HUMAN Group: สรุป Oppday Q1/2568 – มุ่งสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2569

P/E 12.61 YIELD 5.78 ราคา 5.35 (0.00%)

HUMAN Group: สรุป Oppday Q1/2568 – มุ่งสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2569

สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน วันนี้ผม สุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ HUMANICA Group ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับทุกท่านอีกครั้งนะครับสำหรับผลประกอบการและก็ทิศทางของบริษัทใน Q1 ปี 2568

วันนี้ก็จะไล่ตั้งแต่เรื่องของที่มาของบริษัทนิดนึงสำหรับท่านที่ยังไม่รู้จักดีนะครับแล้วก็พูดถึงโซลูชั่นเซอร์วิสต่างๆ ของเรา เรื่องของผลประกอบการใน Q1 ปีนี้ (2568) แล้วก็กลยุทธ์ในการเติบโตของเรา

ส่วนของ Background ของบริษัทก็ยังเหมือนเดิมนะครับเรายังอยู่ใน 6 ประเทศ 9 ออฟฟิศในอาเซียน ปัจจุบันก็มีพนักงานประมาณ 1,200 คนนะครับใน 6 ประเทศแล้วก็ให้บริการลูกค้า Corporate กว่า 5,000 บริษัท

ในส่วนของ Journey ของเรานะครับ ก็คร่าวๆ เราก่อตั้งปี 2546 นะครับ เป็นการแยกตัวจาก PwC แล้วก็ปี 2548 เป็นปีแรกที่เราลงทุนในเรื่องของการพัฒนาซอฟต์แวร์ของเราเองที่ชื่อว่า HUMatrix นะครับ

แล้วก็ปี 2560 เป็น Maile Stone ที่สำคัญคือเราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใน Segment ของ ICP นะครับ

แล้วก็ปี 2565 เป็นปีที่เราเข้าไป Acquire Dataon ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำคล้ายๆ เรา แต่ว่าเป็นเน้นด้านซอฟต์แวร์ HR Tech ประเทศอินโดนีเซีย อันนี้ก็เป็น Maile Stone หลักๆ ของบริษัทที่ผ่านมา

สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากในกลุ่มบริษัทเราคือ Vision กับ Mission แล้วก็ Core Value ของเรานะครับ โดยสรุปเนี่ยหัวใจของ Vision ของเราคือการพัฒนาและนำเสนอสินค้าและบริการระดับโลกนะครับ อันนี้คือสิ่งที่เป็นความฝันของเราตั้งแต่ก่อตั้งว่าเราต้องการสร้างซอฟต์แวร์ HR ระดับโลกโดยคนไทย โดยคนเอเชีย แล้วก็เราโฟกัสที่อาเซียนในปัจจุบัน Step ต่อไปเราจะไปที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชีย แล้วก็หวังว่าในอนาคตภายใน 10 ปีเราจะไประดับโลกได้ในอเมริกาและยุโรป

Mission Statement เป็นสิ่งซึ่งเรามีพันธกิจนะครับที่จะช่วยลูกค้าในการดูแลพนักงานของเขาให้ทำงานได้ดีขึ้นจาก Automation จาก Digital Transformation แล้วก็ช่วยพนักงานของลูกค้าให้มีชีวิตส่วนตัวที่มีความสุขมากขึ้นในเรื่องของ well-being ด้านต่างๆ นะครับนี่คือ Mission Statement ของ HUMANICA

ในส่วนของ Product เนี่ยเรามีการแยกนะครับเป็น Segment เป็น 2 Segment หลัก คือ Enterprise Segment กับ Mid Market นะครับ Segment ในส่วนของซอฟต์แวร์โซลูชั่นเนี่ย เราเน้นที่โมเดลที่เป็น Cloud Computing Software as a Service โดย Product หลักของเรามี 2 ตัวนะครับ คือ WorkPlace กับ SunFish

อันนี้ผมอยากเรียนนะครับว่าเรามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของ Strategy ในเชิง Product เมื่อปีที่แล้ว เหตุผลหลัก 1 อย่างหนึ่งที่เราเข้าไปรวม Dataon เข้ามาเนี่ย นอกจากการที่เขาใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียแล้วเนี่ย เราคิดว่าเป็น การที่เราสามารถขยาย HUMANICA ออกไปสู่ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนได้นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ 1 นะครับ เหตุผลหลักที่ 2 เราคิดว่าเขาก็ทำ Tech ทางด้าน HR แพลตฟอร์มเราก็ทำ Tech ทางด้าน HR แพลตฟอร์มเพราะงั้น เราคิดว่าถ้าเอา 2 ทีม Tech มารวมกันแล้วทำ Product เดียวกันมันจะเป็นสิ่งซึ่งทำให้เราได้ Product ที่สุดยอดนะครับ นี่คือสิ่งที่เป็นความตั้งใจของผู้บริหารทั้ง 2 องค์กรในตอนนั้น หลังจากที่เราเริ่มพัฒนาด้วยกันเมื่อปีตั้งแต่ปี 2565 นะครับ เป็น Product ของ HUMANICA ที่ก่อตั้งที่ Initiate ก่อนที่จะมี Transaction นั้นคือตัว Product WorkPlace ซึ่งเป็น Flagship ตัวใหม่ที่ HUMANICA ต้องการสร้างบน Technology ใหม่ที่เป็น Micro Services พเรามี Dataon เข้ามาแล้วก็มีการจัดทัพใหม่นะครับ ในเรื่องของทีม Tech พยายามที่จะทำ Product เดียวภายใต้แบรนด์ WorkPlace แล้วก็เอาคนเนี่ยมาจัดสรรเพื่อทำ Module ต่างๆ แยกกันนะครับ แต่หลังจากนั้นจนถึงปี 2567 เราพบว่ามันมีอุปสรรคมากในการรวมแพลตฟอร์ม 2 แพลตฟอร์มเข้ามาเป็นหนึ่งนะครับ แล้วก็ขนาดนั้นเรามีลูกค้าแล้วทั้งที่อินโดแล้วก็ที่ประเทศไทย แต่ปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นขึ้นที่ประเทศนอกประเทศอินโดเพราะว่าส่วนที่เป็น Localization ที่เป็น HRM เนี่ย คือพวก Pyol time leaf มันมาจากตัว SunFish ขึ้นมา มันมีปัญหาที่ว่าจะปรับให้เข้ากับประเทศอื่นเนี่ย ได้ค่อนข้างยากนะครับ แล้วก็ทำให้เกิดอุปสรรคในการที่จะไป Golive ในการที่จะปิด Project เมื่อปีที่แล้วเราก็มีการคุยกันใน Management นะครับว่าเราต้องแก้ปัญหานี้ให้เร่งด่วนที่สุดเพราะฉะนั้นเราตัดสินใจแยก Product นะครับ WorkPlace ยังคงมาอยู่ที่ทีม Dev ของ HUMANICA แล้วก็ตัว Dataon ก็ไปโฟกัสที่แบรนด์เดิมของเขาคือ SunFish แต่เปลี่ยน Brandding เปลี่ยน Logo นะครับ แล้วก็ออก Version ใหม่ทั้ง 2 Version ทั้ง 2 Product Version ของ WorkPlace Launch เมื่อเดือนมกราคมนะครับ ประมาณต้นปีนี้ แล้วก็ SunFish เขาก็ Launch ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว อันนี้ก็เป็นเหตุผลที่ผมอยากเรียนว่าทำไมมันมี 2 Product สำหรับ Enterprise Segment ซึ่งอยากเรียนว่าวงการ Software เนี่ยการที่บริษัทเดียวมีหลาย Product เป็นเรื่องปกตินะ ถ้าลองดูอย่าง Oracle SAP พวก Microsoft นี่เขามีหลาย Product ในในเรื่องเดียวกัน เช่น Oracle เขาก็มีตั้งแต่ Oracle Fusion นะครับ เขามีเรื่องของ People Soft อันนี้ก็เป็น HR System ที่เขาไป Acquire มาเหมือนกัน เขามีเมื่อก่อนเคยมี JDS Word ด้วยเพราะงั้น นี่คือสิ่งซึ่งผมอยากแค่ยากเรียนว่ามันเป็นเรื่องปกติของวงการ Software ที่จะมี Product หลายตัวสำหรับ Focus ของ Segment ต่างกันนะครับ

