บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CFARM เจาะลึกผลประกอบการ Q1/2568: โอกาสและความท้าทายในธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อ
P/E 28.34 YIELD 0.00 ราคา 0.80 (0.00%)
CFARM เจาะลึกผลประกอบการ Q1/2568: โอกาสและความท้าทายในธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อ
สวัสดีค่ะ ท่านนักลงทุนและผู้ถือหุ้นทุกท่าน วันนี้เราจะมาสรุปผลการดำเนินงานของบริษัท ซีฟาร์ม ในรอบไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 และอัปเดตข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจของเราให้ท่านได้รับทราบค่ะ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 บริษัท ซีฟาร์ม เผชิญกับความท้าทายและโอกาสที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานดังนี้:
- ผลกระทบเชิงบวก:
- ปริมาณการผลิตไก่เนื้อเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
- ราคาส่งออกไก่เนื้อปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย
- ผลกระทบเชิงลบ:
- รายได้จากการขายลดลงเนื่องจากการบันทึกบัญชีตามมาตรฐาน TFRS 15 ซึ่งมีผลต่อการรับรู้รายได้จากไก่ระหว่างเลี้ยง
- ผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวน (ฝนตกบ่อย) ทำให้การปรับปรุงพื้นที่ก่อสร้างฟาร์มใหม่ล่าช้า
- ตัวเลขทางการเงินและสถิติ:
- สินทรัพย์รวมลดลงเล็กน้อย แต่ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น
- รายได้จากการขายไก่เนื้อ: 48 ล้านบาท (Q1/68) เทียบกับ 49 ล้านบาท (Q1/67)
- ปริมาณไก่เนื้อที่เลี้ยง: 3.9 ล้านตัว (Q1/68) เทียบกับ 2.9 ล้านตัว (Q1/67)
- อัตรากำไรสุทธิ: ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากผลกระทบจาก TFRS 15
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
ซีฟาร์ม มองเห็นโอกาสในการเติบโตและขยายธุรกิจในด้านต่างๆ ดังนี้:
- โครงการฟาร์มวัว:
- คาดว่าจะเริ่มนำเข้าวัวได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 และเริ่มรีดนมได้ในไตรมาส 1 ปี 2569
- มีศักยภาพในการเพิ่มรายได้ถึง 5 เท่าของรายได้ปัจจุบัน และเพิ่มอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 10%
- โครงการฟาร์มไก่ไข่:
- ได้รับการอนุมัติโครงการลงทุน 120 ล้านบาท
- คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปี 2568
- คาดการณ์อัตราผลตอบแทน (Payback) ภายใน 6.3 ปี
- สถานการณ์ไข้หวัดนกในบราซิล:
- เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยส่งออกไก่เนื้อได้มากขึ้น
- ส่งผลให้ราคาไก่เนื้อในประเทศปรับตัวสูงขึ้น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
บริษัท ซีฟาร์ม ตระหนักถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจดังนี้:
- ความเสี่ยงด้านการตลาด:
- การเปลี่ยนแปลงของราคาไก่เนื้อและต้นทุนอาหารสัตว์
- การแข่งขันในตลาดส่งออก
- ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน:
- การจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพ
- การป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสัตว์ปีก
- ความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ:
- ผลกระทบจากฝนตกหนักต่อการก่อสร้างและปรับปรุงฟาร์ม
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
ซีฟาร์ม มีแผนการรับมือและแก้ไขปัญหาต่างๆ ดังนี้:
- การบริหารจัดการต้นทุน:
- การปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต
- การจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่ราคาเหมาะสม
- การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านโรคระบาด:
- การปฏิบัติตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice)
- การเฝ้าระวังและควบคุมโรคอย่างเข้มงวด
- การปรับปรุงแผนการก่อสร้าง:
- การวางแผนงานให้สอดคล้องกับสภาพอากาศ
- การใช้เทคโนโลยีและวิธีการก่อสร้างที่เหมาะสม
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
บริษัท ซีฟาร์ม มองเห็นแนวโน้มการเติบโตในอนาคตจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- การขยายธุรกิจ:
- โครงการฟาร์มวัวและฟาร์มไก่ไข่จะสร้างรายได้และกำไรเพิ่มเติม
- การเพิ่มรอบการเลี้ยงไก่เนื้อจะช่วยเพิ่มปริมาณการผลิต
- การปรับปรุงประสิทธิภาพ:
- การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเลี้ยงสัตว์
- การพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ
- การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด:
- การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
- การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A Session นาทีที่ 43:06]
-
แนวโน้มผลการดำเนินงาน Q2/68 และการเปรียบเทียบ Q on Q, Y on Y
ผู้บริหารตอบว่าแนวโน้ม Q2/68 อยู่ในประมาณการที่ตั้งไว้ คาดว่าจะดีกว่า Q2/67 เนื่องจากไม่ใช่ช่วง Seasonal Low และมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี
-
ผลกระทบจากฝนตกบ่อย
ผู้บริหารตอบว่าฝนตกมีผลกระทบต่อการก่อสร้างฟาร์มใหม่ แต่ไม่มีผลกระทบต่อฟาร์มไก่เนื้อ เนื่องจากเป็นระบบปิด และมีการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเลี้ยงไก่
-
ความคืบหน้าโครงการโคนม ลงทุนไปอย่างไร
ผู้บริหารตอบว่าตอนนี้อยู่ในช่วงศึกษาเรื่องระบบการเลี้ยงที่เหมาะสม ส่วนการลงทุนยังเป็น Pre-Operating Expense ประมาณล้านกว่าบาท คาดว่าจะนำเข้าวัวได้ปลาย Q3/68 และเริ่มรีดนม Q1/69
-
รายได้ลดลงเพราะ TFRS แสดงว่ามี Grade Stock ไก่ที่ Error หรือไม่
ผู้บริหารตอบว่าไม่เป็นความจริง รายได้ลดลงจากผลของ TFRS ที่ทำให้ต้องนำไก่ระหว่างเลี้ยงมาคำนวณด้วย และการคำนวณเป็นไปตามหลักการบัญชีที่ถูกต้อง
-
เวลาเลี้ยงไก่ลดลง น้ำหนักลดลง เพราะผู้ซื้อเร่งซื้อ หรือ เพราะอะไร
ผู้บริหารตอบว่าผู้ซื้อเร่งซื้อเพราะราคาไก่ดีขึ้น แต่บริษัทก็ยังคงรักษามาตรฐานการเลี้ยงอยู่ และรอบการเลี้ยงที่สั้นลง ทำให้น้ำหนักลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
-
เลี้ยงวัว Margin ดีกว่าไก่เนื้อ ไก่ไข่ หรือเป็นเท่าไหร่
ผู้บริหารตอบว่า Margin ของวัวนมดีกว่าไก่เนื้อและไก่ไข่ โดย Margin ของวัวนมมากกว่า 10% ส่วนไก่เนื้อและไก่ไข่อยู่ที่ 7-8%
-
โครงการไก่ไข่ น่าจะรับรู้รายได้ไตรมาสไหน คาดว่ากำไรประมาณเท่าไหร่
ผู้บริหารตอบว่าคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ใน Q4/68 และคาดการณ์กำไรประมาณ 8%
-
Q2/68 จะดีเทียบเท่ากับ Q4/67 ไหม
ผู้บริหารตอบว่าน่าจะเทียบเคียงกันได้ เพราะผลการดำเนินงานของบริษัทจะเป็นไปตาม Curve ของฤดูกาล
-
ปีนี้รอบการเลี้ยงกี่รอบ แล้วเลี้ยงกี่ตัว เทียบกับปี 67
ผู้บริหารตอบว่าปีนี้คาดว่าจะมี 37 รอบการเลี้ยง มากกว่าปี 67 ที่มี 35 รอบ และจำนวนไก่จะมากกว่าปี 67 ประมาณ 5-6 ล้านตัว
-
สถานการณ์ไข้หวัดนกบราซิล ส่งผลกระทบอะไรกับ CFARM หรือไม่ CFARM มีวิธีรับมือกับไข้หวัดนกอย่างไรบ้าง
ผู้บริหารตอบว่าสถานการณ์ไข้หวัดนกในบราซิลส่งผลดีทางอ้อมต่อ CFARM เพราะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยส่งออกไก่เนื้อได้มากขึ้น และบริษัทมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคระบาดตามมาตรฐาน GAP
-
ปี 68 เลี้ยงดีกว่าปี 67 ไหม ราคา
ผู้บริหารตอบว่าราคาไก่เนื้อ Contact ปีนี้อยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 42 บาท ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย
-
เปรียบเทียบธุรกิจวัว เปรียบเทียบคู่แข่งต่างประเทศแล้วเราได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร
ผู้บริหารตอบว่าธุรกิจวัวนมของ CFARM สามารถเทียบเคียงกับคู่แข่งต่างประเทศได้ เนื่องจากใช้เทคโนโลยีและวิธีการเลี้ยงที่ทันสมัย
-
YIeld Rate เท่าไหร่ครับ เพิ่มเติมที่เกิน 100% ได้ไหม
ผู้บริหารตอบว่าYield Rate โดยเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 98.5% แต่บางฟาร์มสามารถทำได้เกิน 100% ขึ้นอยู่กับปริมาณไก่ที่คู่สัญญาจัดส่งมา
-
ฟาร์มไก่ไข่อีกทีนึง
ผู้บริหารตอบว่าโครงการฟาร์มไก่ไข่อยู่ในช่วงเริ่มต้น คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ใน Q4/68
-
ส่วนของฟาร์มโคนมมีการดำเนินงานถึงขั้นตอนไหน
ผู้บริหารตอบว่าบริษัทกำลังศึกษาเรื่องระบบการเลี้ยงที่เหมาะสม และมีการปรับหน้าดิน ส่วนความคืบหน้าโครงการอยู่ที่ 20%
-
งบลงทุนทั้งไก่ไข่ และฟาร์มวัว แหล่งเงินจากไหน ต้องเพิ่มทุนไหม
ผู้บริหารตอบว่าฟาร์มไก่ไข่จะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน และกระแสเงินสดของบริษัท ส่วนฟาร์มวัวจะใช้เงิน IPO และเงินกู้
-
คาดการณ์รายได้และกำไรปีนี้จะเติบโต กี่เปอร์เซ็นต์
ผู้บริหารตอบว่ารายได้น่าจะเติบโตจากไก่ไข่ และรอบการเลี้ยงที่เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรน่าจะดีขึ้นจากสถานการณ์โดยรวม
-
รอบเลี้ยงแต่ละรอบช่วงเดือนไหนบ้าง
ผู้บริหารตอบว่ารอบเลี้ยงไม่ได้กำหนดช่วงเดือน แต่จะมีการลงไก่ไล่ไปทุกฟาร์ม ทำให้ทั้งปีมีการเลี้ยงตลอด
-
สถานการณ์ไข้หวัดนกที่พวกส่งผลกระทบต่อเรามากน้อยแค่ไหน
ผู้บริหารตอบว่าสถานการณ์ไข้หวัดนกส่งผลดีทางอ้อม เพราะช่วยให้ส่งออกได้มากขึ้น
โดยสรุปแล้ว บริษัท ซีฟาร์ม ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต