บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป OPPDAY หุ้น LHK: วิเคราะห์ผลกระทบ, โอกาส, ความเสี่ยง และแนวโน้มธุรกิจปี 2568
P/E 12.43 YIELD 7.44 ราคา 3.36 (0.00%)
สรุป OPPDAY หุ้น LHK: วิเคราะห์ผลกระทบ, โอกาส, ความเสี่ยง และแนวโน้มธุรกิจปี 2568
สวัสดีครับ พบกับการสรุปกิจกรรม Opportunity Day (Oppday) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 โดยบริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ LHK ซึ่งเป็นการรายงานผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา (Year-end) สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2568 โดยมีผู้บริหารเข้าร่วมให้ข้อมูล ได้แก่ คุณมิทวัต อัคระพงษ์พิศักดิ์, คุณวิชชพงศ์ อัคระพงษ์พิศักดิ์ และคุณพรทิพา วงศ์พัวงา
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ภาพรวมธุรกิจของ LHK นั้น Product หลักของบริษัท คือ สแตนเลสสตีล (Stainless Steel) ประมาณ 80% ของกลุ่ม และมีบริษัทในเครือที่ขายในกลุ่มทองเหลือง ทองแดง โดยเฉพาะทองแดง และอะลูมิเนียม โดย Product จะเป็นรูปแบบ Flat Product (แผ่น) และท่อ
- ยอดขายรวมของทั้งปี (เมษายน 2567 ถึง มีนาคม 2568) อยู่ที่ 2,690.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากปี 2566 (2,632 ล้านบาท)
- Volume การขายของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 8.5% โดยเฉพาะในกลุ่มสแตนเลสและเหล็กเคลือบสังกะสี
- Gross Margin ของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 12.24% ปรับตัวดีขึ้น 1.21% จากปี 2566 เนื่องจากการควบคุมต้นทุนและการจัดซื้อวัตถุดิบที่เหมาะสม
- Net Profit กำไรสุทธิประจำปี 2567 อยู่ที่ 105.8 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปี 2566 (79 ล้านบาท) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มธุรกิจ S.K.A และโลหะกิจเอง ที่มีการทำกำไรที่ดีขึ้น
Sector หลักที่สร้างยอดขาย:
- ยานยนต์ 43% (ปีที่แล้ว 48%) สัดส่วนลดลงเนื่องจากสถานการณ์ตลาดรถยนต์ที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะการผลิตในประเทศ
- รถยนต์ 58% (ลดลงจาก 60% ในปีก่อน)
- รถจักรยานยนต์ 42% (เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปีก่อน)
- ก่อสร้าง 23%
- เครื่องใช้ไฟฟ้า 22% (ใกล้เคียงเดิม)
- Stockist (ธุรกิจซื้อมาขายไป) เพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 8% ในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่เน้นเรื่อง Volume
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
แม้ว่ายอดการผลิตรถยนต์โดยรวมจะยังต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่ในช่วงไตรมาสแรกของปีปัจจุบัน ตัวเลขเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และมีสัญญาณการฟื้นตัวของรถกระบะจากนโยบายของรัฐบาล (บสย.) ที่มีโครงการค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะ
- ตลาดรถจักรยานยนต์มีการฟื้นตัวที่ชัดเจน ยอดผลิตแซงปีที่แล้ว และยอด 4 เดือนเป็นบวกแล้ว
- การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงเป็นบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม Transformer และหม้อหุงข้าว ซึ่งไทยผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก (เกิน 70%)
- การที่จีนเข้ามาจำหน่ายสินค้าจำนวนมากในตลาด ทำให้ LHK สามารถจัดซื้อวัตถุดิบได้ในราคาที่ถูกลง และสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
- ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องการปล่อยสินเชื่อที่ยังเข้มงวด อัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50% ในปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือน
- กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงเนื่องจากภาระหนี้สิน
- แนวโน้มการปรับลดลงของยอดผลิตเพื่อส่งออกของรถยนต์
- ภาคก่อสร้างเอกชนยังคงติดลบต่อเนื่องจากปัญหาอสังหาริมทรัพย์และภาพรวมตลาดที่ไม่ดี
- ความผันผวนของนโยบายการค้าจากต่างประเทศ (เช่น นโยบายของทรัมป์) ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
- ควบคุมต้นทุนการผลิตและจัดซื้อวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- ให้ความสำคัญกับการพูดคุยและช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
- เน้นการเพิ่ม Volume การขายเพื่อชดเชยผลกระทบจากราคาขายที่ลดลง
- ขยายตลาดไปยังกลุ่ม Stockist เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย
- ปรับตัวให้เข้ากับตลาด โดยเน้นความยืดหยุ่น (Flexibility) และความคล่องตัว (Agility) ในการดำเนินงาน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
- SWOT: LHK เลือกใช้ S (strength) และ O (opportunity) พยายาม maintain จุดแข็งและกำไรของบริษัท
- การประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปี 2568 ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีสัญญาณปรับลดลงเนื่องจากยอดส่งออกลดลง
- บริษัทมุ่งเน้นการ Maintain Position ในตลาด และมองหา New S-Curve ในกลุ่ม Medical และ Tech โดยใช้ Product เดิม
- บริษัทไม่ได้มีแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่ แต่จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน Variable Cost เป็นหลัก
- บริษัทมีแผนที่จะอัพเกรดเครื่องจักรหลัก และจะต่อตัว CAC เป็น 3 ดาวในคราวหน้า
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 42:19]
เป้าหมายปีนี้เป็นอย่างไร
ผู้บริหาร: จะพยายาม Maintain ให้ดีที่สุด ให้ได้เหมือนปีที่แล้ว
อเมริกาขึ้นภาษี เราได้หรือเสียอย่างไร และจีนเข้ามามีผลกระทบอย่างไรกับเรา
ผู้บริหาร: อเมริกาขึ้นภาษี -> เสียก็เสียเหมือนกันหมด ไม่ได้เสียคนเดียว จีนเข้ามา -> ของถูกลงในการจัดซื้อ
อะไรคือ New S Curve ของบริษัทบ้าง
ผู้บริหาร:
- ธุรกิจหลัก (เหล็ก) -> เป็น Service Provider ใน Supply Chain
- Strategy: Maintain Position ที่เป็นเจ้าตลาดให้ได้นานที่สุด
- มองหา New Market (Medical, Tech)
บริษัทคิดว่าเราลดต้นทุนของโรงงานจนไม่สามารถลดลงอีกได้ไหม
ผู้บริหาร:
- Fixed Cost -> กดถึงระดับหนึ่งแล้ว
- Variable Cost -> ลดต้นทุนด้วยการผลิตมากขึ้น (volume)
- Raw Material -> หา Supplier ใหม่ ๆ จากจีน
คู่แข่งของเราจะเป็นบริษัทในไทย หรือจีน หรือประเทศอื่น ๆ
ผู้บริหาร: คู่แข่งคือตัวเอง เราต้องชนะตัวเองให้ได้ก่อน
แผนลงทุน Capex ซ่อมปัญหาคอขวด เพิ่มพลังผลิตเท่าไหร่ปีนี้
ผู้บริหาร:
- ไม่ได้ลง Capex ในบริษัทแม่, แต่ลงในบริษัทลูก (Auto Metal) เพื่ออัพเกรด Machine หลัก
- บริษัทแม่ -> Save งบส่วนหนึ่ง, และลง Cash เพื่อเพิ่ม Working Capital (Inventory) เพราะมองว่าจะดันยอดขายให้มีมากขึ้น
แผนการลงทุน ROE หรือไม่
ผู้บริหาร: ไม่ได้มี
เงินปันผลจะยังจ่ายในระดับสูงเหมือนเดิมหรือไม่
ผู้บริหาร: พยายามครับ จะ reflect กับเรื่องยอดขาย
โดยสรุป LHK ยังคงมุ่งเน้นการรักษาความสามารถในการทำกำไร ท่ามกลางความท้าทายจากปัจจัยภายนอกต่างๆ โดยให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ในขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดที่มีศักยภาพ และพร้อมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว