บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
NEX พลิกโฉมธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าปี 2568 เล็งเป้าหมายกำไร พร้อมขยายตลาด Green Logistics Solution
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 0.88 (0.00%)
NEX พลิกโฉมธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าปี 2568 เล็งเป้าหมายกำไร พร้อมขยายตลาด Green Logistics Solution
สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน เข้าสู่งาน Opportunity Day ของบริษัท Next Point จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 โดยมีหัวข้อหลักๆ 4 หัวข้อที่จะนำเสนอข้อมูลให้ผู้ลงทุนได้รับทราบ
Next Point เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial EV) โดยเน้นไปที่ Sectors ที่สำคัญ เช่น รถโดยสาร, รถบัส, รถบรรทุก และรถหัวลาก ซึ่งเป็น Key Product หลักของกลุ่มบริษัท
นอกจากนี้ ยังให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัดผ่านบริษัทย่อย Next Express และให้บริการ Charging Station แก่ลูกค้า รวมถึงบริการหลังการขาย After-Sale Service ผ่านบริษัท Next Autopro และให้บริการ Technical Solution ต่างๆ
ในส่วนของธุรกิจ Computer และระบบ Software ยังให้บริการผ่านกลุ่มบริษัท Thura-Business จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกอีกแห่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และการสื่อสาร รวมถึงความปลอดภัยทางด้าน Fiber Security และ Software ระบบบริหารจัดการขนส่ง กระจายสินค้า และ Logistics
เหตุการณ์สำคัญในช่วงไตรมาส 1/2568 และ 5 เดือนที่ผ่านมา
- กุมภาพันธ์: เพิ่มทุนผ่าน Preferential Offering (PPO) ได้เงินประมาณ 660 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ EA ได้ใส่เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วน ทำให้ EA ถือหุ้นประมาณ 49.99% และส่ง New Management จาก EA เข้ามานั่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) คือคุณธนพัฒน์ สุขสุธรรมวงศ์
- พฤษภาคม: ทำ Right Offering เพิ่มทุนอีกครั้ง โดย EA ใส่เงินเพิ่มทุน 3,327 ล้านบาท ทำให้ EA ถือหุ้นของบริษัทประมาณ 77.77%
ผลกระทบเชิงบวกจากการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม EA
- เข้าถึงธุรกิจของ EA ได้
- ภาพลักษณ์ของ Next Point เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่การขายยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์
- สามารถ Provide Green Logistics Solution ให้กับลูกค้าได้
- มี Battery ในกลุ่ม EA ที่ผลิตแบตเตอรี่เอง
- มี Charging Station
- สามารถ Provide เป็น Package ได้ ไม่ใช่แค่ขายรถไฟฟ้าอย่างเดียว
- การันตีได้ตั้งแต่ Battery, Charging Station
- EA มี Ultra-Fast Charge
สิ่งเหล่านี้เป็น Benefit ของลูกค้าในการพิจารณาเปลี่ยนจากรถยนต์ Commercial ที่เป็นสันดาปมาเป็นรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์
Key Segment สำคัญของกลุ่มบริษัท
- รถโดยสาร: มีทั้ง Minibus 7.3 เมตร, 7.6 เมตร, 8 เมตร และ EV Coach 12 เมตร (Navigator, Elegance)
- ขนส่งสินค้า: มี Cargo Truck ทั้ง 4 ล้อ, 6 ล้อ ทั้ง 15 ตัน, 30 ตัน
- รถหัวลาก: Tractor มี 2 รุ่น คือ 282 และ 423
Next Point ถือหุ้นใน Absolute Assembly (AAB) ประมาณ 45% ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถไฟฟ้า Commercial ที่ได้มาตรฐานระดับสากลในเมืองไทย ให้บริการตั้งแต่การเชื่อม, Painting, ประกอบรถ, Test ระบบต่างๆ, Test คุณภาพยานยนต์ก่อนส่งมอบให้ลูกค้า
Q1/2568 สัดส่วนรถยนต์ Commercial ที่เป็นสันดาปยังคงมี Market Share ประมาณ 98% ซึ่งเป็นข้อดีที่ Once ลูกค้าตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ EV ทางบริษัทจะสามารถ Capture กลุ่มลูกค้าที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากรถสันดาปมาเป็น EV ได้ ทำให้มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจอีกมาก
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
- รถโดยสาร: ไทยสมายล์บัส, ATP 30
- รถบรรทุก: กลุ่ม Logistics, นิคมอุตสาหกรรม (WHA, DHL, Mon Transport, SCG JWD Logistics)
Thura-Business ให้บริการ Software ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT และการสื่อสาร รวมถึงความปลอดภัยทางด้าน Fiber Security และระบบบริหารจัดการขนส่ง สินค้า และ Logistics
Financial Performance
- รายได้ลดลงเมื่อเทียบ Q on Q ใน Q1/2568 จาก 266 ล้านบาท เหลือ 145 ล้านบาท
- Gross Profit ดีขึ้น จากไตรมาส 4 ขาดทุน 472 ล้านบาท เป็นกำไร 13 ล้านบาท
- ขาดทุนสุทธิ 122 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจาก Q4 ที่ผ่านมา ที่ 560 ล้านบาท
- Shareholder Equity ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1,482 ล้านบาท เป็น 2,019 ล้านบาท
- Cash on Hand อยู่ประมาณ 487 ล้านบาท
การเพิ่มทุนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้มีเงินมาชำระหนี้การค้า ทำให้สภาพคล่องของบริษัทปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ
Key Financial Ratio
- Gross Profit Margin ปรับตัวดีขึ้นเกือบ 30%
- Return on Equity ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกันที่ 1.3%
- Debt to Equity (DE) ลดลงจาก 5.96 เหลือ 3.56
- Liquidity Ratio ปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกัน Current Ratio ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 1.04
- Quick Ratio ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 0.65
คาดว่า DE Ratio หลังจากการเพิ่มทุน RO จะอยู่ไม่เกิน 0.5 เท่า แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
Business Update
- คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของภาครัฐในการสนับสนุนให้ภาคเอกชนปรับเปลี่ยนมาใช้ EV
- ลูกค้าซื้อรถจาก Next Point ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย จะมีส่วนที่เป็น Local Content ทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีประมาณ 2 เท่า
- นโยบายภาษีของทางอเมริกา คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีความหลากหลาย
- ตัวตลาดจะเติบโตขึ้นในส่วนที่ลูกค้าจะปรับเปลี่ยนมาใช้จากรถสันดาปมาเป็นรถ EV
- ราคา EV น่าจะปรับตัวลดลงตามต้นทุนการผลิตของ Battery ที่ลดลง
มีการทำ Partnership ต่างๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย โดยหลักๆ จะมี Dealer Partnership ซึ่งอยู่ในหัวเมืองสำคัญๆ ในประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคที่มีทั้งการขนส่ง, Logistics, ท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรม
โอกาสจากนโยบายของรัฐบาล
มองว่าเป็นโอกาสสำหรับนโยบายของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นในการเปลี่ยนรถยนต์ยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ Commercial EV ซึ่งได้รับ Benefit ทางภาษี
เมื่อกลายเป็นบริษัทย่อยของกลุ่ม EA ไม่ได้ขายเพียงแค่รถอย่างเดียว Provide เรื่อง Green Logistics Solution ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าเอง, Battery เองที่มีการรับประกัน รวมถึง Charging Station ซึ่งในกลุ่มบริษัท EA สามารถ Provide Service ต่างๆ พวกนี้มาเป็น Package เดียวกัน ทำให้เวลาขายของหรือขายรถให้กับลูกค้าจะมี Competitive Advantage มากกว่าคู่แข่ง
นโยบายที่จะเป็นเรื่อง ESG สำหรับตัวทั้งกลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เองหรือนอกตลาดหลักทรัพย์เองที่ให้ความสนใจเรื่อง ESG จะเป็นตัว Drive ที่สำคัญที่การเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้เป็นสันดาปให้มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์
Key Development ที่สำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา
- Next ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทลูกของกลุ่ม EA ทำให้มี Benefit ในการ Offer ให้กับลูกค้ารายต่างๆ เป็น Full Package ซึ่งจะเป็น Green Logistics Solution ให้กับลูกค้าได้ ที่ไม่ได้ขายรถเพียงอย่างเดียว
- ปรับโครงสร้างและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและกลุ่มลูกค้า ทำให้คาดการณ์ว่าการขายรถภายในอีก 3 ไตรมาสของปีนี้คงปรับตัวดีขึ้นแน่นอน
- ปรับโครงสร้างทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีส่วนของทุนที่เพิ่มขึ้น หนี้ที่ลดลง ทำให้ฐานของตัวกระแส งบการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
- ได้รับ Benefit จากการ Synergy กับกลุ่ม EA รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
- ธุรกิจอยู่ในกระแสของ Sustainable Growth และ ESG ทำให้สามารถเติบโตได้ตาม Trend ของโลก
พยายามหา Partner เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Dealer เองก็ดี ที่คาดการณ์ว่าตัว Dealer ที่มีอยู่จะเป็น Partnership ที่สำคัญของกลุ่มบริษัท รวมถึงอาจจะมีตัว Partner ต่างๆ ที่จะเข้ามาให้ในการที่จะหา Product ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อ Capture ตัว Market ด้วย ซึ่งกำลังคุยอยู่กับ Partner อยู่ในการ Provide ในการที่จะหา Product ใหม่ๆ เข้ามา เพื่อเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ
Key Management ที่เข้ามา ทีม Co-CEO และ COO เข้ามา ได้มาบริหารปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานของธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับตัว Liquidity สภาพคล่องเป็นสำคัญ รวมถึงการเพิ่มทุนที่ผ่านมา ทำให้ตัว Financial ของตัวบริษัท ทางด้านทั้งตัวฐานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้น และก็มีสภาพคล่องที่ดีขึ้นเช่นเดียวกันหนี้สินลดลง สามารถดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น เพื่อให้บริษัทสามารถยืน ยืนได้อยู่ในระยะยาว รวมถึงทางผู้บริหารที่เข้ามาใหม่ก็มีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้บริษัทสามารถ ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้นรวมถึงผู้บริหารก็ ผู้บริหารก็ได้ Explore ทั้ง New Market แล้วก็ New Product คือเราก็ Focus ในการขายสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันรวมถึงมองหา Product Line Up ใหม่ๆ เพื่อให้มาเติมเต็มแล้วตอบโจทย์กับลูกค้าที่ ที่ ที่ให้ความ ที่ยังสนใจในตัว Product อื่นๆ
คุณธนพัฒน์ สุขสุธรรมวงศ์ Co-CEO สรุปภาพรวมของ Next Point ว่า: ปัจจุบัน Next Point ยังเป็นผู้นำด้านธุรกิจรถยนต์ Commercial EV เชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท ถ้าเทียบกับคู่แข่งในท้องตลาดในเรื่องของความพร้อมมีค่อนข้างครบ หลังจากที่เป็นส่วนหนึ่งของ Subsidiary ของ EA แล้ว ในเรื่องของความพร้อมทั้งหมดมาในรูปแบบของ Business Solution ทำให้เกิดการตัดสินใจง่ายขึ้นในการที่จะเข้าไป Approach กับในกลุ่มลูกค้าเอง ในเรื่องของ เช่นมีทั้ง Battery มีทั้งเรื่องของสถานีชาร์จ รวมถึงมี Product รถที่หลากหลาย แล้วก็รวมไปถึง After Sale Service ซึ่งอันนี้เป็นจุดสำคัญในการที่จะดำเนินธุรกิจต่อไป และก็สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ส่วนนึง เราได้มีการพูดคุยกับฐานลูกค้าเดิมที่ดังที่เห็นในสไลด์ก่อนหน้านี้แล้วหลังจากที่เข้ามาหลังจากที่ผมเข้ามารับตำแหน่งเองเนี่ยผมก็ได้มีโอกาสได้เข้าพบกับทางกลุ่มลูกค้านะครับ ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าๆ ซึ่งอันนี้ก็เป็นกลุ่มที่เป็น Potential ใน ในการที่จะเสริมรถเข้าไปใน Fleet เพิ่มมากขึ้นประกอบกับ นโยบายของ Logistics เองเนี่ยปัจจุบันเนี่ยในในปลายทางของของด้านเวลาการส่งออกเนี่ยบริษัทต้นทางเองเนี่ยก็มีนโยบายที่ให้ผู้ประกอบการเองเนี่ย ใช้รถที่เป็นรถ EV นะครับซึ่งอันนี้เราก็ดำเนินงานอยู่ นะครับรวมไปถึงในส่วนของ เรื่องของ Product เองเนี่ยเราก็มีทั้ง Product ที่เป็น Commercial เป็น Bus นะครับส่วนในกลุ่มรถ Bus เองเนี่ยเราก็จะไปดูในกลุ่มของบริษัทที่เป็น Operator นะครับที่เดินรถ เกี่ยวกับพวก โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ นานา แล้วก็รวมไปถึงภาครัฐนะครับซึ่งจะเป็นรถที่เดิน รถอยู่ครับทางมหาวิทยาลัยเองพวกนี้อันนี้ก็เป็นกลุ่มนึงที่ ที่เราเข้าไปโฟกัสนะครับ และรวมไปถึงในเรื่องของการค้นหา การสรรหาเรื่อง Product ใหม่ๆ ของรถที่จะเข้ามาเติมเต็มให้กับ Line Up เดิมนะครับ ปัจจุบันเนี่ยเราก็มีพูดคุยกับทางพาร์ทเนอร์อยู่ประมาณ 2-3 เจ้าซึ่งอันเนี้ยคิดว่าเร็วๆนี้ น่าจะได้ข่าวดีนะครับในเรื่องการเสริม Product Line Up เข้ามาเพื่อให้เป็น Product Champion ในการเสริมสร้างยอดขายให้กับบริษัทเพิ่มมากขึ้นนะครับ และก็รวมไปถึง สิทธิประโยชน์ต่างๆ นานาที่คุณพลได้กล่าวไปแล้วในเรื่องของการลดหย่อนภาษีสำหรับ คนที่ใช้รถที่เป็นผลิตในประเทศนะครับรวมไปถึง ในเรื่องของการใช้เงินสนับสนุนทางทางการเงินจากสถาบันในเรื่องของ Green Loan นะครับซึ่งอันนี้จะได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษนะครับ แล้วก็ประกอบกับในส่วนของเราเองเนี่ยเราก็มีการพูดคุยกับสถาบันการเงินที่สนับสนุนสินเชื่อด้านรถยนต์นะครับก็อันเนี้ยทำให้ความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินเองเนี่ยกลับมา support เราเพิ่มมากขึ้นนะครับเป็นเรื่องของทิศทางของเรานะครับ ก็โดยรวมก็ประมาณนี้นะครับขอบคุณมากครับ
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [นาทีที่ 54:17]
NEX จะกลับมามีกำไรปีไหน?
คาดว่าจะเห็นกำไรภายในสิ้นปี 2568
Stock ตอนนี้รถเหลืออยู่กี่คัน และจะขายได้หมดปีไหน?
มีรถเหลือประมาณ 500 คัน คาดว่าจะทยอยขายได้หมดภายในปี 2568 โดยมีแผนการคุยกับลูกค้าหลายราย
แผนธุรกิจจากนี้ บริษัทจะเติบโตจากส่วนไหน?
ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการขายรถยนต์อย่างเดียว แต่มี Service ต่างๆ เช่น Charging Station ในกลุ่ม EA
รายได้หลักยังคงมาจากการขายรถ คาดว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างทุน รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของ EA จะทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นมากขึ้น และสามารถขายรถได้ดีขึ้น
ภาพรวมปี 2568 รายได้จะมาจากการขายรถได้ประมาณ 500 คัน
ปีนี้ปีหน้า คาดการณ์ว่าจะขายรถได้ซักกี่คัน?
Intent หลักคือการขายรถที่มีอยู่ใน Stock ให้ได้มากที่สุด คาดว่าจะขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 คันในปี 2568
ปีนี้ NEX ผลประกอบการจะได้กลับมากำไรหรือไม่?
ผู้บริหารคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทจะต้องกลับมามีกำไรให้ได้ภายในปี 2568 โดยหลักๆ จะเป็นการขายรถที่มีอยู่ในมือ บริหารต้นทุนต่างๆ ของบริษัทให้เหมาะสมกับการขายรถ
แนวโน้มการขายรถในไตรมาสที่ 2 เป็นอย่างไรบ้าง?
คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรก เพราะมีการปรับโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจน ลูกค้ายังสนใจ Product ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นรถหัวลากหรือรถบรรทุก และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นเอกชนให้ความสนใจในส่วนที่เป็น Logistics เข้ามาในการที่จะปรับเปลี่ยนเป็น EV คาดการณ์ว่าแนวโน้มในการขายรถในไตรมาสที่ 2 คงปรับตัวดีขึ้นมากกว่าไตรมาสแรก
คุณธนพัฒน์ สุขสุธรรมวงศ์ Co-CEO เสริมว่า: ในส่วนของรถ Tractor เองที่มีอยู่เนี่ยโดยในตัว Product เองเนี่ยปัจจุบันเนี่ยในเรื่องของฐานราคาเองเนี่ยเรามีการปรับ ปรับเรื่องของฐานราคาลงมาส่วนหนึ่งเพื่อให้ใกล้เคียงกับรถที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปนะครับที่เป็น ICE นะครับเนื่องจากว่าปัจจุบันเนี่ยเครื่องรถเครื่องยนต์สันดาปเองเนี่ย ในเรื่องของที่เป็นยูโร5ยูโร6 เองเนี่ย มันมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างใกล้เคียงกับรถ ที่เป็นรถ Commercial EV ซึ่งอันเนี้ยผมว่ามีมันมีส่วนในการตัดสินใจให้กับ คนที่จะตัดสินใจมาใช้เป็น Green Logistics ที่เป็น EV มากขึ้นนะครับประกอบกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเองที่ ที่มาสอดคล้องกับตัวการใช้การรถ EV เนี่ยผมว่าพอพอเทียบออกมาเนี่ยสัดส่วนแล้วเนี่ยมันจะใกล้เคียงกันมากนะครับสำหรับรถ สันดาปกับรถ EV นะครับ
หากนักลงทุนมีคำถามเพิ่มเติม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ ir@nextpoint.co.th วันนี้ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจ
โดยรวมแล้ว Next Point กำลังเดินหน้าปรับกลยุทธ์ธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการเติบโตในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และขยายธุรกิจไปยัง Green Logistics Solution พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจาก EA และภาครัฐ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและผลักดันผลกำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต