บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ: วิกฤตราคาฉุดกำไร

บมจ. พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช (PQS) เผชิญความท้าทายในครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยกำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 75.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือเพียง 31.4 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.1% สาเหตุหลักมาจากราคาขายแป้งมันสำปะหลังเฉลี่ยที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น แม้บริษัทจะมีการลงทุนเปิดโรงงานใหม่ถึง 2 แห่ง ทั้งโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังที่กาฬสินธุ์ และโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรที่มุกดาหาร

ผลประกอบการที่น่าผิดหวัง: รายได้ลด ต้นทุนพุ่ง

ในงวด 6 เดือน บริษัทมีรายได้รวม 1,011.5 ล้านบาท ลดลง 22.2% YoY อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 21.2% เป็น 19.2% ในไตรมาส 2 สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ บริษัทขาดทุนสุทธิ 23.6 ล้านบาท ลดลงถึง 1,120.5% YoY รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 18.3% ในไตรมาส 2 แต่ถูกหักล้างด้วยราคาขายเฉลี่ยที่ต่ำลงและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นตามปริมาณขาย แต่ไม่สามารถสร้าง Economy of Scale ได้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 64.1% ในไตรมาส 2 และ 27.9% ในช่วง 6 เดือน

ปัจจัยภายนอกที่ท้าทาย: เศรษฐกิจผันผวน อุตสาหกรรมซบเซา

PQS ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ดัชนีผลผลิตมันสำปะหลังหดตัว และราคาหัวมันสดลดลงเนื่องจากคุณภาพและเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่ต่ำลง มูลค่าส่งออกแป้งมันสำปะหลังของไทยลดลงเนื่องจากราคาตลาดที่ลดลงและอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย แม้บริษัทจะพยายามลงทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน "พรีเมียร์โลจิกซ์" เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านการขนส่งและควบคุมต้นทุน แต่สถานการณ์ภายนอกยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

อนาคตและความยั่งยืน: ลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว

แม้ผลประกอบการในปัจจุบันจะไม่สดใส แต่ PQS ยังคงเดินหน้าลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและ ESG โดยมีการปรับปรุงวิสัยทัศน์ พันธกิจ และโครงสร้างการบริหาร รวมถึงมีโครงการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณผลผลิตมันสำปะหลัง PQS ยังคงจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว