บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ:

VRANDA กำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ดิ่ง 64% เหลือเพียง 2 ล้านบาท แม้ธุรกิจโรงแรมยังเติบโตได้ดี แต่ถูกฉุดจากรายได้อสังหาฯ ที่หายวับ

รายได้และกำไร:

รายได้รวมของ VRANDA ในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 362 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจโรงแรมคิดเป็น 93% ของรายได้รวม อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลง 64% เหลือ 2 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการไม่มีการโอนอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสนี้

การเติบโตของธุรกิจโรงแรม:

รายได้จากกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้น 19% เป็น 337 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ "วีรันดา รีสอร์ท ภูเก็ต ออโตกราฟ คอลเลกชัน" และส่วนต่อขยายของ "วีรันดา คอลเลกชัน สมุย - ร็อคกี้ รีสอร์ท" อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 10% เป็น 4,605 บาท/ห้อง/คืน ในขณะที่อัตราการเข้าพักเฉลี่ยลดลง 5% เป็น 59% ต้นทุนของกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้น 15% ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้น 23% เป็น 185 ล้านบาท

ผลกระทบและข้อสังเกต:

การไม่มีรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการโดยรวม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปิดโรงแรมใหม่ อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 33% เป็น 106 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้น 72% จากดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสำหรับโครงการโรงแรมใหม่

ฐานะทางการเงิน:

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 สินทรัพย์รวมของบริษัทอยู่ที่ 5,766 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปี 2567 หนี้สินรวมอยู่ที่ 3,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E ratio) เท่ากับ 2.11 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E ratio) เท่ากับ 1.59 เท่า

สรุป:

แม้ธุรกิจโรงแรมของ VRANDA จะยังคงเติบโตได้ดี แต่ผลประกอบการโดยรวมถูกกดดันจากการหายไปของรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้น การบริหารจัดการหนี้สินยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้