https://aio.panphol.com/assets/images/community/6691_8c9adb.png

เจาะลึกผลประกอบการ PLT ปี 2568: โอกาสและความท้าทายในตลาดขนส่งก๊าซ

P/E 9.05 YIELD 5.17 ราคา 0.58 (0.00%)

เจาะลึกผลประกอบการ PLT ปี 2568: โอกาสและความท้าทายในตลาดขนส่งก๊าซ

สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่งาน Oppday ของ บมจ. พีรพัฒน์ มารีน สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2568 วันนี้เราจะมาเจาะลึกผลการดำเนินงานของบริษัทฯ พร้อมทั้งวิเคราะห์โอกาสและความท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ

ภาพรวมของบริษัทก่อนสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่รู้จักบริษัท พีรพัฒน์ มารีน เราเป็นบริษัทขนส่งที่เน้นการขนส่งสินค้าปิโตรเคมีในกลุ่มโอเลฟิน ทุกอย่างที่เป็นฟอร์มของก๊าซ ไม่ว่าจะเป็นทางเรือหรือทางรถ โดยมีวิชั่นหลักคือการเป็นผู้นำด้านการขนส่งสินค้าประเภทนี้ โดยเน้นการเติบโตและมี Market Share ในไทยที่ค่อนข้างเยอะแล้ว เราต้องการที่จะเติบโตไปยังตลาดเอเชียแปซิฟิกในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้ลูกค้าพูดถึง พีรพัฒน์ ก็ยังนึกถึงการขนส่งในกลุ่มโอเลฟิน

เราเน้นหลักๆ 3 ส่วน คือเน้นการบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าด้วยราคาที่แข่งขันได้ ทำให้มี Relationship ระยะยาวกับลูกค้าที่เรามี อย่างที่ 2 คือเราต้องการสร้างแบรนด์ของเราเพื่อให้แข่งขันได้ในเอเชีย ปัจจุบัน เรือไทยเรายังเป็นแบรนด์ที่ไม่แข็งแรง เพราะฉะนั้น พีรพัฒน์ เราต้องการเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สร้างว่าเรามีเรือก๊าซที่ปิดธงไทยที่แข็งแรงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ๆ กลุ่มพลังงานยักษ์ใหญ่ก็ต้องนึกถึง พีรพัฒน์

สุดท้าย คือเราต้องการพัฒนาบุคลากรของเรา เราต้องการการเติบโตที่ยั่งยืนกับบริษัทเรา โครงสร้างธุรกิจเรายังเป็นธุรกิจที่มีบริษัทย่อย 2 บริษัทคือ พีรพัฒน์ มารีน จะเป็นแม่ เราถือหุ้น 99.99% ในบริษัท Worldwide Transport Worldwide Transport เป็นบริษัทที่ถือคู่สัญญา กับบริษัทก๊าซยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศไทย เป็นสัญญาที่ไม่มีอายุ เป็นสัญญา Evergreen Contract ทำให้เรามี Recurring Income เรื่อยๆ ทุกปีของธุรกิจ COA ในประเทศ อันที่สองคือ พีรพัฒน์ แก๊ส อินดัสทรี เพิ่งเปิดขึ้นมา ปัจจุบันยังไม่มี Activity ที่ชัดเจน แต่เราคาดว่าภายในปีนี้ Q3 Q4 น่าจะเริ่มเห็นธุรกิจใน PGI มากขึ้น ยังไงเดี๋ยวทางผมจะมาอัปเดตเรื่องธุรกิจใน PGI เรื่อยๆ นะครับ

2. โอกาสทางธุรกิจ

  • Time Charter (ธุรกิจขนส่งก๊าซในต่างประเทศ) มีแนวโน้มเติบโตสูง และบริษัทมีแผนขยายกองเรือขนาดใหญ่เพื่อรองรับโอกาสนี้
  • ธุรกิจเป้าแก๊สสเตชั่น (บริการขนส่งและจัดหา LPG ให้โรงงานอุตสาหกรรม) เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่บริษัทมี Connection และสามารถสร้างรายได้เพิ่มได้

โอกาสทางธุรกิจเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานรายได้และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในอนาคต

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ

  • ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้ LPG ในประเทศ
  • การแข่งขันที่สูงในตลาดขนส่งก๊าซ อาจกดดันราคาและกำไร
  • ความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงาน
  • ความเสี่ยงในการจัดหาเรือใหม่ หากราคาเรือสูงขึ้นหรือมีจำนวนจำกัดในตลาด

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ

  • มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะ Time Charter เพื่อลดผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศ
  • ควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อรักษาระดับกำไร
  • เจรจาต่อรองราคากับคู่ค้า เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง
  • วางแผนการจัดหาเรืออย่างรอบคอบ โดยพิจารณาราคาและความคุ้มค่าในการลงทุน

บริษัทฯ มีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก

5. แนวโน้มและอนาคต

แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัว แต่ความต้องการใช้ LPG ในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมยังคงมีอยู่ นอกจากนี้ การเติบโตของธุรกิจปิโตรเคมีในเอเชียยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว

บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในตลาดขนส่งก๊าซในภูมิภาคเอเชีย และมีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

6. ช่วงถาม-ตอบ [เริ่ม Q&A นาทีที่ 42.48]

  1. คำถาม: ใน 1-3 ปีนี้บริษัทมีความกังวลใด ๆ และมีแผนรับมืออย่างไร

    คำตอบ: หนึ่งใน 3 ปีนี้ เรื่องสภาวะเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่กดดันการเติบโตของเราในประเทศ ยอดขน Volumn การขนของเรา Drop ลงเล็กน้อยประมาณ 5% นักท่องเที่ยวน้อยลง Activity ในประเทศน้อยลง การส่งออกได้น้อยลง ทำให้การใช้แก๊ส LPG ก็ลดลง อย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ยังดีที่ว่าสินค้าเราเป็นสินค้าจำเป็น จะไม่เหมือนสินค้าฟุ่มเฟือย ที่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีคนจะไม่ใช้ ยังไงแก๊ส LPG ก็ต้องเป็นสินค้าที่ต้องใช้ เรายังคงมีแผนที่จะเติบโต 15-20% จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ เรามีเรือ 3,500-5,000 cm มีน้อยและขาดตลาดอยู่ในเอเชีย ถ้าเราสามารถซื้อเรือได้ในราคาที่คุ้มค่า ธุรกิจ Time Charter ของเรายังเติบโตค่อนข้างมั่นคง แม้ว่าธุรกิจ COA ของเราจะปรับตัวลดลงก็ตาม ใน 1-3 ปีข้างหน้า เราก็ Concern ถึงเรื่องค่าเฟสของเรา เพราะว่าปัจจุบันค่าเฟสในประเทศมันต่ำกว่า ราคาตลาดค่อนข้างมาก ซึ่งเราก็มุ่งเน้นที่จะดูตรงนี้และเจรจากับคู่ค้าที่เป็น Partner ของเรา ซึ่งปัจจุบันเจรจาสำเร็จ ใน Q2 นี้จะได้ปรับค่าเฟส COA ในประเทศ อันนี้ก็จะเป็นจุดที่มีนัยยะสำคัญกับบริษัทเราค่อนข้างมาก และจะทำให้เราแข็งแรงไปอีกใน 5 ปี

  2. คำถาม: บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ

    คำตอบ: ผมให้ความสำคัญ 3 เรื่อง เรื่องแรกคือการเติบโตที่ยั่งยืน เราต้องการเป็นธุรกิจที่ค่อยๆ เติบโต มีรายได้ที่เติบโตชัดเจน แล้วก็กำไรเติบโตชัดเจน ไม่ต้องการเป็นธุรกิจที่หวือหวาหรือสวิง กำไรขึ้นลง เพราะฉะนั้นเราเลยเลือกทำธุรกิจที่ค่อนข้าง Stable อย่าง Time Charter ที่เราขยาย มันเป็นรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคง ลูกค้าจ่ายเราเป็นรายเดือน เราจะไม่มีความเสี่ยงเรื่องของราคาน้ำมัน ธุรกิจต่างประเทศนะครับ แล้วก็ไม่มีความเสี่ยงของเรื่องออเดอร์ Volumn ของลูกค้าลด เพราะฉะนั้นผมยังให้ความสำคัญด้านนี้ เราต้องการเป็นบริษัทที่พัฒนาบุคลากรของเรา เราต้องการเป็นบริษัทที่ปัจจุบันพอพูดถึงแก๊ส Carrier เมืองไทยไม่มีผู้เล่นที่แข็งแรงเลย ยังไม่มีบริษัทเรือที่แข็งแรง เราต้องการเป็นบริษัทที่เป็น เราจะใช้ธงไทยในอนาคต อยากให้เราเป็นบริษัทที่สร้างชื่อได้ ให้กับประเทศไทยนะครับ มีเรือธงไทยที่ไปวิ่งให้กับลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศในเอเชีย ให้มีชื่อเสียง สุดท้ายเลย เราก็คงเน้นเรื่อง ESG นะครับ เราต้องการเรื่องสิ่งแวดล้อมนะครับเป็นหลัก เราต้องการลดคาร์บอนที่ปล่อยในองค์กรเรานะครับ ซึ่งเราก็จะมีแผนเรื่อยๆ นะครับ แม้เราจะเป็นบริษัทเล็กนะครับ แต่เราก็ยังคำนึงด้านนี้นะครับ ด้าน ESG นะครับ

  3. คำถาม: ในไตรมาสที่ 2 มีเรือเข้าอู่ไดรด็อกกี่ลำ และใช้เวลาซ่อมบำรุงในการไดรด็อกนานกี่วัน

    คำตอบ: ใน Q2 นะครับ เรามีเรือเข้าไดรด็อกทั้งหมด 3 ลำ คือ พีรพัฒน์ 66 1 ลำ พีรพัฒน์ 46 1 ลำ แล้วก็ พีรพัฒน์ 59 1 ลำ เราจะยังมีเรือ 3 ลำที่จะเข้าไดรด็อกใน Q3 Q4 นะครับ ไม่ว่าจะเป็น พีรพัฒน์ 40 พีรพัฒน์ 45 พีรพัฒน์ 36 ซึ่งต้องบอกก่อนว่าในการไดรด็อกของเรามันเป็นรูทีนอยู่แล้ว ธุรกิจ COA ในประเทศ การที่เราหมุนเวียนเอาเรือเข้าไดรด็อก ไม่กระทบกับรายได้เรา เพราะเรายังมีกองเรือที่ ดูแลลูกค้ารายใหญ่ของเราอยู่ และ Utilization ของเรามันก็ยัง อยู่ในจุดที่มันเหมาะสม แต่ถ้าจะมี Impact จริงๆ ทางรายได้ก็คือ Time Charter ในต่างประเทศ เวลาที่เราเข้าไดรด็อก รายได้ Time Charter ในต่างประเทศ ที่เป็นรายเดือนของเราจะหายไปนะครับ ซึ่งเราก็จะมี พีรพัฒน์ 66 ที่เพิ่ง เข้าไดรด็อกในใน Q2 เนี่ยครับ ในเดือน 5 เนี่ยครับ ซึ่งกำหนดการในการอยู่ในอยู่ในอู่เนี่ยจะอยู่ประมาณสัก 30 วันนะครับของ พีรพัฒน์ 66 ส่วนเรือลำอื่นก็จะเฉลี่ยนะครับอยู่ในอู่ประมาณสัก 30-40 วันขึ้น ขึ้นอยู่กับ กับ ไอ้แผนในการซ่อมนะครับ

  4. คำถาม: กองเรือ พีรพัฒน์ อายุเฉลี่ยสูงเกือบถึง 30 ปี โครงสร้างต้นทุน Maintenance ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 10% รวมแล้วผู้บริหารมีแผนปรับเปลี่ยนลดอายุอย่างไร

    คำตอบ: เรายังคงมองที่จะลดอายุเรืออยู่นะครับ เป็นแผนเราตั้งแต่แรก แต่ว่าแผนนี้อาจจะทำได้ยากในสถานการณ์ปัจจุบันในการที่เรือเนี่ยขาดตลาดมากๆ นะครับ สิ่งที่เราทำอยู่นะครับ เราก็ยังคง แน่นอนว่าจำนวนเรือมันต้องพอเหมาะกับลูกค้าเรานะครับ ถ้าเรือเราขาดเนี่ยลูกค้าเรา จะมีปัญหาแน่นอนนะครับ เพราะว่าเราเป็นกองเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพราะฉะนั้นเรา ยังคงแผน Replace เรือ ในใน COA ในประเทศเนี่ยให้ใหม่ขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ในปีนี้เราก็มองว่าเราอยาก Replace เรือประมาณ 2 ลำนะครับ แล้วก็ซื้อเข้ามาเพิ่ม 1 ลำเพราะเราขาย 2-2 ไป 1 ลำ แต่ใน แต่ในทางกลับกันเนี่ยมันก็ต้องเป็นเรือที่ราคาคุ้มค่าด้วยนะครับ ที่ทำให้เรา ประกอบกิจการแล้ว พอมีกำไรให้กับ นักลงทุนนะครับ ซึ่ง ซึ่งแผนของเราเนี่ยตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 29 ปี แต่ว่าคู่ ใน Industry ผู้เล่นที่ ที่ทำกับเราเนี่ยอายุก็ขึ้นไป 31 32 34 ละ เพราะเขาก็หาเรือไม่ได้เหมือนเรานะครับ ทีเนี้ยถามว่า ในอีก 5 ปีนะครับ เราอยากให้อายุเฉลี่ยกองเรือของเราลดลงนะครับ ให้ ให้เหลือประมาณสัก 26-27 นะครับ ถ้า บริษัทจะทำ เอ่อ เค้าเรียกว่าเป็นแผนหลักของบริษัทเลยนะครับ ที่จะหากองเรือใหม่ขึ้น ซึ่งทุกวันนี้เราก็ยังทำงานหนักอยู่นะครับ เราก็ยังบิน บินไปดูจากที่เมื่อก่อนเราซื้อเรือแต่ ญี่ปุ่นประเทศเดียวเนี่ย เราเริ่มไปดูเรือจากจีน จากเกาหลีนะครับ มากขึ้น เพราะว่าเรือพวกประเทศในเอเชียเนี่ยจะมีเรือไซเล็กที่ค่อนข้างเยอะ นะครับ ก็อันนี้ก็เป็นแผนของเรา

  5. คำถาม: พีรพัฒน์ มารีน มีโอกาสได้รับงานขนส่งทางเรือให้กับกลุ่ม ปตท. หรือไม่

    คำตอบ: ปัจจุบันต้องบอกก่อนว่าเราเป็นผู้ขนส่งรายหลักให้กับกลุ่ม ปตท. อยู่แล้วนะครับ ซึ่งตรงนี้ Market Share ตรงนี้มันก็ค่อนข้างแน่นละ การเสริมเรือไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่มีประโยชน์นะครับ เราต้องรักษา Utilization ให้เหมาะ แต่เราเลือกไปขนส่งในต่างประเทศแทนนะครับ ซึ่งยังมีลูกค้าเยอะที่ต้องการเรือนะครับ

โดยสรุป พีรพัฒน์ มารีน ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นการขยายธุรกิจในต่างประเทศ การพัฒนาบุคลากร และการรักษาสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ พร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายและคว้าโอกาสใหม่ๆ ในตลาดขนส่งก๊าซ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

โพสต์ล่าสุด