https://aio.panphol.com/assets/images/community/6555_9ca8bd.png

NVD อัพเดตธุรกิจอสังหาฯ ปี 2568 โอกาสและความท้าทายในตลาดผันผวน

P/E 17.43 YIELD 0.00 ราคา 0.80 (0.00%)

NVD อัพเดตธุรกิจอสังหาฯ ปี 2568 โอกาสและความท้าทายในตลาดผันผวน

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ประกอบกับสถานการณ์แผ่นดินไหวทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว โดยเฉพาะลูกค้าคอนโดมิเนียม ผู้ประกอบการต้องออกแคมเปญกระตุ้นยอดขายและระบายสต็อก ลูกค้ายังชะลอการตัดสินใจเนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น มาตรการภาครัฐในการปรับลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง รวมถึงมาตรการการผ่อนคลาย LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย

ยอดขายในไตรมาส 1 ปี 2568 ปิดที่ 268 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เนื่องจากไตรมาส 4 มีการเปิดรอบ Early Bird ของโครงการ @Work กรุงเทพกรีฑา ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

รายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2568 ปิดที่ 322 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ปรับตัวลดลง 47% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รายได้ยังคงมาจากรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ 295 ล้านบาท รายได้จากการก่อสร้าง 4 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 23 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากธุรกิจ Recurring เช่น อาคารจอดรถให้เช่าบริเวณเฉลิมภ่วง และ Community Mall

กำไรขั้นต้นในไตรมาส 1 อยู่ที่ 97 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาและไตรมาสที่ผ่านมาเช่นกัน แต่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4 ของปีที่แล้วที่ 24% แม้รายได้จะลดลง แต่อัตราการทำกำไรยังรักษาระดับไว้ได้ดี

ค่าใช้จ่ายขายบริหารในไตรมาส 1 อยู่ที่ 74 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาและไตรมาสที่ผ่านมา โดยฝ่ายบริหารมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในด้านการขายและการโฆษณา โดยปรับรูปแบบมาอยู่ในรูปแบบของสื่อออนไลน์มากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายบริหารที่บริหารจัดการให้สอดคล้องกับรายได้

กำไรสุทธิในไตรมาส 1 อยู่ที่ 17 ล้านบาท ปรับตัวลดลง คิดเป็น 3%

สินทรัพย์รวมในไตรมาส 1 อยู่ที่ 14,990 ล้านบาท ประกอบด้วย

  • ต้นทุนพัฒนาโครงการ 65% คิดเป็น 9,687 ล้านบาท
  • สินค้าที่พร้อมขาย (Inventory) 14% คิดเป็น 2,148 ล้านบาท
  • อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) 1,686 ล้านบาท
  • สินทรัพย์อื่นๆ 10% คิดเป็น 1,469 ล้านบาท

หนี้สินในไตรมาส 1 อยู่ที่ 9,497 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากปีที่แล้ว 4% ประกอบด้วย

  • หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 72% คิดเป็น 6,832 ล้านบาท
  • ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) และหนี้สินระยะสั้น 17% คิดเป็น 1,625 ล้านบาท
  • หนี้สินอื่นๆ 11% คิดเป็น 1,164 ล้านบาท

เงินกู้ยืมและหุ้นกู้รวมกันทั้งสิ้น 8,457 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 74% คิดเป็น 6,297 ล้านบาท ที่นำมาพัฒนาโครงการต่างๆ เงินกู้ยืมระยะสั้น 19% คิดเป็น 1,625 ล้านบาท และหุ้นกู้ 6% รวมเป็นมูลค่า 535 ล้านบาท

เงินกู้ยืมของกิจการแบ่งเป็น Fixed Rate และ Float Rate โดย Float Rate คิดเป็น 90% ของวงเงินกู้ยืมทั้งหมด มูลค่ารวม 7,571 ล้านบาท Fixed Rate เป็นหุ้นกู้และตั๋วสัญญาใช้เงินต่างๆ อยู่ที่ 886 ล้านบาท คิดเป็น 10%

หุ้นกู้มี 2 ชุด ชุดที่ครบกำหนดไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้ปิดวงเงินดังกล่าวโดยชำระคืนผู้ถือหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หุ้นกู้ชุดสุดท้ายที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ มูลค่า 485 ล้านบาท กิจการมีแผนรองรับโดยจะเปลี่ยนจากวงเงินของหุ้นกู้เป็น Project Loan โดยอยู่ระหว่างดำเนินการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการจัดแคมเปญสำหรับนักลงทุนที่มีความมั่นคงทางการเงิน โดยจะการันตีผลตอบแทนสูงสุด 7% รวมถึงข้อเสนออื่นๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่สนใจซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

ความกังวลหลักคือสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

บริษัทพยายามคิดแคมเปญที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุน โดยการันตีผลตอบแทนในการซื้อห้อง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ที่ 7% มองว่าลูกค้ากลุ่มนี้น่าจะสามารถกู้สถาบันการเงินได้ง่ายดาย และตอบโจทย์ลูกค้าด้วย เป็น Win-Win Situation ทั้งสองฝ่าย

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

NVD จะให้ความสำคัญกับการบริหารและเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อให้บริษัทมีความมั่นคงและรองรับกับเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูง นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงมีการปรับปรุงสินค้ารูปแบบบ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ Lifestyle คนยุคใหม่ได้

มีแผนที่จะ Launch อย่างเป็นทางการ 2 โครงการ มูลค่ารวม 4,515 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ @Work กรุงเทพกรีฑา และโครงการคอนโดมิเนียมบนถนนสุขุมวิท 23 ภายใต้แบรนด์ใหม่

โครงการที่มีอยู่ในปัจจุบันมีทั้งหมด 13 โครงการ โดยแบ่งเป็น บ้าน 2 ชั้น บ้านเดี่ยว 2 ชั้น Townhome Home Office และคอนโดมิเนียม คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 18,545 ล้านบาท

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 38:17]**
  1. **ความกังวลของบริษัทในช่วง 1-3 ปีนี้ และวิธีการรับมือ**

    ความกังวลมากที่สุดคือสภาพเศรษฐกิจและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน

    วิธีการรับมือคือการคิดแคมเปญที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุน โดยการันตี Yield ผลตอบแทนในการซื้อห้องที่ 7%

  2. **บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องใดเป็นอันดับแรกในการดำเนินธุรกิจ**

    ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท

    พยายามลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาระดอกเบี้ย หรือค่าใช้จ่าย SGA

    พยายามให้ความสำคัญกับกระแสเงินสด (Cash Flow) และเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ

  3. **สอบถามเรื่อง ROIC และ WACC ของบริษัท**

    ขออนุญาตตอบกลับทางอีเมล

  4. **เหตุการณ์แผ่นดินไหวส่งผลกระทบอย่างไรบ้างกับทางบริษัท**

    โครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านแนวราบ และมีโครงการแนวสูงเพียง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบันยันทรี และโครงการ The Most อิสรภาพ ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับการออกแบบและก่อสร้างโดยผู้รับเหมาชั้นนำ จึงไม่ได้รับผลกระทบทางโครงสร้าง และไม่มีความเสียหายใดๆ ลูกบ้านสามารถเข้าอยู่ได้ตามปกติ

    ดังนั้นเรื่องผลกระทบจากแผ่นดินไหวอาจจะไม่ค่อยได้ส่งผลกระทบความเสียหายใดๆ กับบริษัทโดยตรง

  5. **โครงการคอนโดสุขุมวิท 23 ที่จะเปิดตัวใหม่ราคาขายเป็นเท่าไหร่**

    เบื้องต้นคาดว่าราคาขายจะเริ่มต้นประมาณแสนกว่าบาทต่อตารางเมตร แต่รายละเอียดสินค้า Product และแพ็คเกจต่างๆ จะแจ้งให้ทราบอีกทีเมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

  6. **รายละเอียดของ Devanah Posh ที่ขยายเพิ่มเป็นอย่างไรบ้าง เป้าหมายเป็นกลุ่มธุรกิจแบบใด**

    ปัจจุบันที่พยายามเจรจาอยู่กับทางผู้เช่าที่สนใจ จะเป็นธุรกิจ Non-Food เป็นส่วนใหญ่ โดยมีคุยอยู่ประมาณ 4 เจ้า โดย Location เป็นไปตามภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจ Non-Food ทั้งหมด คาดว่าจะสามารถ Reach Agreement ได้ในเร็วๆ นี้

  7. **บริษัทมีแผนการชำระหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอย่างไร**

    กำลังมีการขอสินเชื่อกับทางสถาบันการเงิน เป็นในส่วนของตัว Project Loan

  8. **บริษัทมีแผนการออกหุ้นกู้เพิ่มหรือไม่ในอนาคต**

    ในช่วงสภาวะอย่างนี้ ตอนนี้ระหว่างนี้ยังไม่มีแผนการออกหุ้นกู้

โดยสรุป NVD เผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน แต่ยังคงมุ่งเน้นการบริหารสภาพคล่องทางการเงิน การควบคุมค่าใช้จ่าย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการเติบโตจากโครงการใหม่ๆ และการขยายธุรกิจ Recurring

**ชื่อหัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป:** * ความกังวลและแผนรับมือ * สิ่งที่ให้ความสำคัญอันดับแรก * ROIC และ WACC * ผลกระทบจากแผ่นดินไหว * ราคาคอนโดสุขุมวิท 23 * แผนขยาย Devanah Posh * แผนชำระหุ้นกู้ * แผนออกหุ้นกู้เพิ่ม

โพสต์ล่าสุด