Solution ส่วนที่ 2 ที่เรามีคือเรื่องของ Outsourcing นะครับ จริงๆ เราเรียกมันว่า HPO หรือ HR Business Process Outsourcing Scope ที่ HUMANICA ทำมันกว้างกว่า Payroll ขณะเดียวกันเรา Launch ตัว Multi Country Outsourcing ที่เรา ที่เขาเรียกกันว่า MCPO นะครับ Multi Country Payroll Outsourcing เมื่อประมาณปี 2565-2566 อันนี้ก็ไปได้พอสมควรนะมีลูกค้าดีๆ เข้ามาหลายๆ บริษัทเลยแล้วก็ยังมีอยู่ในไปลน์อีกหลายบริษัทนะครับ เพราะฉะนั้นแบรนด์หลักของ Payroll Outsourcing เนี่ยหรือ HPO เนี่ยคือ HUMANICA นะครับ ขณะเดียวกันเราก็มีแบรนด์รองก็คือ Professional Outsourcing อันนี้เป็นแบรนด์สำหรับ Mid Market เรามี Tiger Outsourcing สำหรับ SME นะครับ ส่วน SunFish เขาก็มี Outsourcing ที่อินโดแต่ก็ค่อนข้างเล็กเพราะว่าธุรกิจหลักของเขาคือเป็นตัวซอฟต์แวร์ธุรกิจซอฟต์แวร์นะครับ

Segment ที่เป็น SME เนี่ยเรามี Product ที่เป็นซอฟต์แวร์คือ Tiger Soft นะครับ Great Day นี่ในเป็น Product ที่เราทำในเฉพาะในอินโดนีเซียเป็นหลักนะ นอกอินโดนีเซียนี่ Great Day เราไม่ได้ทำแล้วนะครับ ต่อมาจะเป็นเรื่องบริษัทในเครือข่ายของเรานะครับ ทั้งที่เป็นบริษัทลูกแล้วก็เป็น Partner อยากจะเรียนว่าในส่วนของ ก่อนจะไปเรื่อง subsidiaries เนี่ยเรายังมีธุรกิจที่เป็น Financial Solution นะครับ ที่อยู่ใน HUMANICA Group อันนี้เราก็ทำ ERP Solution เราเป็น Partner กับ SAP Business One เราเป็น Partner กับ Oracle Next Suite แล้วก็เรากำลังจะได้ธุรกิจใหม่จาก M&A ของเราที่เป็นบริษัทที่ทำ SAP S4 HANA ซึ่งเป็นตัวใหญ่ของ SAP นะครับ ดีลนี้ Due Diligence ทุกอย่างจบแล้วข้อตกลง commercial term ต่างๆ จบแล้วกำลังเหลือ final เรื่องการเซ็น SPA นะครับ

ในส่วนของตัว Emerging Business เนี่ย ที่ผมอยากจะเน้นคือเรื่องของ well-being นะครับ ในส่วนของ well-being Focus หลักจะเป็นเรื่องของ Healthcare นะครับ ส่วนของ Financial well-being เป็นด้านที่ 2 แล้วสุดท้ายจะเป็นเรื่อง Education อันนี้ก็จะเป็น Financial well-being ที่เราจะ Launch ภายในสิ้นปีนี้นะครับ สุดท้ายก็จะเป็นเรื่องของ Education นะครับ น่าจะ Launch ได้ประมาณปีหน้า Value Proposition ของเราเนี่ย เราคิดว่าสิ่งที่เรามีความโดดเด่นนะครับ คือเรามีรูปแบบการนำเสนอให้ลูกค้าแบบยืดหยุ่นนะครับ เขาจะซื้อซอฟต์แวร์แล้วไปทำเองเลยก็ได้ เขาอยากจะใช้ซอฟต์แวร์แบบเป็นเช่าใช้ก็ได้อย่างเป็น Subscription นะครับ หรือเขาซื้อซอฟต์แวร์เราไปใช้แต่บางอย่างไม่อยากทำเองก็ outsource ให้เราทำแล้วก็เรากับพนักงานเขาก็ใช้ซอฟต์แวร์กับ Data เดียวกันเพื่อทำ Activities ของเรื่องของ HR Processing ต่างๆ

สุดท้ายเรามีส่วนของ Consulting เข้ามาเมื่อเราพึ่งตั้งได้เมื่อประมาณปีที่แล้วนะครับ ก็คือเป็นการให้คำปรึกษากับลูกค้าของเราที่ต้องการจะปรับปรุงหรือต้องการ redesign process ของเขาเพื่อที่จะเอา Content ที่มาจากการให้คำปรึกษาเนี่ยมาใส่ใน System Platform เราเพื่อเอาไปสามารถใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดเพราะว่าองค์กรบางองค์กรอาจจะยังมีความไม่พร้อมในเรื่อง Content หรือในเรื่องของการที่จะมาปรับปรุงกระบวนการ เขาอาจจะต้องมีที่ปรึกษาเมื่อก่อนเราไม่ทำเองเขาก็ต้องไปหาข้างนอก แต่เราคิดว่าถ้าเราสร้างเองเนี่ยทีม Consulting แล้วโฟกัสที่การ Bundle กับ Platform หรือ Technology ผมว่านั่นจะเป็นอะไรที่ช่วยลูกค้าได้ ได้ดีที่สุดเพราะว่ามันเป็นการประหยัดมากกว่านะครับ สำหรับลูกค้าแล้วก็ Consulting ของเราจะเข้าใจ Platform ของเราได้ดีกว่า Consulting ที่ไม่ใช่บริษัทที่อยู่ในเครือของเรานะครับ อันนี้ก็เป็น Value Proposition ที่เราพยายามเน้นคือเรื่องของเป็น End To End Total Solution นะครับ ส่วนของตัว Platform เนี่ย เรา เราเน้นที่เราเป็นทั้งทุกสิ่งทุกอย่างของระบบการบริหารธุรกิจตั้งแต่ HR Solution ที่เป็นทั้ง HRM HRD ที่เราเน้นคือเรื่อง single source of truth นะครับ คือระบบเดียวกันทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ข้อมูล Data เป็น 1 เดียวไม่ได้เชื่อม 2 ระบบ 3 ระบบ บางบริษัทเชื่อมระบบต่างๆ เข้ามาตั้ง 40 ระบบนะครับซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทำให้กระบวนการหรือ Data ต่างๆ เขาเนี่ยสับสนมาก เพราะงั้นเรามีการทำ End To End HR Platform เชื่อมกับ ERP แล้วบวกกับ Front ในในในอนาคตตอนนี้ Front ที่เราเริ่มต้นคือเรื่อง Hospital Information System หรือระบบบริหาร Front ของโรงพยาบาลซึ่งได้เชื่อมกับ ERP แล้วก็เชื่อมกับ HR Platform ของเรา ของเราแล้ว อันนี้จะเป็น Industry ที่เรา Focus ที่โรงพยาบาลต่อไปเราก็จะไปขยายไป Vertical Industry อื่นๆ นะครับ แต่ตอนนี้เราจะมีการเชื่อม HR กับ ERP ไว้แล้วนะครับระหว่างตัว WorkPlace กับตัว ERP ไม่ว่าจะเป็น SAP หรือ Oracle นะครับ

เราจะ Launch ตัว WorkPlace ที่เป็น Light Version ของเราภายในปีนี้นะครับ ซึ่งอันนี้จะทำให้ราคาในการใช้ WorkPlace เนี่ยถูกลง แล้วก็เราจะเอา WorkPlace Light Version เนี่ยไปให้กับ POS ใช้เพื่อในการให้ Outsourcing Service กับลูกค้าที่เป็น Mid Market นะครับ อันนี้ก็จะเป็นสิ่งซึ่งเราเชื่อว่าเป็น uniqueness ของ HUMANICA Group นะครับ ในเรื่องของ Value Proposition สิ่งหนึ่งที่อยากจะ Update คือเราได้ไปขึ้นทะเบียนบัญชีดิจิทัลกับ Depa นะครับ ซึ่งอันนี้เป็น Scheme ที่น่าสนใจมากคือ Depa เนี่ยเป็นหน่วยงานที่คอยสนับสนุนการใช้ดิจิทัลเพื่อไป ไป improve หรือไปปรับปรุงกระบวนการทำงานของธุรกิจองค์กรของไทยนะครับ แล้วก็มีการให้เป็น certify นะครับ เป็น 1 ดาว 2 ดาว 3 ดาว แล้วก็สิทธิประโยชน์เนี่ยก็คือธุรกิจที่ขึ้นบัญชีดิจิทัลสามารถที่จะไปเสนอหน่วยงานรัฐได้โดยที่ถ้าหน่วยงานรัฐนั้นเห็นว่าระบบนี้สอดคล้องกับ TOR เขา สามารถเป็น จัดซื้อจัดจ้างพิเศษไม่ต้องมีคู่เทียบได้นะครับ นี่คือส่วนของภาครัฐ ในส่วนของภาคเอกชนก็มีการสนับสนุนในเรื่องการลดหย่อนภาษี 2 เท่าจากเงินลงทุนในเรื่องดิจิทัลนี้ถ้าอยู่ในบัญชีนะครับจากจากกรมสรรพากร แล้วข้อที่จะพิเศษมากก็คือถ้าลูกค้าที่จะลงทุนในเรื่องการใช้ System ของเราไปขอ BOI จะสามารถเอาเงินลงทุนทั้งหมดในเรื่อง Project เหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น Implementation Software ทุกสิ่งทุกอย่างไปนำไปใช้ในเรื่องของสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อันนี้ไม่มีเพดานเลยนะครับสำหรับ BOI HUMANICA ได้รับการขึ้นทะเบียนบัญชีดิจิทัลโดยได้ระดับ 2 ดาวซึ่งประเทศไทยยังมีน้อยมากนะครับ ที่ได้ to star แล้วก็เป็นเรื่องที่ผมจะขยายผล คิดว่าเราจะขยายผลต่อไป ตอนนี้เข้าใจว่า Tiger Soft ก็ได้แล้วแล้วก็จะขยายต่อไปในทุกๆ Service ของเราเพื่อให้ได้รับการรับรองจาก Depa ไปขึ้นทะเบียนบัญชีดิจิทัลกับ Depa นะครับ WorkPlace เนี่ยเรามีการ Launch Version อย่างที่ได้เรียนไปนะครับ เป็น The whole new WorkPlace ซึ่งเป็นการไป Replace Software เก่าคือ HUMatrix นะครับ อันนี้เป็น Platform ใหม่ Technology ใหม่ที่ล่าสุดแล้วก็มีทั้ง Web App แล้วก็ Mobile ครบทั้ง HRM HRD เราพึ่ง Launch เพราะฉะนั้นลูกค้าที่วินใน Quarter นี้จาก WorkPlace เนี่ยก็ยังไม่เยอะนะครับ มีประมาณ 8 ราย Headcount ประมาณ 8,000 คน แต่ Total Contract Value ประมาณ 19 ล้านบาทนะครับ แล้วก็เป็นส่วนของทั้งจริงๆ WorkPlace เนี่ยมันเป็นทั้งส่วนของ SAAS แล้วก็ Outsourcing แต่ว่าในวันนี้ตัดมาเฉพาะ SAAS เนี่ยบวกกับ Software ที่เรา Bundle ไปกับ Outsourcing ประมาณ 19 ล้านบาทนะครับ Total Contract Value ลูกค้าก็ผมจะไม่ลงรายละเอียดนะครับ ส่วนของ SunFish ในในในความคืบหน้าในปีนี้คือมีการเมื่อ Q1 มีการ Rebrand SunFish นะครับ เป็น Logo ใหม่เป็น ภาพพจน์ใหม่นะครับ แล้วก็เป็น Platform ใหม่ของ SunFish แล้วก็ลูกค้าใหม่ของของเขาเนี่ยมีเยอะมากนะครับ 33 new account แล้วก็ประมาณหลายหมื่น ประมาณ 90,000 เลย Total Contract Value 82 ล้านนะครับ สิ่งที่จะสิ่งที่มันเกิดขึ้นคือใน Q1 เนี่ยเขาสามารถปิดบัญชีปิด ปิด ปิด Project ที่เป็นล่าสุดการของที่อินโดได้ Project หนึ่งซึ่งมีพนักงานอยู่หลายหมื่นคนได้ นี่ก็ทำให้ยอด Headcount ของของ New Client เนี่ยกระโดดขึ้นไปหลายหมื่นบริษัท หลายๆ หมื่น Headcount นะครับ

ผมพูดไปก่อนแล้วกันนะครับ ในส่วนของ ERP ก็อย่างที่ได้เรียนนะครับ เรามี M&A รายการหนึ่งเมื่อปีที่แล้วแล้วก็พึ่ง complete เมื่อ Q1 นี้นะครับ แต่ว่าบัญชี ตัวตัว SPA ยังไม่เสร็จ เอิ่ม ก็เป็น Deal ที่ทำให้เราสามารถทำ S4 ทำๆ เพิ่ม Product ก็คือ SAP S4 HANA นะครับ

โอเคในส่วนของ Payroll Outsourcing เมื่อเมื่อ Q1 นี่นะครับ เรามีลูกค้า Payroll Outsourcing ใหม่เนี่ย อยู่ 12 รายนะครับ แล้วก็มีเพิ่มขึ้นมา 8,000 Headcount Total Contract Value อยู่ประมาณ 25 ล้านบาทนะครับ แล้วก็ในส่วนของ Outsourcing จะมีเพิ่มคือเรามีการ Replace Software ที่ POS ใช้ในการทำ Outsourcing สำหรับ Mid Market เป็นตัว WorkPlace ตัว Light Version อันนี้ก็จะทำให้ Service ของ POS เนี่ยสามารถไปอยู่กับลูกค้าได้เพิ่มขึ้น อันนี้ก็ได้จากปีที่แล้วนิดนึง ที่เป็น Outsourcing โลกที่ใหญ่ที่สุดในโลกนะครับ ที่เมืองไทยเขาใช้ POS เป็น Partner ของเขา Tiger Soft เนี่ยในปีใน Q1 ปีนี้เนี่ยปิดปิดไปได้ประมาณผมไม่มีตัวเลขของแอค ของ Account ใหม่ แต่ว่าตัวตัวลูกค้าใหม่ได้อยู่ประมาณ 126 บริษัทนะครับ เป็นจำนวน Headcount อยู่ประมาณ 7,000 new headcount แล้วกรณีนี้เนี่ยทำให้มี Total Contract Value อยู่ประมาณ 15 ล้านบาทใน Q1 สำหรับ Tiger Soft นะครับ แล้วก็ Tiger Soft สิ่งที่เป็น M Stone สำคัญคือเป็นการ Launch Version ใหม่ล่าสุดของ Tiger Soft ที่ชื่อ Tiger Open Space นะครับ แล้วก็เป็น Modern SME Product แล้วเราเชื่อม Tiger Soft กับ ERP แล้วก็เชื่อม Tiger Soft กับ แวร์ในการที่จะไปช่วยลูกค้าให้สามารถแปลงหรือ Transform

ครับเมื่อกี้ผมได้เรียนแจ้งไปนะครับขอซ้ำอีกทีว่า Tiger Soft เนี่ยสิ่งที่เป็น M Stone สำคัญคือการ Launch Product Version ใหม่ชื่อ Tiger Open Space นะครับ แล้วก็มีการเชื่อม Tiger Open Space กับ ERP คือ SAP B1 แล้วก็เชื่อมกับ MS คือตัว Chronic MS นะครับ เป็นเรื่องของ Learning Management แล้วก็ Content ของการเรียนการสอน พร้อมกับการมี Hardware ในการทำให้องค์กรที่เป็นลูกค้าของเราเนี่ย สามารถทำ Transform ตัวเองให้เป็น Smart Office ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจองห้องประชุมเรื่องของการรู้ล่วงหน้าว่าจะมีแขกทะเบียนรถอะไรสามารถเข้าที่จอดรถได้ยังไง อันนี้เป็นเรื่องที่ Tiger Soft ทำเป็น Total Solution สำหรับ Smart Office นะครับ แล้วก็ลูกค้าใหม่ของ Tiger Soft ใน Quarter 1 ก็ประมาณ 120 กว่าบริษัทนะครับ ในส่วนของ ERP ก็มี S4 HANA เพิ่มมาอีก Product หนึ่งนะครับ ทำให้เรามีความสมบูรณ์ในเรื่องของ ERP Solution ทั้ง Enterprise Segment คือ S4 HANA แล้วก็ Oracle Nest Suite แล้วก็ตัว Mid Market สำหรับ Business SAP Business One แล้วก็ Oracle Next Suite สำหรับ Mid Market เช่นกันนะครับ แล้วก็ตัว recurring revenue ของ ERP ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 18 ล้านบาทนะครับ ใน Q1 ที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิมนะครับ

อันนี้ก็เป็น Summary นะครับว่าใน Quarter ที่ 1 เนี่ยมันมีการเติบโตอยู่ อย่างเป็นอย่างที่ได้เรียนไปในรายละเอียดแต่ละ Product แต่ว่าสิ่งซึ่งผมคิดว่าจะเป็น M Stone สำคัญคือใน Q2 ของปี 2568 เป็นต้นไปไปจนถึงปีหน้าเนี่ยผมได้เรียนตั้งแต่ปีที่แล้วนะครับว่าการเติบโตของ HUMANICA Group เนี่ยจะเห็นการก้าวกระโดดอีกครั้งหนึ่งในปี 2569 เหตุผลหลักก็เพราะว่า Product ใหม่ที่เราได้ได้เริ่มตั้งแต่ปี 2565-2566 เนี่ยมันใช้เวลาในการพัฒนานะครับ แล้วก็มีการเปลี่ยน Direction ในปีที่แล้วเพราะฉะนั้นมันทำให้เราชะลอการขายไปนิดนึง แต่ว่าทุกอย่างในเรื่องของการพัฒนามันเป็นไปตามแผนแล้ว แล้วก็สิ่งที่ผมเองอยากจะย้ำก็คือว่า HUMANICA เราจะไม่ compromise เรื่องคุณภาพเพราะงั้นถ้าเรายังไม่พร้อมเราก็จะไม่อะลุ่ย ขายเพราะงั้นสิ่งที่เราจะทำคือเมื่อ Product พร้อมตอนเนี้ยเราจะ aggressive ในเรื่องของ Marketing กับ Sales มากขึ้นนะครับ ในเรื่อง สิ่งที่เราทำในเรื่องต่างๆ เนี่ยโดยเฉพาะเรื่องของ Emerging Business เนี่ย ส่วนใหญ่ก็จะล้อไปกับ ESG นะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Fintech Health Tech แล้วก็ Education อันนี้ก็เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับ Sustainable Development Goals ของ UN โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษาเรื่องของความยากจน ในเรื่องของปัญหา ทางด้านของหนี้สินต่างๆ นะครับ อันนี้เป็นเรื่องที่เราเชื่อว่า ESG ของเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ จาก Product ใหม่ๆ ที่เรา Launch ออกมาแล้วก็จะจากสิ่งที่เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถช่วยสังคมได้อย่างไรบ้าง การเติบโตของเราจนกระทั่งถึง Cager จนกระทั่งถึงเมื่อสิ้นปี 2567 เนี่ยตอนนี้เฉลี่ยอยู่ประมาณ 21% นะ 20.65% อันนี้ก็เป็น Cager ซึ่งคิดว่าเป็นเป็นเรื่องที่เรามีความภูมิใจนะครับ แต่ 2568 ก็อาจจะไม่ได้ก้าวกระโดดมากเราก็เติบโตเรา Project ไว้ประมาณ 10% นะครับ แต่ 2569 เราเชื่อว่าจะเห็นการก้าวกระโดดอีกครั้งหนึ่งนะครับ

ในส่วนของ Financial Performance เนี่ยผมจะให้ CFO ผมนะครับคุณธรรมนูญเป็นผู้นำเสนอนะครับ ครับในส่วนผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 นะครับ ของปี 2568 เทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 นะครับตามที่ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ไว้นะครับ โดยรายได้นั้นเติบโตเล็กน้อยนะครับ ประมาณสัก 1% จากปีที่แล้วนะครับ ทั้งนี้ก็เกิดจากผลการดำเนินงานในส่วนของรายได้ในประเทศไทยเนี่ยก็ลดลงประมาณสัก 1% นะครับ แล้วก็ที่อินโดนีเซียลดลงประมาณสัก 7% นะครับ แต่ว่าที่เติบโตได้ดีก็จะอยู่ใน Other อื่นๆ นะครับ ก็จะเป็นสิงคโปร์กับมาเลเซียก็เติบโตประมาณ 11 ล้านหรือประมาณ 28% นะครับ ซึ่งการเติบโตของทางด้านสิงคโปร์มาเลเซียเนี่ยก็ได้มีการโอนลูกค้ามาจาก Dataon อยู่ประมาณสัก 7.5 ล้านนะครับ ที่ผลประกอบการในส่วนของรายได้เนี่ยเติบโตอาจจะดูน้อยนะครับแต่จริงๆแล้วเนี่ยมันมีผลมาจากการที่ค่าเงินของอินโดนีเซียรูเปียเนี่ยได้ อ่อนค่าลงนะครับประมาณสัก 9% อันนี้ก็มีผลต่อผลประกอบการของโดยรวมของงบการเงินรวมของบริษัทด้วยนะครับ โดยการลดลงของค่าเงินของอินโดเนี่ยประมาณ 9% เนี่ยก็จะส่งผลกระทบต่องบการเงินรวมประมาณสัก 3% ก็จริงๆแล้วรายได้เราควรจะเติบโตประมาณสัก 4% แต่ก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องของค่าเงินของอินโดนะครับ ก็เลยทำให้เติบโตไปแค่ 1% นะครับ ซึ่งผลกระทบของค่าเงินของอินโดเนี่ยมันก็จะส่งผลกระทบทั้งในส่วนของรายได้แล้วก็ค่าใช้จ่ายนะครับ ก็รายได้ลดลงในส่วนของค่าใช้จ่ายก็จะลดลงด้วยนะครับ ในส่วนของกำไรขั้นต้นนะครับก็ใกล้เคียงกับปีที่แล้วนะครับ ในเรื่องของสัดส่วนอยู่ที่ประมาณสัก 50% ของรายได้นะครับ ในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานนะครับ ก็เพิ่มขึ้นนะครับ 12 ล้านหรือประมาณสัก 13% นะครับ โดยที่เปอร์เซ็นต์ของกำไรการดำเนินงานเนี่ยอยู่ที่ประมาณสักเติบโตจาก 24% เป็น 28% นะครับ เหตุผลหลักที่เติบโตได้ค่อนข้างดีก็มาจากการที่เรามีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดีขึ้นนะครับ ประกอบกับมีการปรับรายการประมาณสัก 9 ล้านเนี่ยซึ่งเกิดจากการปรับประมาณการของการตั้งสำรอง การจ่ายหุ้น อ่า การค่าใช้จ่ายโดยใช้หุ้นเป็นเกณฑ์นะที่เกิดจาก esop นะครับเนื่องจากว่าเราประเมินแล้วว่าประมาณการเนี่ยมันสูงเกินไป เราก็เลยมีการปรับในส่วนของ Provision ตรงนี้ก็ทำให้เกิดรายการครั้งเดียวนะ ทำให้มีค่าใช้จ่ายลดลงประมาณ 9 ล้านนะครับ ในส่วนของกำไรก่อนภาษีนะครับ EBT ก็เติบโตอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านนะครับ หรือประมาณสัก 5% นะครับ ก็เกิดจาก Operating Profit ที่เพิ่มขึ้นนะครับ 12 ล้านแต่ว่าเรามีส่วนของ Other income ที่ลดลงนะครับ ซึ่ง Other income ที่ลดลงเนี่ยก็หลักๆ มาจากการลดลงของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจาก Financial asset ที่เราได้ไปลงทุนไว้นะครับ แต่ว่าในส่วนของ Net profit นะครับก็จะ Drop นิดนึงประมาณ 1 ล้านหรือประมาณสัก 2% นะครับ ทั้งๆ ที่ EBT หรือว่ากำไรก่อนภาษีเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาทนะครับเนื่องจากมาจากการว่าตัว ภาษีเงินได้เราเพิ่มขึ้นนะครับ ภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นเนี่ยก็เกิดจากการที่เราสิทธิประโยชน์ทางด้าน BOI ได้หมดลงในตั้งแต่เดือนกรกฎาคมของปี 2567 นะครับ ฉะนั้นทำให้ไตรมาส 1 ปีนี้เนี่ยตัว effective tax rate นะครับก็จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 14% เนี่ยเพิ่มขึ้นมาเป็น 20% ก็เลยทำให้ Net profit นั้นลดลงเล็กน้อยนะครับจากปีก่อน ในส่วนของ Financial Position นะครับ ฐานะทางการเงินนั้นตัวงบดุลของเรานะครับ ตัว Asset เราเพิ่มขึ้นนะครับ ประมาณ 32 ล้านหรือประมาณ 1% นะครับ อันนี้ก็เพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อยนะครับ จาก อ่า สินทรัพย์ ที่เป็นไม่หมุนเวียน สินทรัพย์หมุนเวียนนะครับเพิ่มขึ้น 78 ล้านแล้วก็สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนนั้นลดลง 46 ล้านนะครับ ในส่วนของทุนนะครับ Equity นั้นเติบโตประมาณ 54 ล้านหรือประมาณสัก 1% ก็มาจากตัว Retained earning นะครับ กำไรสะสมที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 นะครับ รวมกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 1 เพิ่มมาประมาณ 81 ล้านนะครับแล้วก็หักกับการซื้อหุ้นคืน อ่าที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1 ประมาณ 12 ล้านบาทแล้วก็มีในส่วนของ OCI นะครับ อ่าลดลง 13 ล้านบาทนะครับ ในส่วนของ Cash flow นั้นก็อ่าลดลงนะครับโดยหลักๆ จะเป็น Operating Cash flow ลดลง แต่ว่าการลดลงของ Operating Cash flow เนี่ยไม่ได้เกิดจากกำไรที่ลดลงนะครับเนื่องจากว่ากำไรก่อนภาษีของเราเติบโตขึ้น เพียงแต่ว่าตัว Working capital มันมีการเปลี่ยนแปลงนะครับ เอ่อตรงนี้ก็เลยมีผลกระทบให้ตัวอ่ากำไรจากการดำเนินงาน เอ่อ Cash flow จากการดำเนินงานลดลงนะครับ ในส่วนอัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ นะครับ เรายังมี DE Ratio ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งนะครับ อยู่ที่ประมาณ 0.14 เท่า นะครับในส่วนของสภาพคล่องก็ยังดีนะครับ อยู่ที่ประมาณ 3 เท่า นะครับ ในส่วนของการดำเนินงานนะครับ การทำกำไรนะครับ earning per share ของเราก็ยังเพิ่มขึ้นนะครับ จากปีที่แล้วปีที่แล้วอยู่ที่ 0.38 บาทต่อหุ้นนะครับ ปีนี้ก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 0.40 บาทต่อหุ้น ในส่วนของ Return on Equity นะครับ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันนะครับจากปีที่แล้วอยู่ที่ 8.99 ปีนี้ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 9.37 ครับ เรายังคงเอ่อ ให้ การจ่ายเงินปันผลอัตราการจ่ายเงินปันผลยังเพิ่มขึ้นทุกปีทุกปีนะครับเนื่องจากว่าเป็นนโยบายของเราที่จะตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นนะครับ แล้วในส่วนของปีนี้นะครับก็จะมีการซื้อหุ้นคืนนะครับตามโครงการที่คณะกรรมการได้อนุมัติไว้นะครับ โดยที่เรากำหนดงบประมาณไว้ที่ไม่เกิน 250 ล้านบาทนะครับหรือว่าจำนวนหุ้นไม่เกิน 31.25 ล้านหุ้นนะครับ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นะ ครับเราก็ซื้อหุ้นคืนไปแล้วประมาณ 14.72 ล้านหุ้นนะครับ แล้วก็ใช้ Budget ไปแล้วทั้งหมดก็ประมาณ 116 ล้านบาท ครับ

มาถึงเรื่องของ Strategy ผมคิดว่าข้อสรุปของเราก็ยังอยู่ที่ 3 Main Strategy เราคือ Organic Growth นะครับ เรื่องของ M&A แล้วก็เรื่องของ Ecosystem ตัว Organic Growth เนี่ยหัวใจมันก็คือทำอย่างไรให้เรามี Value Proposition ที่แตกต่างจากคนอื่น ทำไงให้เราสามารถที่จะตอบสนองความต้องการขององค์กรในการที่จะทำ Digital Transformation ได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกๆ บริษัทตอนนี้ตื่นตัวที่จะต้องทำต้องปรับตัวเพราะว่า Technology มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ไม่สามารถที่จะทำธุรกิจแบบเดิมๆ ได้ อันนี้ก็จะทำให้ Demand ในเรื่องของ ตัว Enterprise Solution เนี่ยมันสูงขึ้นนะครับ จะเห็นได้ว่าเราทำไมเราลงทุนในเรื่องของการทำ R&D การพัฒนาการทำ Product Design สูงมาก ทีมเด็กของเราในในในกลุ่มเนี่ยรวมๆ กันเนี่ยประมาณ 300 คนนะครับ ซึ่งเราไม่ใช่บริษัท Tech ตรงๆ แต่เราเป็น Product Company แต่เรามีการลงทุนในเรื่องนี้สูงมากเพราะว่าเราคิดว่า หัวใจของธุรกิจของเราคือตัว Technology คือตัว Platform ของเรา เพราะฉะนั้นในในเรื่องของ Organic Organic Growth เนี่ยเราผมพูดย้ำอีกครั้งว่าหลังจากที่เรามี Product พร้อมนะครับ ผมมั่นใจว่าเราจะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Organic Business คอร์ Business ของเรา ในส่วนของ M&A เนี่ยก็เป็นเรื่องที่เราไม่ได้ให้น้ำหนักเป็นอันดับ 1 นะครับ อันนี้ต้องเรียนว่าเราไม่ใช่บริษัทที่มองหาแต่การเติบโตจากการควบรวมกิจการเพราะว่าเราเชื่อว่าการควบรวมกิจการเป็นสิ่งที่ดี แต่มันต้องเป็น Deal ที่อันที่ 1 ต้องไม่แพงเกินไป อันที่ 2 ต้องมี Synergy อันที่ 3 Culture หรือ Chemical ต้องเข้ากันได้นะครับ เพราะว่าไม่งั้นมันก็จะเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะฉะนั้นเรื่อง M&A เราจะไม่ ทำถ้าเราไม่มั่นใจนะครับ แล้วก็ตอนนี้ก็มี Deal ที่อยู่ในมือก็ประมาณ 3 Deal แต่ว่า ปิดไป Deal นึงแล้วนะครับ เรื่องของตัว SAP S4 HANA อีก 2 Deal ที่มีอยู่เนี่ยเป็น เป็น Deal ที่อยู่ในประเทศไทย Deal นึงอยู่ที่เวียดนาม Deal นึง นอกนั้นจริงๆ มันก็มีอยู่นะครับ แต่ว่าเป็นมันอาจจะไม่ใช่ Acquisition แบบซื้อหมด มันจะเป็น Joint Venture เป็นการทำ Partnership อะไรกันอันนั้นก็ยังมีอยู่หลายๆ หลายๆ Deal อยู่เหมือนกันนะครับ ในส่วนของ Ecosystem เนี่ยผมได้เรียนไปแล้วว่าเรามองเรื่องเนี้ยเป็น Emerging Business นะครับ เป็นเรื่องของเป็นเป็นธุรกิจที่ เป็นอนาคตของ HUMANICA จะเรียกว่าเป็น New S Curve ก็ได้นะครับ แต่เป็นเป็น New S Curve ที่ไม่ใช่กระโดดไปข้ามไปทำเรื่องใหม่ซะ สิ้นโดยสิ้นเชิง เป็นการต่อยอดจาก Core Business ของเราไปสู่เรื่องใหม่ๆ ในเรื่องของโดยเฉพาะในเรื่องของ well-being อันเนี้ยเป็นเรื่องที่ผมส่วนตัวมีความมั่นใจว่ามันเป็นมันเป็นอนาคตของ HUMANICA จริงๆ เราจะยังไม่เห็นอะไรนะครับจนถึงเอ่อ จนถึง ณ ขณะนี้ผมบอกว่าเรายังไม่เห็นอะไรในสะท้อนมาในตัวเลขผลประกอบการเพราะว่าเรายังไม่ได้ Launch อะไรมากนัก เราใช้เวลาเป็นปีนะครับในการสร้าง Model ในการสร้างสร้างสร้าง Ecosystem ในการเชื่อมต่อระบบ ก็ย้ำอีกครั้งว่าเราจะเห็นความพร้อมนี้ที่จะ Launch เนี่ยครึ่งปีหลังจากนี้ เอ่อครึ่งปีหลังของปีนี้นะครับ จากนี้ไปจะค่อยๆ เห็นการเติบโตของ Ecosystem ของเราอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะต้นปีหน้าเป็นต้นไป ผมที่ว่ามันจะสมบูรณ์ทั้ง หมด 100% นะครับ ก็คิดว่าเป็นPresentation ของ Q1 เนี่ยน่าจะจบอยู่ประมาณนี้นะครับ เพราะว่าอยากจะให้เป็นเวลาของ Q&A มากขึ้นนะครับ ถ้ามีคำถามอะไรเชิญได้เลยนะครับ ตอนนี้ก็มีคนส่งเข้ามาบ้างแล้ว CIR ที่ มีคำถามนะครับว่ามีความกังวลหรือไม่ที่ลดลงจาก 99% เหลือ 96% สาเหตุมาจากอะไร ถือว่าเป็นสถิติปกติหรือไม่ อันนี้ก็อยากเรียนว่ามัน จะบอกว่าเป็นสถานการณ์ผิดปกติก็คงไม่ใช่นะครับเพราะว่ามันเกิดจากการลดจำนวนพนักงานของลูกค้าของเราตามสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งอันนี้มันเป็นเรื่องที่คงไม่ได้กระทบเฉพาะ HUMANICA มันกระทบทั้งโลกนะครับ สิ่งที่พวกเราก็คงทราบกันอยู่ว่ามันมันมีความปั่นป่วนอยู่ เอ่อ ในเรื่องของเศรษฐกิจโลก เพราะงั้นกระทบต่อประเทศไทยแน่นอนนะครับแล้วก็กระทบต่อ HUMANICA ในทางอ้อมก็มีอยู่ เพราะ เพราะฉะนั้นเนี่ยลูกค้าเราบางรายก็พยายามที่จะเอ่อเอ่อที่จะ Save Cost ด้วยการลดจำนวนพนักงานของเขาลงนะครับ มีคำถามถัดไปเรื่องของ M&A นะครับ เสียขอให้อัพเดทM&A ก็ที่ได้เรียนไปนะครับดีลERP ก็อยู่ในช่วงFinal SPA นะครับ แชร์ Perches Agreement ในส่วนของเอ่อดีลใหญ่ที่เวียดนามเนี่ยมันตอนนี้เรากำลังทำFinancial dillegence อยู่ เราพึ่งเริ่มเอ่อLegal dillegence ไปนะครับ ไม่นานนี้เพราะว่าเราพึ่งเลือกLaw firm ที่จะมา Represent เราในทั้งในสิงคโปร์แล้วก็เอ่อเวียดนามเพราะว่าบริษัทนี้เขามี มีโครงสร้างที่มี มีหลายประเทศอยู่เหมือนกัน แต่ว่าผมเองก็จะไปเวียดนามอาทิตย์หน้านะครับ เพื่อไปคุยกับทางผู้ขาย ในส่วนของประเด็นหลักๆ ในในในเรื่องของโครงสร้างในเรื่องของตัวทีมบริหารรวมทั้งสรุปIssue ที่มีคำถามขึ้นมาจากทำการ diligance แล้วก็หวังว่าเราจะมีข้อสรุปกับผู้ขายได้ภายในสิ้นเดือนนี้ อันนี้คือ Target ที่ตกลงกันไว้คือสิ้นเดือนมิถุนายนนะครับ ถ้าเกิดขึ้นได้ครึ่งปีหลังนี้ก็น่าจะได้เห็น เอ่อ เอ่อตัวดีลนี้เกิดมี มีเห็นตัวเลขที่เอ่อที่เข้ามาอยู่ใน Consolidate Account ของเราสำหรับ ดีลที่เกิดขึ้นที่ประเทศเวียดนามนะครับ ดีลอีกดีล หนึ่งที่พูดถึงในประเทศไทยนี้ไม่ใหญ่มากนะครับแต่ก็ Ongoing แล้วก็ถ้าเกิดขึ้นมันไม่ใหญ่แต่มันก็เป็น Strategic Deal นึงนะครับ วันนี้ก็คิดว่าจะเป็น2 Deal ที่เราหวังว่าจะเกิดขึ้นภายใน อีกภายในปี2025 นี้นะครับ เอิ่มในมีคำถามเรื่องราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษ พฤษภาคม เอิ่มมันเกิดจากการซื้อหุ้นคืนซึ่งก็เป็นไปตามแผนนะครับ แต่เรื่องการแชร์ Perches แชรีรีเบอเจ็ต เอ่อ สตรีมของเราเนี่ยผมอยากเรียนอย่างงี้นะครับว่า ที่เราให้กับทาง FA ของเราคืออันที่ 1 เรามี Budget ชัดเจนนะครับ 250 ล้านบาท อันที่ 2 เราต้องการซื้อหุ้นคืนเพื่อที่จะให้เอ่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นเราให้มีเรื่องของเอ่อเรื่องของสัดส่วนการถือหุ้นที่สูงขึ้น เราไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปซื้อหุ้นคืนเพื่อปั่นราคาหุ้นของเรานะครับ เพราะฉะนั้นเราจะ Cap เอ่อ ตัวราคาหุ้นไว้เอ่อทุกๆ คุยกับทาง FA ของเราทุกๆ ทุกๆ อาทิตย์นะครับ แล้วก็เราก็เชื่อว่าวันนั้นราคาหุ้นกระโดดขึ้นเพราะมีการขายลดลงอันนี้ผมก็เองส่วนตัวไม่แน่ใจนะครับ เอ่อนั้นต้องเรียนตรงๆ ว่าผมเป็นคนไม่ได้เล่นหุ้น เอ่อโดยเฉพาะหุ้นของบริษัทตัวเองผมไม่เคยแตะเลยซึ่งอันนี้ก็ เอ่อถ้าจะถ้าจะเอ่อถ้าจะ ให้ตอบคำถามนี้ผมต้องขออนุญาตขอ ขอข้อมูลหาข้อมูลนิดนึงนะครับ WorkPlace ในประเทศไทย เอิ่มเป็นตอนนี้มีสัดส่วนของรายได้เป็นอย่างไร ก็ผมได้พูดไปเมื่อเอ่อ อัพเดท 2-3 ครั้งก็คือคือเรานโยบายของเราคือเราหยุดขาย HUMatrix นะครับ เพราะว่าเราเชื่อว่า WorkPlace จะเป็น เป็น เป็นอนาคตเป็นเทคโนโลยีใหม่ส่วนลูกค้าที่อยู่บน HUMatrix เรา Support ต่อไปเรื่อยๆ นะครับ จนกว่าเราจะอัปเกรดขึ้นมาเป็น WorkPlace ได้หมดซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 3-5 ปีนะครับ อันนี้ก็อยู่ในแผนเอ่อรวมไปถึงการสร้าง process ของการอัปเกรดที่พยายามให้มัน automate ที่สุด ไม่ใช่ใช้ ไม่จำเป็นต้องไปให้ลูกค้ารี่ลงทุนในการทำ Implement Implementation แบบสูงๆ นะครับ ใน Q1 รายได้ของ WorkPlace เอ่อจาก WorkPlace นะครับมีอยู่ประมาณ 70 ล้านบาท เอ่อคิดเป็นประมาณ 20% ของรายได้รวมแต่ก็เป็นรายได้รวมของเฉพาะประเทศไทยนะครับ ไม่รวมอินโดนีเซีย ซึ่ง เอ่อการเติบโตของตัว SunFish เนี่ยค่อนข้างจะเติบโตดีกว่า WorkPlace ในประเทศไทย เหตุผลเพราะเอ่อ SunFish เขามีความพร้อมในอินโดนีเซียมาตั้งแต่ต้น ขณะที่ WorkPlace เนี่ยเราพึ่งจะ Launch Version สำหรับประเทศไทย อินโดนี อ่าไทยแล้วก็สิงคโปร์มาเลเซียเมื่อต้นปีนี้เอง แล้วก็ Version ของประเทศเวียดนามจะเสร็จใน Q3 นี้ นะครับหลังจากนั้นเราคงจะเห็นการเติบโตของ WorkPlace ใน ทั้งในไทยก็Regionalครับ มีคำถามเรื่องของเอ่อ Manpower นะครับว่ามีการเพิ่มเอ่อขึ้นหรือไม่ Budget ของ Manpower ในปี 2568 ทั้งปีนะครับ Budget ไว้เอ่อที่เพิ่มขึ้น 12% นะครับ เอิ่ม ในในคำถามที่ถามมาคือเรื่องของ Total Contract Value ที่ Present ไว้เป็นมูลค่าต่อปีหรือ Average Contract กี่ปี อันนี้อยากเรียนว่าเราเอ่อใช้เอ่อ TCV เราใช้ Average จาก Contract 5 3 ปีนะครับ เพราะว่าอันที่ 1 Retention Rate เราค่อนข้างสูงเอ่อ Contract บาง Contract นะเซ็น 3 ปีบาง Contract เซ็น 5 ปีบาง Contract เซ็น 1 ปี แต่เราจะใช้ Average ของ TCV ที่เอามา Present เนี่ยอยู่ที่ 3 ปีนะครับ Potential ของ S Lab ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ต้องเรียนว่าดีมากนะครับ S Lab เนี่ยเป็นHIS เอ่อที่ต้อง ต้อง ต้องเรียนว่าสำหรับผมเนี่ย เป็นความหวังของประเทศไทยนะครับ ที่เราจะเห็น HIS เอ่อเอ่อHIS ที่เอ่อที่มาจากเอิ่ม บริษัทไทย ก้าวไปสู่ตลาดRegion เราเริ่มจากประเทศไทยก่อนเพราะว่าเราต้องการสร้างฐาน แล้วก็ตอนนี้นี้เขาก็มีเอ่อลูกค้าใหม่เป็นโรงพยาบาลทั้งของภาครัฐและก็เอกชนนะครับ อยู่ในมือใหม่ๆ อยู่หลายโรงพยาบาลด้วยตอนมูลค่า เอ่อที่เซ็นไปแล้วเนี่ยก็หลายร้อยล้านอยู่นะครับ แล้วอนาคตเนี่ย S Lab จะไปจะเป็น Ecosystem อยู่ใน Ecosystem ของ Healthcare ที่สำคัญ เอ่อมีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะเรียนเลยนะครับว่า ใน Ecosystem ของเราเนี่ย เรามี S Lab ในเรื่องของ HIS เรามีฟาร์มแคร์ในเรื่องของอีฟาร์มาซีเทเลเมดิซิน อ่าเรามีBenix ในเรื่องของ Flexi Benefit ในเรื่องของพวกเอ่อประกัน ประกันกลุ่มประกันชีวิตประกันทุกสิ่งทุกอย่าง เรามีการสร้างระบบ อ่า PHR นะครับหรือ Personal Health Record อยู่ใน WorkPlace เชื่อมต่อกับแล็บของโรงพยาบาลในการเอาผลเลือดเข้ามาอยู่ในระบบHR เพื่อให้องค์กรสามารถได้ analytics ระดับในเรื่องของสุขภาพของแผนกต่างๆ เป็นภาพรวมขององค์กร ขณะที่พนักงานก็จะได้ อ่าตัว Health Record ของเขาในมือถือของเขานะครับ อันนี้เป็นสิ่งซึ่งเราจะ Launch อ่าภายในสิ้นปีนี้เป็นลักษณะของ Physical Checkup Business เลยครับ ตอนนี้เอ่อมีคำถามที่อยากจะตอบเป็นข้อสุดท้ายคือเอ่อเรื่องของConsulting นะครับ เอ่อที่มีการตั้งขึ้นมาว่าปีที่แล้วต้องเรียนว่าตอนนี้

โพสต์ล่าสุด