บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CPAXT สรุปผลประกอบการ Q1/2568 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมขยายสาขาใหม่ เพิ่มศักยภาพธุรกิจ
P/E 15.71 YIELD 3.27 ราคา 16.20 (0.00%)
CPAXT สรุปผลประกอบการ Q1/2568 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมขยายสาขาใหม่ เพิ่มศักยภาพธุรกิจ
- ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ของ CPAXT ยังคงเติบโตได้ดี โดยมีรายได้รวมเติบโต 2.3% year-on-year ปิดไตรมาสแรกของปีที่ 129,950 ล้านบาท รายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 2.9% year-on-year ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสาขาใหม่ และยอดขายของสาขาเดิมที่ยังเติบโตได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ
ยอดขายต่อสาขาเดิมของธุรกิจค้าส่งเพิ่มขึ้น 1% เติบโตในทุกหน่วยธุรกิจ หากไม่พิจารณายอดขายสินค้ายกล็อตให้กับผู้ค้าส่ง Same Store Sale Growth ของธุรกิจค้าส่งจะเติบโตได้ถึง 3% ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายต่อสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 0.5% หนุนจากการเติบโตของ Lotus Malaysia
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากยอดขายนอกร้านพร้อมส่งถึงลูกค้า (Omni Channel) ที่ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ดันสัดส่วนต่อยอดขายรวมเป็น 20% สินค้าในกลุ่มอาหารสดยังเติบโตได้แข็งแกร่งที่ 10% year-on-year รายได้จากการบริหารพื้นที่เช่าปิดไตรมาสที่ 3,488 ล้านบาท ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่ที่แข็งแกร่งที่ 93%
กำไรขั้นต้นปิดที่ 18,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% year-on-year อัตราการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 40 basis point มาอยู่ที่ 14.5% ซึ่งโดยหลักมาจากการจัดประเภททางบัญชี และการรับรู้ synergystic value หลังจากการควบรวมบริษัทในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
EBITDA อยู่ที่ 9,048 ล้านบาท หากพิจารณาในการถอดรายการปรับปรุงออก EBITDA จากการดำเนินงานปกติปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน Adjusted EBITDA ที่สะท้อนการดำเนินงานปกติก็เพิ่มขึ้น 4%
กำไรสุทธิ 2,643 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6.5% year-on-year หากพิจารณาเฉพาะกำไรสุทธิปกติปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.3% จากปีก่อน ซึ่งหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโต รวมถึงมูลค่าจากการผนึกกำลังภายหลังการควบรวมบริษัท ซึ่งช่วยลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดลงของต้นทุนทางการเงิน
- โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตของยอดขายนอกร้าน (Omni Channel) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาแพลตฟอร์ม Macro Pro ให้เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ของประเทศไทย
กลยุทธ์ในการปรับพอร์ตสินค้า โดยเน้นการขยายสัดส่วนสินค้า Private Label และ Exclusive Brand ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นต่อเนื่อง และปิดไตรมาสที่ 19,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.4% year-on-year
บริษัทมุ่งเน้นในการขายสินค้ากลุ่มอาหารสด ทำให้เติบโตได้ดีที่ 10.1% year-on-year ปิดไตรมาสที่ 46,000 ล้านบาท และยังโฟกัสการขายสินค้าที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น สินค้ากลุ่มพรีเมียม เนื้อสัตว์ ผลไม้นำเข้า สินค้าสุขภาพ อาหารพร้อมปรุงพร้อมทาน และสินค้าที่มีขายเฉพาะ Macro และ Lotus
- ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
บริษัทเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งจากภาวะกำลังซื้อที่อ่อนตัวลง และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ความเสี่ยงจากผลกระทบระยะสั้นที่เกิดจากการอยู่ในระหว่างการดำเนินกระบวนการปรับปรุง และส่งมอบพื้นที่เช่า
ความเสี่ยงจากสภาวะอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องดื่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงซัมเมอร์
- วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทปรับตัวโดยการพัฒนาสินค้าที่มีความพิเศษ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน เช่น การร่วมมือกับเชฟชื่อดังในการรังสรรค์เมนูพิเศษ และการนำเสนอสินค้าตามฤดูกาล
บริษัทปรับปรุงพื้นที่เช่าให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และสรรหาสินค้าที่ได้รับความนิยมมานำเสนอ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการในสาขา
บริษัทเร่งพัฒนาโครงการ Lotus Mall บางนา ให้เป็น One-Stop Service ในเชิงของ Lifestyle มากขึ้น และสร้างจุดศูนย์รวมของเมืองสระบุรี
- แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทมีเป้าหมายในการรับรู้ Synergy ภายหลังการควบรวมบริษัท โดยตั้งเป้าหมาย Gross Synergistic Value ที่ 1% ของรายได้รวม หรือ 5,200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ในผลประกอบการตลอดปี 2568 ต่อเนื่องถึงปี 2569
บริษัทคาดว่าการรับรู้มูลค่าจากการผนึกกำลังจะเร่งตัวขึ้นในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า และจะส่งผลเชิงบวกต่อ EBITDA อย่างชัดเจน
บริษัทมีแผนที่จะพัฒนา Mall ให้เป็น Food Destination มากขึ้น โดย ณ ไตรมาส 1 มี Food Tenant Mix เพิ่มขึ้นมาเป็น 36% จากเป้าหมายที่วางไว้ที่ 40%
- ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 40:55
- ส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมลดลง:
- คำถาม: ส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมลดลงประมาณ 60 ล้านบาท เกิดจากอะไร?
- คำตอบ: หลักๆ มาจาก Lotus Money Service ซึ่งเป็นตัวให้บริการเกี่ยวกับบัตรเครดิตของ Lotus ร่วมกับบัตรเครดิต มีการตั้ง Provision ตัว Aging ลูกหนี้ ซึ่งเป็นการตั้ง Provision หากได้รับการชำระคืนจากลูกหนี้บัตรเครดิตแล้วจะสามารถ Re-ไวท์ได้ ไตรมาสนี้ น่าจะเป็น Fall ของตัวกำไรจากบริษัทลูกของธุรกิจนี้แล้ว เพราะได้ตั้ง Provision ไปหมดแล้ว
- เป้าหมายการเติบโตและงบประมาณปี 2568:
- คำถาม: เป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2568 วางไว้เท่าไหร่ และงบประมาณของปี 2568 ตั้งไว้เท่าไหร่และใช้ในส่วนใดบ้าง?
- คำตอบ: ยังคงเป้าหมายเดิมในการเติบโตของยอดขายที่ High Single Digit Growth โดยหลักจะมาจากการขยาย Same Store Sale Growth หรือการเติบโตจากสาขาเดิม รวมถึงการขยายสาขา และรายได้การบริหารพื้นที่เช่า เงินลงทุนในปีนี้ตั้งเป้าไว้ประมาณ 20,000 - 24,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนไปกับการขยายสาขา และปรับปรุงสาขา
- ทิศทางผลงานไตรมาส 2:
- คำถาม: ทิศทางผลงานไตรมาสที่ 2 เป็นอย่างไร?
- คำตอบ: โดยรวมผลงานไตรมาสที่ 2 โดยปกติ บริษัท Benchmark พยายามจะให้ผลงานเติบโตต่อเนื่องเทียบ Year-on-Year อยู่แล้ว แต่ปกติจะไม่เทียบ Q on Q เพราะธุรกิจมี Seasonality ยอดขายใน Quarter 2 Day ถือว่าเป็นบวก แต่โดยรวมอาจจะหย่อนจากไตรมาส 1 นิดนึง อย่างที่แจ้งไปว่าเป็น Seasonality ตัวเลขพฤษภาคมค่อนข้างจะดูดีกว่าเมษายน เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายนจะมีปัจจัยเรื่องสภาพอากาศ
- การออกหุ้นกู้ใหม่:
- คำถาม: กลางปีจะมีหุ้นกู้ครบกำหนดหรือไม่?
