บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ภาพรวมผลงาน:

บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 กำไรสุทธิลดลง 24% เหลือ 59 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 77 ล้านบาทในปีก่อนหน้า แม้รายได้จากการขายจะลดลง 7% เหลือ 3,408 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของยอดขายในกลุ่มสินค้าส่งออกและเครื่องดื่มชูกำลัง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยกระทบ:

อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง โดยเฉพาะในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นตลาดหลักของขวดแก้ว แต่ยังมีปัจจัยบวกจากราคาวัตถุดิบหลักที่ลดลง เช่น โซดาแอช เศษแก้ว เม็ดพลาสติกฟิล์ม กระดาษคราฟท์ และค่าไฟฟ้า (Ft) ที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างต้นทุนพลังงาน

จุดที่น่าสนใจ:

• รายได้: ลดลงในกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้ว (-7%) และกลุ่มบรรจุภัณฑ์อื่น (-10%) แต่เพิ่มขึ้นในกลุ่มธุรกิจซื้อมาขายไป (+27%)
• กำไรขั้นต้น: ลดลงในกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้ว (-12%) แต่เพิ่มขึ้นในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อื่น (+34%) และกลุ่มธุรกิจซื้อมาขายไป (+336%)
• อัตรากำไรขั้นต้น: ลดลงเล็กน้อย (-18 bps) โดยกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากยอดขายที่ลดลงและการปรับลดกำลังการผลิต ในขณะที่กลุ่มบรรจุภัณฑ์อื่นและกลุ่มธุรกิจซื้อมาขายไปมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
• ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร: ลดลง 7% เนื่องจากการลดลงของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสินค้าคงเหลือ
• ค่าใช้จ่ายทางภาษี: เพิ่มขึ้น 136% เนื่องจากการหมดอายุของสิทธิประโยชน์ BOI ในบางโรงงาน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอตัดบัญชีเพิ่มขึ้น

สรุปและแนวโน้ม:

แม้ผลประกอบการของ BGC จะลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 2 ปี 2568 แต่การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของธุรกิจ บริษัทมีสินทรัพย์รวม 18,845 ล้านบาท และหนี้สินรวม 13,019 ล้านบาท โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 5,825 ล้านบาท BGC ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน แต่การมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนและขยายตลาดในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว