https://aio.panphol.com/assets/images/community/6369_4C180B.png

TPAC กำไร Q1 ฟื้นตัว แต่หยวนต้าฯ ปรับลดประมาณการกำไรปี 68-69

P/E 6.53 YIELD 4.75 ราคา 8.00 (0.00%)

TPAC กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 121 ล้านบาท ฟื้นตัว QoQ แต่ลดลง YoY บล.หยวนต้าฯ ปรับประมาณการกำไรปี 2568-69 ลง แม้คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 9.50 บาท

ไฮไลท์สำคัญ

  • กำไร 1Q25 ฟื้นตัว: TPAC รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 121 ล้านบาท (+71% QoQ, -11% YoY)
  • ปัจจัยหนุน: รายได้รวมฟื้นตัว, อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว, ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง
  • ปัจจัยกดดัน: ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงงานใหม่ในฟิลิปปินส์, ค่าใช้จ่ายทางภาษีเพิ่มขึ้น

เนื้อหา

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด วิเคราะห์ผลประกอบการของ Thai Plaspac (TPAC) โดยระบุว่ากำไรสุทธิ 1Q25 อยู่ที่ 121 ล้านบาท ฟื้นตัว 71% QoQ แต่ลดลง 11% YoY หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 120 ล้านบาท ฟื้นตัว 65% QoQ แต่ลดลง 9% YoY การฟื้นตัว QoQ มาจากรายได้รวมที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาที่ 1,820 ล้านบาท (+5% QoQ, -1% YoY) ตามการ Restocking และการเร่งสั่งสินค้าก่อนการประกาศภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวเป็น 23.4% จาก 22.7% ตาม Utilization Rate ของโรงงานที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงเป็น 233 ล้านบาท (-15% QoQ, +6% YoY) หลังมีการตั้งค่าเผื่อขาดทุนด้านเครดิตลดลง ขณะที่ YoY กำไรปกติลดลงเพราะถูกกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเปิดโรงงานแห่งใหม่ในฟิลิปปินส์ รวมถึงค่าใช้จ่ายทางภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านบาท (+617% QoQ, +33% YoY)

อย่างไรก็ตาม หยวนต้าฯ ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2025-26 ลง 12% และ 19% เป็น 423 ล้านบาท (+1% YoY) และ 444 ล้านบาท (+5% YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนรายได้รวมที่มีโอกาสถูกกดดันจากระดับการบริโภคที่ชะลอตัวลง รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A จากการเปิดโรงงานใหม่ในฟิลิปปินส์ที่สูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า

เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 2Q25 ที่ระดับ 100-110 ล้านบาท ลดลง QoQ ตามผลของฤดูกาลหลังผ่านช่วงของการ Restocking และการชะลอคำสั่งซื้อของกลุ่มลูกค้าเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ YoY คาดกำไรปกติสามารถทรงตัวได้ แม้ค่าใช้จ่าย SG&A มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการเปิดโรงงานใหม่ เนื่องจากรายได้รวมที่มีแนวโน้มเติบโตตามการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียจะสามารถชดเชยผลกระทบได้

ข้อสังเกตุ

  • ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก: ความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกหลังการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจกดดันกำไรปกติ
  • นโยบายการค้า: การชะลอคำสั่งซื้อของกลุ่มลูกค้าเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อกำไรในระยะสั้น
  • การเติบโตในอินเดีย: การเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียอาจช่วยชดเชยผลกระทบจากปัจจัยลบอื่นๆ

สรุป

หยวนต้าฯ ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 9.50 บาท/หุ้น (จากเดิมที่ 9.9 บาท) โดยใช้ PER ที่ 7.3 เท่า เพื่อสะท้อนสภาวะตลาดที่มีความเสี่ยงมากขึ้น แต่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 17% YTD ได้สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการปี 2025 ที่คาดทำได้เพียงทรงตัว YoY และความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสชะลอตัวจากสงครามการค้าไปมากแล้ว

โพสต์ล่าสุด