% และ 0.50% ในวันที่ 18 กันยายน และ 19 กันยายน ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนจะจับสัญญาณเพื่อประเมินจังหวะเวลาการลดดอกเบี้ยของบีโออีและการขึ้นดอกเบี้ยของบีโอเจต่อไป
-
hoonsmart
“กรุงศรี”คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.40-32.00 ตลาดอาจขายทำกำไรหลังเฟดลดดอกเบี้ย 15/09/68
HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.40-32.00 บาท/ดอลลาร์ ตลาดอาจขายทำกำไรหลังเฟดลดดอกเบี้ยประชุม 16-17 ก.ย.นี้ ด้าน BOE-BOJ แนวโน้มคงดอกเบี้ยในการประชุม 18-19 ก.ย.นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.40-32.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 31.72 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 31.58-32.12 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปี เงินดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบยูโรแต่แข็งค่าเทียบเงินเยน ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯออกมาต่ำเกินคาด อีกทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้น เปิดทางธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ลดดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของสหรัฐฯลดลงทดสอบระดับ 4% ทั้งนี้ PPI เดือนสิงหาคมติดลบ 0.1% เมื่อเทียบรายเดือนและเพิ่มขึ้น 2.6% เทียบรายปี อย่างไรก็ดี รายการที่ส่งผลต่อมาตรวัดเงินเฟ้อหลักหรือ PCE ของเฟด ไม่ได้อ่อนแอมาก
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.80-32.50 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ 08/09/68
มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.19 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.19-32.46 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะที่ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนเพิ่มขึ้น โดยช่วงต้นสัปดาห์นักลงทุนเทขายพันธบัตรระยะยาวในกลุ่มเศรษฐกิจหลัก นำโดยอังกฤษ และญี่ปุ่น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการคลัง นอกจากนี้ เงินเยนเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองครั้งใหม่ในญี่ปุ่นหลังผู้บริหารระดับสูงสี่คนของพรรค LDP ประกาศลาออก อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)สาขานิวยอร์คระบุว่าการตรึงนโยบายการเงินที่เข้มงวดไว้นานเกินไปจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการจ้างงาน ขณะที่ยังไม่เห็นผลกระทบรอบที่สอง (Second Round Effect) ของภาษีศุลกากรต่อเงินเฟ้อ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 689 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 2,128 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับรายงานข้อมูลเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ เพื่อประเมินว่าต้นทุนภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด ขณะที่ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 25bp ในการประชุมวันที่ 16-17 กันยายน หลังข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมอ่อนแอเกินคาดและการทบทวนตัวเลขบ่งชี้ว่าการจ้างงานเดือนมิถุนายนหดตัว นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามประเด็นทางการเมืองในญี่ปุ่นและฝรั่งเศส รวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)วันที่ 11 กันยายน ซึ่งมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยที่ 2.00% เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน แม้เราคาดว่าการสื่อสารของอีซีบีจะยังคงเปิดทางเลือกไว้สำหรับการลดดอกเบี้ยในระยะถัดไป แต่ภาวะที่การลดดอกเบี้ยนโยบายมาใกล้สุดทางแล้วเมื่อเทียบกับฝั่งสหรัฐฯจะเป็นประเด็นลบต่อค่าเงินดอลลาร์ สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือนสิงหาคมของไทยลดลงเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน โดย CPI ลดลง 0.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลของราคาพลังงานและอาหารสดที่อ่อนตัวลง กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบ 0.66% ในไตรมาส 3/68 และติดลบ 0.24% ในไตรมาส 4/68 สำหรับดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสด เพิ่มขึ้น 0.81% ในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ ในช่วงเดือน 8 เดือนแรกของปี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 0.08% และ 0.94% ตามลำดับ
-
hoonsmart
“กรุงศรี” คาดเงินบาทสัปดาห์นี้กรอบ 31.80-32.50 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ 08/09/68
HoonSmart.com>>”ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” (BAY) คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 31.80-32.50 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ เพื่อประเมินต้นทุนภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด ด้านตลาดมั่นใจมากขึ้นเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ประชุม 16-17 ก.ย. หลังข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.อ่อนแอเกินคาด กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.19 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.19-32.46 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะที่ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนเพิ่มขึ้น โดยช่วงต้นสัปดาห์นักลงทุนเทขายพันธบัตรระยะยาวในกลุ่มเศรษฐกิจหลัก นำโดยอังกฤษ และญี่ปุ่น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการคลัง นอกจากนี้ เงินเยนเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองครั้งใหม่ในญี่ปุ่นหลังผู้บริหารระดับสูงสี่คนของพรรค LDP ประกาศลาออก
-
mitihoon
มิติหุ้น – เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2568 มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันจากหลายทาง ทั้งปัจจัยภายนอกจากการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สู่อัตรา 19% ส่งผลให้ภาคการส่งออกสินค้าของไทยที่เคยเป็นแรงส่งหลักในช่วงครึ่งปีแรกมีแนวโน้มหดตัว ส่วนปัจจัยภายในประเทศมีความซับซ้อนและเปราะบางมากขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน วิจัยกรุงศรีจึงประเมินว่า หากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจยังมีความต่อเนื่อง คาดว่าทั้งปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะยังเติบโตได้ตามคาดการณ์เดิมที่ 2.1% โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวเพียง 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งชะลอลงจาก 3.0% ในช่วงครึ่งแรก โดยมีรายละเอียดของปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนี้ (i) ภาคส่งออกสูญเสียแรงขับเคลื่อน การส่งออกที่เติบโตสูงในช่วงครึ่งแรกของปี (+15.0% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) ส่วนใหญ่มาจากการเร่งสะสมสินค้าล่วงหน้า (Front-loaded exports) ก่อนที่สหรัฐฯ จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่าแรงส่งดังกล่าวจะลดลงอย่างรุนแรง จากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อสินค้าไทย ซึ่งเพิ่มจากอัตรา 10% ในเดือนเมษายนเป็นอัตรา 19% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแรงลงจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและกิจกรรมในภาคการผลิตทั่วโลก จึงคาดว่าการส่งออกของไทยทั้งปี 2568 จะขยายตัวเพียง 3.5% (ii) การลงทุนภาคเอกชนเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้น แม้การลงทุนภาคเอกชนในไตรมาส 2 จะกลับมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส (+4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปี 2567 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเร่งส่งออกล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม แรงส่งดังกล่าวอาจขาดความต่อเนื่อง โดยทั้งปีคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะเติบโตในระดับต่ำที่ 0.9% แม้ยังพอมีปัจจัยบวกอยู่บ้างจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กของภาครัฐวงเงิน 8.5 หมื่นล้านบาท แต่การลงทุนภาคเอกชนยังมีความเปราะบางอยู่มาก ท่ามกลางปัจจัยลบจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ล่าช้ากว่าคาด และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
-
mitihoon
BAY คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 32.00-32.65 รอข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ 01/09/68
สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดจะติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม และความชัดเจนทางการเมือง อนึ่ง มูลค่าส่งออกเดือนกรกฎาคมเติบโต 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดนำเข้าสูงขึ้น 5.1% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 0.32 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี การส่งออกขยายตัว 14.4% โดยได้แรงหนุนจากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯมีผลบังคับใช้ ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคมชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า จากทั้งกิจกรรมภาคท่องเที่ยวและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงจากปัจจัยชั่วคราวตามการปิดซ่อมโรงกลั่นและการหยุดผลิตรถยนต์เพื่อปรับกระบวนการผลิต
-
set
-
set
-
set
-
set
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
mitihoon
-
set
การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 27/08/68
-
mitihoon
-
mitihoon
-
hoonsmart
-
mitihoon
-
mitihoon
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 20/08/68
-
mitihoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
hoonsmart
-
mitihoon
-
mitihoon
-
set
-
mitihoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
mitihoon
-
mitihoon
-
hoonsmart
-
iaa
-
mitihoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
fin
-
mitihoon
-
iaa
-
hoonsmart
BAYกำไรครึ่งปีนี้ 15,829 ล้านบ.โต 0.49%สำรองหนี้ลดลง 15.8% เหลือ 20,278 ลบ. 19/07/68
HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) เผยไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 8,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.05%YoY และเพิ่มขึ้น 10.1%QoQ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น จากการบริหารต้นทุนการเงิน-ลดค่าใช้จ่าย ตั้งสำรอง 10,290 ล้านบาท ลดลง 12.9% YoYและเพิ่มขึ้น 3% QoQ รวมกำไรครึ่งปีนี้ 15,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.49% ตั้งสำรองลดลง 15.8% เหลือ 20,278 ล้านบาท สินเชื่อหดตัว 1.6% เน้นยุทธศาสตร์เติบโตสินเชื่อที่มีคุณภาพ
-
mitihoon
-
mitihoon
BAY แจ้งงบ Q2/68 กำไรแตะ 8.3 พันล. 18/07/68
-
kaohoon
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 18/07/68
-
set
-
mitihoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
mitihoon
BAY มองปมการเมือง ไม่สะเทือนจีดีพี 01/07/68
-
mitihoon
-
thunhoon
BAYสินเชื่อลูกค้าญี่ปุ่นปีนี้โต ชิงส่วนแบ่งรุกกลุ่มธุรกิจใหม่ 27/06/68
#BAY #ทันหุ้น – BAY วางเป้าปี 2568 สินเชื่อกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นเติบโต 9% จากปีก่อน หลังจ่อรุกชิงมาร์เก็ตแชร์-เจาะธุรกิจใหม่ พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำ ธนาคารพันธมิตรที่กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นไว้วางใจ เผยกลยุทธ์การดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น หวังต่อยอดพันธกิจในการสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
-
mitihoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 19/06/68
-
mitihoon
-
mitihoon
-
hoonsmart
-
set
-
mitihoon
-
mitihoon
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 20/05/68
-
thunhoon
-
mitihoon
-
mitihoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 23/04/68
-
kaohoon
-
iaa
-
mitihoon
BAY ไตรมาสแรก กำไรฉ่ำทะลุ 7.5 พันล. 19/04/68
-
hoonsmart
BAY โชว์กำไร 7,533 ลบ.พุ่งขึ้น 20%จากQ4/67 สินเชื่อธุรกิจโต ตั้งสำรองลดลง 19/04/68
เงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่จํานวน 1,896,446 ล้านบาท ทรงตัวจากสิ้นปี 2567 ท่ามกลางความท้าทายและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น แต่จากการดำเนินงานเชิงรุกที่มุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 4.7% หรือจำนวน 30,904 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งสินเชื่อเพื่อรายย่อยปรับตัวลดลง 2.4% และ 2.5% ตามลำดับ ภายใต้บริบทที่ความไม่แน่นอนและความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น โดยกรุงศรียังคงให้ความสำคัญในการรักษาคุณภาพสินทรัพย์ ด้วยมาตรการสนับสนุนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทายผ่านมาตรการช่วยเหลือที่ครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย”
-
kaohoon
-
fin
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 18/04/68
-
hoonsmart
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 20/03/68
-
thunhoon
-
set
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
iaa
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
iaa
-
set
-
set
งบการเงิน ประจำปี 2567 (ตรวจสอบแล้ว) 27/02/68
-
set
-
set
-
set
-
set
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 26/02/68
“วีอี เชียง” ผู้บริหารระดับสูง ธนาคารยูโอบี สุดปลื้มหลังกลุ่มยูโอบีบรรลุผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 งานนี้เจ้าตัวบอก ได้รับแรงขับเคลื่อนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง รวมถึงรายได้จากการค้าและการลงทุนที่มั่นคง คาดรายได้จะเติบโตต่อเนื่อง หนุนกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารยูโอบีเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.0 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ แถมคณะกรรมการได้เสนอจ่ายเงินปันผลที่ 92 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ 88 เซนต์ต่อหุ้นสามัญ เงินปันผลรวมสำหรับปี 2567 จะเป็น 1.80 เหรียญสิงคโปร์ต่อหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ประมาณ 50%…..โอ้โหแจกเงินปันผลกันจุก ๆ ไปเลยเจ้าค่ะ
