บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

KSS มอง SCB กำไรลด แต่ปันผลยังน่าสนใจ

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี (KSS) คาดการณ์ว่า SCB จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ 9.50 พันล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และลดลง 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) อย่างไรก็ตาม KSS ยังคงคำแนะนำ "Neutral" สำหรับหุ้น SCB โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 110 บาท และมองว่า SCB ยังคงมีจุดเด่นที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงสุดในกลุ่มธนาคารที่ประมาณ 8-9% ต่อปี

ปัจจัยที่ทำให้กำไร SCB ลดลง

KSS ระบุว่ากำไรที่ลดลงของ SCB ในไตรมาส 4/2567 มีสาเหตุหลักมาจาก 1) การลดลงของสินเชื่อรวม 0.6% QoQ จากสินเชื่อ SME และรายย่อย 2) การลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อ (Yield on loan) เนื่องจากไม่มีการชำระคืนหนี้ก่อนกำหนด (pre-payment) ของลูกค้าภาคธุรกิจเหมือนในไตรมาส 4/2566 และ 3) การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เสีย (ECL) เนื่องจากมีลูกหนี้ตกชั้นมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยในกลุ่มบ้าน ทำให้ Credit cost เพิ่มขึ้นเป็น 3.50% จาก 3.38% ในไตรมาส 3/2567 นอกจากนี้ KSS คาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) จะลดลง 6% YoY และ 4% QoQ จากสินเชื่อที่ลดลง และ NIM ลดลงจาก 3.96% ในไตรมาส 4/2566 เป็น 3.86% ในไตรมาส 4/2567 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น 3% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล

มุมมองและคำแนะนำของ KSS

ถึงแม้ KSS คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ SCB ในปี 2568 จะเพิ่มขึ้น 3% YoY จากการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เสีย (credit cost) หลังจากปี 2567 มีการตั้งสำรองพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหญ่ แต่ KSS ยังคงคำแนะนำ "Neutral" โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 110 บาท อ้างอิงจาก P/BV ที่ 0.8 เท่า ซึ่ง KSS มองว่า SCB ยังคงเป็นหุ้นปันผลเด่น โดยคาดการณ์ว่าปี 2567 จะจ่ายปันผล 7.81 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 7% KSS ยังคงมุมมองว่า SCB มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลที่ 10.06 บาทต่อหุ้นในปี 2568 คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 8.53%

โดยสรุป KSS มองว่า SCB ยังมีจุดเด่นเรื่องปันผล แต่ผลประกอบการในระยะสั้นอาจยังไม่สดใสเท่าที่ควร จากปัจจัยด้านสินเชื่อที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เสีย