บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ยังคงเดินหน้าโครงการ CFP อย่างต่อเนื่อง พร้อมแผน Asset rationalization เพื่อลดหนี้ และออก Perpetual Bond เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน แม้คาดการณ์กำไร 3Q68F จะลดลงตามค่าการกลั่น

ความคืบหน้าโครงการ CFP และแผนธุรกิจ

TOP คาดว่าจะสรรหาผู้รับเหมาโครงการ CFP ได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ โดย CFP ยังเหลืองานอีก 6.3 หมื่นล้านบาท และยืนยันแผน COD ทั้งหมดตามเดิมใน 3Q71F

• TOP ได้ว่าจ้าง STECON (7.4 พันล้านบาท) และ SRICHA (7.8 พันล้านบาท) คิดเป็น 24% ของงานทั้งหมด
• TOP ปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่เป็น "2S1P" มุ่งเน้นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจหลัก
• ขยายธุรกิจ High margin เช่น Specialty Chemicals, SAF, Hydrogen, CCS รวมถึงขยายแพลตฟอร์มให้ครอบคลุมภูมิภาค

นอกจากนี้ TOP ยังมีแผน Asset rationalization เพื่อลดหนี้ และออก Perpetual Bond เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนโครงการ CFP

ผลกระทบต่อกำไรใน 3Q68F

คาดการณ์กำไรปกติ 3Q68F จะลดลงตามค่าการกลั่นที่ลดลงและการหยุดซ่อมบำรุง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอะโรเมติกส์ด้วย

• ค่าการกลั่น SG GRM 3Q68TD อยู่ที่ $4.0/บาร์เรล ลดลง 27%QoQ
• การลดลง QoQ หลักๆ มาจากราคาน้ำมันเตาและเบนซินที่ลดลง
• การหยุดซ่อมบำรุง CDU-3 เป็นเวลา 30 วัน ทำให้อัตราการกลั่นลดลงเหลือ 85%

ทั้งนี้ แนวโน้มธุรกิจอะโรเมติกส์จะปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาลและอุปทานใหม่ที่ชะลอลง

คำแนะนำการลงทุนและปัจจัยเสี่ยง

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS) คงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" สำหรับ TOP โดยมีราคาเป้าหมาย 36.00 บาท อิงจากความคืบหน้าของโครงการ CFP และแผน Asset rationalization

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นของโครงการ CFP

สรุป

TOP ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการ CFP และปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน แม้ว่าผลประกอบการในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก นักวิเคราะห์ LHS มองว่าความคืบหน้าของโครงการ CFP และแผน Asset rationalization เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ และคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีราคาเป้าหมาย 36.00 บาท