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 มกราคม 2568 20/02/68
-
kaohoon
-
iaa
-
iaa
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 29/01/68
-
mitihoon
-
iaa
-
kaohoon
“กลุ่มแบงก์” ปี 67 อวดกำไร 2.53 แสนลบ. จัดหนัก KBANK โกย 4.8 หมื่นล้านบาท 22/01/68
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB รายงานผลประกอบการปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43,855.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.77% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 36,615.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 119,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% จากการบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่ออย่างสมดุล โดยสินเชื่อเติบโตจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยและการขยายตัวของสินเชื่อภาครัฐ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตแบบระมัดระวังในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) อยู่ที่ 3.29% เพิ่มขึ้นจาก 3.22% ในปี 2566 นอกจากนี้ ธนาคารยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 22,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8%
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
set
-
set
-
set
-
set
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 20/01/68
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 20/12/67
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 18/12/67
-
mitihoon
-
mitihoon
-
kaohoon
BAY สินเชื่อหดตัว-NPL เพิ่มขึ้น 24/11/67
กำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรอง (PPOP) ไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 1.86 หมื่นล้านบาท ลดลง 6% จากไตรมาส 2/2567 แต่เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาส 3/2566 เป็นไปตามที่บล.กสิกรไทย คาดการณ์ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่อ่อนแอลง เป็นตัวฉุดการเติบโตของ PPOP เมื่อเทียบไตรมาส 2/2567 โดย non-NII ลดลง 1% จากไตรมาส 2/2567 (แต่เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาส 3/2566) รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง 2% จากไตรมาส 2/2567 ด้านพอร์ตสินเชื่อรวมไตรมาส 3/2567 ลดลง 3% เมื่อเทียบไตรมาส 2/2567 และลดลง 4% เมื่อเทียบไตรมาส 3/2566 มาอยู่ที่ 1.93 ล้านล้านบาท เนื่องจากสินเชื่อลดลงในทุกกลุ่ม โดยสินเชื่อภาคธุรกิจลดลง 3.7% จากไตรมาส 2/2567 ตามมาด้วยสินเชื่อรายย่อยที่ลดลง 3.6% และสินเชื่อ SME ลดลง 1.4% ส่วน NIM ไตรมาส 3/2567 ปรับตัวลดลง 0.05% จากไตรมาส 2/2567 เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อที่ลดลง 0.16% จากไตรมาส 2/2567 จากการปรับสมดุลพอร์ตสินเชื่อ
-
set
ธ.พ.1.1 ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 20/11/67
-
set
-
set
-
set
-
set
-
thunhoon
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 13/11/67
-
hoonsmart
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 28/10/67
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
mitihoon
เปิดงบแบงก์ Q3/67 ใครเสน่ห์แรงสุด 12/10/67
-
mitihoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
mitihoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
mitihoon
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 14/08/67
“ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล” ผู้บริหาร บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ช่วงนี้จะแฮปปี้สุด ๆ หลังผลงานในไตรมาส 2/2567 และงวดครึ่งปีแรกออกมาสุดแจ่ม งานนี้เจ้าตัวเลยมั่นใจ บริษัทสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายทั้งธุรกิจสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกัน ส่วนหนี้เสีย (NPL) ก็ไม่กังวลใจนะจ๊ะ เพราะเห็นว่าสามารถคุม NPL ให้ไม่เกิน 2% ได้ ถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบธุรกิจเดียวกัน บริษัทแจงข่าวดียังคงมุ่งเน้นการบริหารธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสำรองในระดับสูง ยังสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากการจัดอันดับเครดิตที่ “A/Stable” จากทริสเรทติ้ง นอกจากนี้ ยังมีวงเงินกู้คงเหลืออีกกว่า 23,000 ล้านบาท พร้อมทั้งยังคงอัตราหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำที่ 2.5 เท่า
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
mitihoon
-
mitihoon
กลุ่มธนาคารงบQ2/67ไม่แรง! 01/07/67
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
mitihoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
thunhoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
BAYชูกำไร 7.54 พันลบ. ลด13% เพิ่มสำรอง เป้าสินเชื่อปีนี้โต 3-5% 19/04/67
“ภายใต้บริบทความท้าทายดังกล่าว กรุงศรียังคงมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อต้นปีที่ผ่านมาโดยเคร่งครัด เราคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะสามารถเติบโตได้ในอัตราที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ 2.7% โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อรวมปีนี้ที่ 3-5%”
-
mitihoon
“ภายใต้บริบทความท้าทายดังกล่าว กรุงศรียังคงมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อต้นปีที่ผ่านมาโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ เราคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะสามารถเติบโตได้ในอัตราที่สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ 2.7% โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อรวมปีนี้ที่ 3-5%”
-
mitihoon
เช็คงบแบงก์ โค้งแรกปี 67 13/04/67
-
kaohoon
-
mitihoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
mitihoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
BAY กับก้าวใหม่ในเวียดนาม 13/02/67
-
thunhoon
-
thunhoon
-
mitihoon
BAY เคาะเป้าสินเชื่อปีนี้โต 3-5% รักษาNIM ในช่วง 3.8-4.1% 01/02/67
มิติหุ้น – นางสาวดวงดาว วงค์พนิตกฤต ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือBAY เปิดเผยถึงเป้าหมายทางการเงินของธนาคารในปี 67 ดังนี้ ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3-5% NIM ในช่วง 3.8-4.1% การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ระดับ Mid-Single Digit อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือNPL ให้อยู่ในช่วง 2.5-2.75% และอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ 140-150%
-
hoonsmart
BAY ตั้งเป้าปี 67 สินเชื่อโต 3-5% NIM 3.80-4.1% คุม NPLไม่เกิน 2.75% 01/02/67
HoonSmart.com> “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” เปิดเป้าหมายทางการเงินปี 67 ขยายสินเชื่อเติบโต 3-5% NIM อยู่ที่ 3.80-4.1% พร้อมคุมหนี้เสียไว้ที่ 2.5-2.75%
-
mitihoon
แม้เศรษฐกิจจีนในปี 2566 เติบโตสูงกว่าเป้าหมาย แต่ปี 2567 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากอุปสงค์ในประเทศและตลาดอสังหาฯ ที่ยังอ่อนแอ เศรษฐกิจจีนในปี 2566 เติบโต 5.2% สูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5% และเพิ่มขึ้นจาก 2.2% ในปี 2565 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนจากยอดค้าปลีกที่ขยายตัว 7.2% ในปี 2566 จากที่หดตัว 0.3% ในปี 2565 เช่นเดียวกับผลผลิตภาค อุตสาหกรรมขยายตัว 4.6% เพิ่มขึ้นจาก 3.6% อย่างไรก็ตาม ยอดขายอาคารรวม (ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และอาคารพาณิชย์) และการลงทุนในภาคอสังหาฯ ยังคงหดตัวที่ -12.5% และ -16.5% ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกในรูปสกุลดอลลาร์ทั้งปี 2566 ลดลง -4.6% โดยเริ่มปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมที่ 0.7% และ 2.3% YoY ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการลดราคาสินค้าของผู้ผลิตเพื่อเพิ่มยอดขายในตลาด
-
kaohoon
-
thunhoon
-
mitihoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
mitihoon
ส่องงบแบงก์ Q4/66 ต้อนรับปีมังกรทอง 06/01/67
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
mitihoon
BAY กรุงศรี ต่อยอดการเติบโตของ SB Finance ในฟิลิปปินส์ ปักธงลุยสินเชื่อรถ ดันพอร์ตปีนี้โต 30/11/66
นายวันชัยระบิน จิตวัฒนาธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของ SB Finance ในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ยอดสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีหนึ่งในปัจจัยหลักมาจากความสำเร็จในการขยายพอร์ตสินเชื่อรถที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนกว่า 3 เท่า ซึ่งสูงกว่าเป้าที่วางไว้ถึง 22% ทั้งนี้มาจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวเป็นอย่างดี และจากความต้องการสินเชื่อของลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญที่กรุงศรีส่งต่อเพื่อช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากยิ่งขึ้น โดยเรายังคงเน้นคุณภาพการให้สินเชื่อเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป”
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
mitihoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
mitihoon
“เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2566 แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์อันเนื่องมาจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่อ่อนตัวลง ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ โดยได้รับแรงขับเคลื่อนของการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและผลจากฐานที่ต่ำในไตรมาสที่สี่ของปีก่อนหน้า กรุงศรียังคงเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อปี 2566 ไว้ที่ 3-5%”
-
hoonsmart
BAY กำไร 9 เดือน 2.52 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 8% สินเชื่อเติบโต 19/10/66
HoonSmart.com>> “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” (BAY) โชว์กำไร 9 เดือนปี 66 ที่ 25,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ปัจจัยหลักจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ผลจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในประเทศและการควบรวมกิจการพอร์ตสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในต่างประเทศ พร้อมคงเป้าสินเชื่อทั้งปีเติบโต 3-5%
-
mitihoon
BAY อวดงบ 9 เดือนปี 66 แตะ 2.52 หมื่นลบ. โต 8% YoY รับทรัพย์ยอดรายได้ดอกเบี้ยพุ่ง 19/10/66
ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจและการดูแลอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน ขณะที่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งแก่เสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว รวมทั้งรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า ประกอบกับ คณะกรรมการนโยบายการเงิน คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ที่ 2.8% และ 4.4% ในปี 66 และ67 โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 1.6% และ 2.6% ในปี66 และ67 ตามลำดับ
-
thunhoon
-
mitihoon
-
mitihoon
สปอย!!! งบแบงก์ Q3/66 เจ้าไหนเด่นสุด 07/10/66
ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) คาด Q3/66 ธนาคารจะมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ราว 43.5% เพิ่มขึ้นจาก Q2/66 ที่ 42.9% จากการขยายกิจการและการลงทุนระบบไอที ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อคาดลดลง 0.4% YoY แต่บวก 0.1% QoQ ผลจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ชำระคืนหนี้ และลูกค้าบางส่วนหันไประดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้
-
kaohoon
HENG รุกสินเชื่อเวียดนาม 05/10/66
-
mitihoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
mitihoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
thunhoon
จับตา! 4 หุ้นแบงก์จ่อ XD 6 ก.ย.นี้ 04/09/66
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
BAY ขยายสินเชื่อกลุ่มอาเซียน 19/08/66
-
kaohoon
Technical Brief – บล.คิงส์ฟอร์ด 10/08/66
-
thunhoon
BAY ปีนี้แกร่ง ปีหน้ายังเสี่ยง 04/08/66
-
kaohoon
TIDLOR หุ้นที่กำไรฉุดไม่อยู่ 04/08/66
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
BAY โชว์ไตรมาส 2 กำไรทะลุ 8.4 พันล้าน รับสินเชื่อพุ่ง ดันครึ่งปีแรก 1.7 หมื่นลบ. 20/07/66
ส่วนผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 1.71 หมื่นล้านบาท เติบโต 12.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือรายได้จากการดำเนินงาน จากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมทั้งการเริ่มรับรู้รายได้เพิ่มเติมซึ่งเป็นผลจากการควบรวมธุรกิจในต่างประเทศในไตรมาสที่สอง โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงภาระการตั้งสำรอง เงินให้สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 3.1% จากสิ้นปี 2565 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ 9.1% และสินเชื่อเพื่อรายย่อยที่ 4.5% ซึ่งครอบคลุมบริษัทในเครือแห่งใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนาม
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
TIDLOR สยาม เอเชียฯ ถอย.! 20/06/66
-
thunhoon
-
kaohoon
BAY แสวงน่านน้ำใหม่ 07/06/66
-
hoonsmart
BAY ปิดดีลซื้อกิจการ Home Credit ธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในฟิลิปปินส์เสร็จสิ้น 01/06/66
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ Home Credit ในประเทศฟิลิปปินส์ ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวที่สำคัญของกรุงศรีในการขยายธุรกิจสู่อาเซียนภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางของเรา ด้วยการรวม Home Credit ในประเทศฟิลิปปินส์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรี ธนาคารมีเป้าหมายที่จะตอบสนองความต้องการทางการเงินที่หลากหลายของผู้บริโภคในฟิลิปปินส์ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคอย่างเต็มรูปแบบ การต่อยอดธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลางอยู่ที่ 6.0-6.5% ต่อปี จะช่วยยกระดับสถานะของกรุงศรีในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำในอาเซียนอีกด้วย
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 31/05/66
-
kaohoon
BAY ตั้งเป้าปล่อยกู้ “ธุรกิจข้ามชาติ” ปีนี้โต 3% เชื่อนลท.ญี่ปุ่นแห่ลงทุนไทย 30/05/66
นายบุนเซอิ โอคุโบะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC Banking) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติปีนี้เติบโต3% ใกล้เคียงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ที่คาดศูนย์วิจัยกรุงศรี มองจีดีพีปีนี้โตที่ระดับ 3.3% เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ไม่กระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในไทย
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
BAYโกยกำไร 8.68 พันลบ.รายได้โต-สำรองหนี้ลดลง 20/04/66
สำหรับอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) ดีขึ้นที่ 2.26% จาก 2.32% สิ้นปี 2565 จากแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจและการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบระมัดระวัง ส่งผลให้สัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับที่ 116 เบสิสพอยท์ อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 167.1% อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ 17.95% เทียบกับ 17.97% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565
-
kaohoon
-
hoonsmart
กรุงศรีฯชู 3 กลยุทธ์ เดินหน้าหนุน SME 05/04/66
นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในปี 2565 กรุงศรีได้ดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านมาตรการเชิงรุกต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ SME ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินแบบครบวงจร พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อแบ่งปันความรู้และสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ ที่สำคัญเรายังคงเดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพและโอกาสในการขยายธุรกิจผ่านเครือข่าย MUFG ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผ่านมา กรุงศรีสามารถบรรลุเป้าหมายสินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME โดยในปี 2565 สินเชื่อธุรกิจ SME เติบโต 5.4% และมียอดสินเชื่ออยู่ที่ 296,000 ล้านบาท”
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 15/02/66
“อรอนงค์ ชัยธง” ผู้บริหารคนเก่งแห่ง บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ PROSPECT REIT แจ้งข่าวดีผู้ถือหน่วย คณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ในอัตรา 0.2200 บาทต่อหน่วย รวมทั้งปี 2565 จ่ายเงินออกรวมทั้งสิ้น 0.9025 บาทต่อหน่วย แถมโชว์ความเก๋าอัตราเช่าเติบโตแข็งแกร่งกว่า 93% ชี้ความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในโซนบางนา-ตราด ดีต่อเนื่อง รับอานิสงส์ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว เตรียมเพิ่มทุนครั้งที่ 1 เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินศักยภาพสูง โซนบางนา-ตราด ภายในไตรมาสแรกของปี 2566 ฟังแบบนี้แล้ว ร้องว๊าววววเลยเจ้าค่ะ
-
hoonsmart
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
BAY กางแผนปี 66 วางเป้าสินเชื่อโต 3-5% คุม NPL ไม่เกิน 2.6% 02/02/66
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ตั้งเป้าหมายปี 66 สินเชื่อเติบโต 3-5% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 3.3-3.5% และคุมอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ไว้ที่ 2.5-2.6%
-
hoonsmart
BAY ตั้งเป้าสินเชื่อปี 66 โต 3-5% คุม NPL 2.5-2.6% 02/02/66
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผย เป้าหมายทางการเงินของธนาคารสำหรับปี 2566 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 3-5% และมีผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) ที่ 3.30-3.5% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตในระดับทรงตัว ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้รวมคาดว่าจะอยู่ในระดับ Low to Mid-40s สัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมคาดไว้ที่ 150-160 bps และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพไม่เกิน 2.5-2.6%
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
หุ้นรับผลบวก-ลบ ดอกเบี้ยขึ้น 26/01/66
-
kaohoon
-
thunhoon
จับตา BAY-WICE 25/01/66
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
BAY โชว์งบ Q3 กำไรโต 26% แตะ 8.06 พันล้าน ดันงวด 9 เดือนทะลุ 2.33 หมื่นล้าน 20/10/65
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 3.1% ในปีนี้ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งนี้ แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ (Monetary Policy Normalization) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ยังสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งในภาคธุรกิจและรายได้ครัวเรือน กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อรวมของธนาคารจะเติบโตได้ตามขอบบนของกรอบเป้าหมายที่ 3-5% ของปีนี้”
-
hoonsmart
BAYกำไรโต 27%เป็น 8 พันลบ.Q3 รวม 9 เดือนโกย 2.3 หมื่นลบ. 20/10/65
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 3.1% ในปีนี้ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งนี้ แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ (Monetary Policy Normalization) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ยังสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งในภาคธุรกิจและรายได้ครัวเรือน กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อรวมจะเติบโตได้ตามขอบบนของกรอบเป้าหมายที่ 3-5% ของปีนี้”
-
thunhoon
BAY เผยกำไร Q3/65 ที่ 8,069.60 ลบ.โต 26.8% คาดสินเชื่อปีนี้โต 3-5% 20/10/65
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 3.1% ในปีนี้ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งนี้ แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ (Monetary Policy Normalization) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ยังสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งในภาคธุรกิจและรายได้ครัวเรือน กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อรวมของธนาคารจะเติบโตได้ตามขอบบนของกรอบเป้าหมายที่ 3-5% ของปีนี้”
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
thunhoon
-
kaohoon
“กรุงศรี มอเตอร์ไซค์” ตั้งเป้าปีนี้สินเชื่อทะลุ 3.81 หมื่นลบ. มั่นใจแชมป์มาร์เก็ตแชร์ 40% 22/08/65
สำหรับในครึ่งหลังของปี 65 บริษัทมองว่าตลาดรถจักรยานยนต์จะเติบโตได้ต่อไป จากการบริโภคภาคเอกชนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและรายได้ครัวเรือนที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่ายอดขายรถจักรยานยนต์ทั้งปีจะอยู่ที่ 1,642,000 คัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 2%
-
kaohoon
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
thunhoon
'ทิสโก้' จับกระแสหุ้น BAY-KKP-TTB 21/07/65
สัญญาณรายได้ฟื้น สินเชื่อขยายตัวน่าพอใจ 1.9%qoq, โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ (+4.9%qoq) และกลุ่มรายย่อย (0.9%qoq) NIM ลดลง 5bps เป็น 2.81% เนื่องจากการลงทุนระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนต่ำเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เราจึงมอง NIM จะขยายตัวในปลายปีนี้ ด้าน non-NII รายได้ค่าธรรมเนียมจากกองทุนรวม ยังคงอ่อนแอ คล้ายคลึงกับกลุ่ม แต่ธนาคารยังคงเห็นการพัฒนาที่แข็งแกร่งใน ค่าธรรมเนียม bancassurance เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มที่ไม่ใช่รถยนต์ ค่าธรรมเนียม Bancassurance จากกลุ่มรถยนต์ก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากการเติบโตของกลุ่มเช่าซื้อ (+0.5%qoq)
-
thunhoon
BAY เผยกำไร Q2/65 อยู่ที่ 7.83 พันลบ. ลดลง 46.1% จากปีก่อน 21/07/65
“ท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังมีความผันผวนและไม่แน่นอน เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ยังมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงแม้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและภาคท่องเที่ยวจะได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และการยกเลิกข้อจำกัดเพื่อควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ ทั้งนี้ แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ (Monetary Normalization) เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ไตรมาสสามของปีนี้อนึ่ง กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อรวมของธนาคารจะเติบโตได้ตามขอบบนของกรอบเป้าหมายที่ 3-5% ภายใต้สมมติฐานการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ 3.1% ในปีนี้”
-
hoonsmart
BAYกำไร1.5 หมื่นลบ.โต 18.6% สำรองลด-รายได้ดอกเบี้ยโตครึ่งปี65 20/07/65
ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรสุทธิโตขึ้นในครึ่งปีแรก มาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ตอกย้ำกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ จากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น กอปรกับความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อรวมโต 3.1% หรือจำนวน 58,344 ล้านบาท จากสิ้นปี 2564 โดยมีสินเชื่อเพื่อธุรกิจเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ ประกอบด้วยสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเติบโตขึ้น 5.0% และ 5.2% ตามลำดับ นอกจากนี้ การบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเชิงรุกยังส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 3.36% จากระดับ 3.08% ในปีก่อน
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
BAY ตั้งเป้าปีนี้สินเชื่อรายใหญ่โต 2% หนุนการเงิน ESG 5 หมื่น-1แสนลบ. 10/03/65
นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2565 ขยายสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เติบโต 2% เทียบกับปีก่อนที่เติบโต 13% เพราะมีปัจจัยไม่แน่นอนมากขึ้น และยังคงสนับสนุนทางการเงินเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG Finance) อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าไว้ 50,000 -1 แสนล้านบาท โดยเน้นเรื่องคุณภาพของสินเชื่อ ส่วนงานวาณิชธนกิจ ยังคงมีการซื้อ-ขายกิจการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศ และในอาเซียน
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
BAY ตั้งเป้าปี 65 สินเชื่อโต 3-5% อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพราว 2.6% 03/02/65
#BAY #ทันหุ้น-ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY แจ้งตลาดหลักทรัพย์เป้าหมายทางการเงินของธนาคาร สำหรับปี 2565 โดยวางเป้าการเติบโตของเงินให้สินเชื่อโต 3-5%, สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยต่อสินเชื่อรวมราว 50% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 3.1-3.3% ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ราว 2.6%
-
hoonsmart
BAY ตั้งเป้าปี 65 สินเชื่อโต 3-5% NIM 3.1-3.3% NPL 2.6% 03/02/65
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารวางเป้าหมายทางการเงินสำหรับปี 2565 สินเชื่อเติบโต 3-5% สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 50% และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.1-3.3% การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยคงที่และคุมค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้รวม Mid-40s ขณะที่สัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 150-160 bps และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำกว่า 2.6% และมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ 150%
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
thunhoon
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 05/01/65
-
hoonsmart
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
hoonsmart
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 17/11/64
*… เกตุกร เขมธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2564 รายได้รวม 115.21 ล้านบาท และกำไรจากการลงทุนสุทธิรวม 78.16 ล้านบาท มั่นใจผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว พร้อมประกาศจ่ายปันผลสูงถึง 0.160 บาท เติบโตขึ้นกว่า 23% จากไตรมาสก่อน และเทียบเท่าระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิด
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
BAY เผยกำไร Q3/64 ที่ 6.36 พันลบ.เพิ่มขึ้น 4% สินเชื่อโต 1.2% 21/10/64
“แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยจะเผชิญความเปราะบางที่เพิ่มขึ้น แต่การเร่งฉีดวัคซีนทั่วประเทศที่มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคในช่วงต้นไตรมาสที่สี่ของปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 กรุงศรีจึงคงเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในปีนี้ ในกรอบล่างของ 3-5%”
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 15/09/64
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 10/09/64
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
สังคมข่าวหุ้น 03/09/64
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
BAY คาดสินเชื่อบ้าน Q2/64 ชะลอตัว รับผลกระทบโควิด มองเริ่มฟื้นครึ่งปีหลัง 22/04/64
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 64 ไว้ตามเดิม โดยที่สินเชื่อปล่อยใหม่ยังคาดว่าจะเติบโตได้ 3-5% และสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างจะเติบโต 3-7% แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามดูสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร หากมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นลากยาว จนกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างมาก อาจจะมีการพิจารณาแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่ออีกครั้ง
-
kaohoon
BAY รับเละ 3 เด้ง.!? 22/04/64
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
“กรุงศรี ออโต้” โชว์ยอดสินเชื่อปี 63 โตแตะ 4.28 แสนลบ. ลุยต่อยอด Krungsri Auto Ecosystem 09/02/64
“กรุงศรี ออโต้ มองว่าตลาดรถยนต์ใหม่ในปี 2564 จะปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมียอดจำหน่ายที่ 810,000 คัน ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าผ่านนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Customer Experience) และการพัฒนา “Krungsri Auto Ecosystem” ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น เราเชื่อมั่นว่าจะรักษาการเติบโตในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมียอดสินเชื่อคงค้างรวมที่ 448,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 5% รวมถึงรักษาอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เกิน 2%”
-
thunhoon
-
thunhoon
กนง.คงดอกเบี้ยเป็นบวก BAYปักเป้าสินเชื่อโต5% 04/02/64
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" BBL ให้ราคาเป้าหมาย 150.00 บาท เนื่องจากฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการกำไรปี 2564 ไว้ราว 2.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 34% จากปีก่อน เนื่องจากฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าสำรองที่มีอยู่ของ BBL เพียงพอต่อความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นแล้วเนื่องจาก Coverage ratio อยู่ในระดับที่สูง นอกเหนือ จากธุรกิจในส่วนอื่นๆ ที่ดีขึ้น
-
thunhoon
BAY 04/02/64
-
thunhoon
BAY ตั้งเป้าปี 64 สินเชื่อเติบโต 3-5%, NIM อยู่ที่ 3.1-3.3% 03/02/64
ทันหุ้น-ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เป้าหมายทางการเงินสำหรับปี 2564 โดยวางเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อโต 3-5% ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM อยู่ที่ 3.1-3.3%
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
BAY กำไร Q3 ที่ 6.1 พันลบ.ลด 6.8%, หั่นเป้าสินเชื่อปีนี้ลงเป็น 3-5% 22/10/63
โดยธนาคารได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อสุทธิ จาก 5-7% เป็น 3-5%, การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จากช่วง -3% ถึง 3% เป็นช่วง-15% ถึง 10% และสัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมจาก 130-150 bps เป็น 180-200 bps
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
BAY ปรับลดเป้าสินเชื่อปีนี้ลงเป็นโต 3-5% จากเดิม 5-7% 26/08/63
ทันหุ้น-สู้โควิด : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) หรือ BAY แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเป้าหมายทางการเงินของธนาคารสำหรับปี 2563 ในส่วนของการเติบโตของสินเชื่อสุทธิปรับลดลงเป็นโต 3-5% จากเดิมตั้งเป้าโต 5-7%
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
กรุงศรีรวมพลังลดขยะให้เป็นศูนย์ 04/06/63
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
BAY ตั้งเป้าสินเชื่อปี 63 โต 5-7% , NIM ที่ 3.4-3.6% 12/02/63
สำนักข่าว"ทันหุ้น"รายงานว่า BAY ตั้งเป้าหมายทางการเงินของปี 63 สินเชื่อปีเติบโต 5-7% และมีส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิหรือ NIM ที่ 3.4-3.6%
-
thunhoon
-
kaohoon
งบแบงก์ปี 62 เหมือนดี…แต่ไม่เด่น!? 26/01/63
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานผลการดำเนินงานปี 2562 มีกำไรสุทธิ 35,816.09 ล้านบาท หรือ 18.76 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1.38% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 35,329.97 ล้านบาท หรือ 18.51 บาทต่อหุ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังทรงตัว ขณะที่มีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่โต สาเหตุหลักมาจากกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการยังคงเติบโตจากค่าธรรมเนียมจากการปล่อยสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมจากบริการประกันและกองทุน แต่ถูกหักล้างจากการตั้งสำรองฯ ที่สูงขึ้นมาก เพื่อเสริมสร้างระดับสำรองฯ ให้แข็งแกร่ง ทำให้กำไรทั้งปี 2562 เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ NPL ทรงตัวจากปีก่อนที่มีอยู่ 3.40% เท่าเดิม 3.40%
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
BAY เผยปี 62 กำไรสุทธิ 3.27 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 32.0% จากปีก่อน ตั้งเป้าปีนี้สินเชื่อโต 5-7% 20/01/63
สำนักข่าว "ทันหุ้น" รายงานว่า BAY (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการในปี 2562 มีกำไรสุทธิสูงถึง 3.27 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 32.0% จากปี 2561 โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่แข็งแกร่งที่ 8.7%
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
BAY โชว์กำไรสุทธิ Q3/62 ที่ 6.56 พันลบ.โต 5.8% จากปีก่อน, คาดสินเชื่อปีนี้โต 6-8% 18/10/62
สำนักข่าว “ทันหุ้น”รายงานว่า BAY เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3/62 อยู่ที่ 6,564.38 ล้านบาท เติบโต 5.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิเติบโต 40.7% โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น พร้อมประเมินสินเชื่อปีนี้เติบโต 6-8% ได้ตามเป้าหมาย
-
kaohoon
-
kaohoon
BAY เผยเงินบาทแข็งค่าแตะ 30.54 บ./ดอลฯ หลัง กนง.คงดอกเบี้ย ลุ้นปรับลงปลายปีช่วงศก.ขาลง 25/09/62
สำหรับในด้านแรงกดดันด้านราคา กนง.มองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-4% ในปี 2563 สำหรับปี 2562 คาดการณ์การเติบโตของ GDP ได้ปรับลงมาที่ 2.8% จากเดิม 3.3% โดยคาดการณ์ภาคส่งออกจะหดตัวราว 1.0% และคณะกรรมการยังปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2563 มาที่ 3.3% จากเดิม 3.7% แต่มองว่าส่งออกน่าจะขยายตัว 1.7% ในปีหน้า
-
kaohoon
ดักเก็บ BAY ก่อนปักป้าย XD ปันผล 0.40 บ. โบรกฯเคาะเป้า 45 บ. 10/09/62
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BAY ราคาเป้าหมาย 44.50 บาท/หุ้น ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ประกอบกับมาตรการควบคุมหนี้ภาคครัวเรือนของ ธปท. ทำให้ทาง BAY มองว่าสินเชื่อในครึ่งปีหลังปี 2562 อาจจะปล่อยได้ยากมากขึ้น ประกอบกับทางธนาคารเองจะมีความระมัดระวังมากขึ้นเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามยังคงยืนเป้าการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ไว้เหมือนเดิมที่ 6-8% โดยในครึ่งปีแรกปี 2562 BAY มีการเติบโตสินเชื่อที่โดดเด่นกว่าธนาคารอื่น โดยปล่อยได้แล้ว 5.2%
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
BAY และบ.ย่อย Q1/62 กำไรสุทธิ 1.27 หมื่นลบ. เทียบ Q1/61 กำไรสุทธิ 6.21 พันลบ. 19/04/62
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2562 นายโกโตะกล่าวว่า “จากการที่เศรษฐกิจโลกได้เข้าสู่การชะลอตัวตาม วัฏจักร ธนาคารยังคงระมัดระวังปัจจัยต่างประเทศและผลกระทบต่อภาคส่งออกของไทย แม้ว่าการใช้จ่ายภาครัฐชะลอตัวลงและอุปสงค์ต่างประเทศลดลง ธนาคารยังมีมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวังโดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ 3.8% สำหรับแนวโน้มต่อไป ธนาคารคาดว่าการใช้จ่ายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยด้านรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้นและมาตรการด้านงบประมาณที่แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งการเร่งเดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้น ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่ 6-8% สำหรับปีนี้ โดยยังคงมุ่งเน้นด้านการเสริมความแข็งแกร่งของดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน”
-
thunhoon
-
kaohoon
BAY ปักธง ‘รีดค่าฟี’ 21/03/62
-
thunhoon
-
thunhoon
BAY ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อลูกค้าธุรกิจปี 62 โต 6% มุ่งสู่การเป็นพันธมิตรคู่คิดของลูกค้า 19/03/62
นายพรสนอง ตู้จินดา ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า “กลุ่มลูกค้าธุรกิจของกรุงศรีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา โดยได้อานิสงส์จากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น ในปี 2561 สินเชื่อของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ซึ่งรวมทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) มีอัตราการเติบโตที่ 5.6% และเงินฝากเติบโตที่ 2.9% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานและผลจากความร่วมมือกับ MUFG ทำให้กรุงศรีมีความโดดเด่นในการบริการและความสามารถในการสร้างศักยภาพการแข่งขันและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้า สำหรับปี 2562 กรุงศรียังคงยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและให้ความสำคัญกับการเข้าใจความต้องการของลูกค้าธุรกิจในแต่ละช่วงการเติบโต มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์และยกระดับมาตรฐานการให้บริการของกรุงศรีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละขนาด โดยตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าธุรกิจเติบโตประมาณ 6% และเงินฝากเติบโต 10%”
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
BAY พื้นฐานแข็งแกร่งขึ้น 10/02/62
ทั้งนี้ด้านรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปี 2562 คาดเติบโตในอัตราชะลอตัวลงที่ 3-5% เทียบกับปี 2561 ที่ 7% กดดันโดย Market conduct และประเด็นด้านกฎเกณฑ์ เช่น เกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกัน รวมถึงเกณฑ์การทวงถามหนี้ในกลุ่มสินเชื่อ Consumer อย่างไรก็ตามมองว่าระดับการเติบโตดังกล่าวถือว่าค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม หนุนโดยผลกระทบการยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกรรมดิจิทัลที่ไม่มากนัก และการร่วมมือกับ MUFG ทำให้ช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตด้านรายได้อื่น ๆ เช่น ธุรกิจการค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
BAY ปี 61 กำไรสุทธิ 24.8 พันลบ. สินเชื่อเติบโตสูง 10.4% 18/01/62
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2561 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 24.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากปี 2560 ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่สูงถึง 10.4% และการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ตอกย้ำศักยภาพที่แข็งแกร่งของกรุงศรีและความคล่องตัวในการปรับพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
“กรุงศรี” รุกวาณิชธนกิจ 21/11/61
-
thunhoon
“กรุงศรี” คัดกองทุนฟอร์มดี 20/11/61
-
thunhoon
-
thunhoon
‘BAY’สินเชื่อSMEทะลุเป้าคุมเข้มNPLสิ้นปีต่ำกว่า4% 31/10/61
ทันหุ้น – BAY เผยสินเชื่อ SME ขนาดกลางและขนาดเล็กเติบโต 13% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 8% หรือ คิดเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ 185,000 ล้านบาท คาดเติบโตระดับสูงถึงสิ้นปีนี้ ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ เดือนก.ย. อยู่ที่ 4% คาดรักษาระดับนี้ต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2561
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
thunhoon
SCB-BBL-BAY อวดกำไรQ3ตามนัด ขานรับสินเชื่อ-ค่าธรรมเนียมหนุน 18/10/61
ขณะที่มีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1.1% จากไตรมาสก่อน และ 0.1% จากปีก่อน เป็นจำนวน 34,722 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 24,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากสินเชื่อที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนเงินฝากอย่างมีประสิทธิภาพ
-
thunhoon
แบงก์ใหญ่อวดงบQ3BBL-SCB-BAYรู้วันนี้ 18/10/61
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
ส่องกำไร Q2/61 “กลุ่มแบงก์” KTB มาวิน! กระฉูดกว่าเท่าตัว ทะลุ 7.7 พันลบ. 21/07/61
ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโต เนื่องจากมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของสินเชื่อ โดยรายได้ดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 18.8% ขณะที่รายได้จากเช่าซื้อและสัญญาเช่าการเงินเพิ่มขึ้น 2.1% นอกจากนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.2% เทียบกับปีก่อนมาที่ 1.06 พันล้านบาท
-
kaohoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
มรสุมถาโถมหุ้นแบงก์ราคาร่วงยกแผง โบรกฯ หั่นกำไร Q1 วิตกศึกยกเลิกค่าฟี 04/04/61
ส่วนเป้าหมายทางการเงินอื่น ได้แก่ สินเชื่อยังคงคาดว่าจะเติบโต 5-7%, ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.2-3.4%, อัตรารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income Ratio) ราว 40% สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross) อยู่ที่ 3.3-3.4% อย่างไรก็ตาม เป้าหมายทางการเงินดังกล่าว เป็นการคาดการณ์ของธนาคารในเบื้องต้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้หากสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
-
kaohoon
-
thunhoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon
-
kaohoon