- คำตอบ: มีแผนที่จะ Rolling ตัวออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ยอดวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ในช่วงกลางปีครึ่งปีหลังไป จะเริ่มออกขาย ฝากสนับสนุนด้วย
- ความชัดเจน Lotus Hypermarket กับ Go Fresh:
- คำถาม: รูปแบบ Lotus Hypermarket กับ Go Fresh เป็นอย่างไร สับสนไหม?
- คำตอบ: Hypermarket มีไซส์ตั้งแต่ 8,000 ตารางเมตร จนถึง 4,000 ตารางเมตร และมีรายได้จากการบริหารพื้นที่เช่า โดยรวม Hypermarket จะมีภาพของ Self Floor ขนาดใหญ่ และจะมีพื้นที่เช่าค่อนข้างจะเยอะ
- ปัจจุบัน CPAXT มีพื้นที่เช่าในประเทศไทยรวมของ Macro ด้วยน่าจะอยู่ประมาณ 800,000 ตารางเมตร และในมาเลเซียอีกประมาณ 300,000 Hypermarket เป็นภาพของ Self Floor และจะมีตัวพื้นที่เช่า
- Go Fresh มีไซส์ประมาณ 300 ตร.ม. ขึ้นไป ซึ่งถือว่าใหญ่ ที่เปิดมีไซส์ขนาดเล็ก ซึ่งพิจารณาแล้วอาจจะตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้ดีพอเท่ากับไซส์ขนาดใหญ่ เลยเริ่มเปลี่ยนโดยการปรับสาขาที่ใกล้หมดอายุสัญญา โดยปกติสาขาขนาดเล็กทำสัญญาระยะสั้นอยู่แล้ว จะหา Location ที่ใกล้เคียงกัน แล้วปรับไซส์ ผลมันตอบโจทย์ว่าตัว Break Even ตัว Cash Profit ที่ Store มันเร็วกว่าไซส์ขนาดเล็กมาก
- Go Fresh มีทั้งอาหารแช่แข็ง อาหารที่ไวรัลขายดี รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก หากอยากจะไปกินอาหาร ไปจับจ่ายใช้สอย ไปซื้อสินค้าที่ มี Range กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เกี่ยวกับ เครื่องนอน อาจจะแนะนำว่าต้องไป Hypermarket
- ผลกระทบจากนักท่องเที่ยวที่ลดลง:
- คำถาม: ยอดขายในจังหวัดท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงไหม?
- คำตอบ: การเติบโตของ CPAXT ในไตรมาส 1 ยังเติบโตได้ดีในพื้นที่ท่องเที่ยว ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก เป็น Market Share ที่ค่อนข้างแข็งแรง Growth ของกลุ่ม Horeca ยังคงเติบโต สูงกว่าตัวนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย
- การเติบโตในหัวเมือง หรือจังหวัดที่มี การ นักท่องเที่ยวเยอะ ยังเติบโต เพียงแต่อาจจะเติบโตถ้าเทียบกับไตรมาส 1 อาจจะ Soft ลงกว่า
- Synergy ช่วยลดต้นทุน:
- คำถาม: Synergy จากการควบรวมจะช่วยเรื่องต้นทุนไหม?
- คำตอบ: แบ่งผลประโยชน์ออกมาในรูปแบบ 2 รูปแบบ อันแรกเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่ม อัตราทำกำไรขั้นต้น เรียก Gross Profit ซึ่งครึ่งนึงจะเข้าไปที่ในรูปแบบของ Gross Profit อีกครึ่งนึงจะไปในรูปแบบของ การ เพิ่มประสิทธิภาพ
- เรื่องนี้จะเข้าไปอยู่ใน EBITDA ก็จะดูดีขึ้น อันนี้ก็จะช่วยด้วย ทีมก็ Present ไปแล้วว่า ยังเชื่อมั่นว่าใน คือไตรมาส 2 3 4 ยังคง Deliver มูลค่าเพิ่มจากการผนึกกำลังหลังจากการควบรวมบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง แล้วมันจะ Speed Up ก็อาจจะเห็น Synergistic Value ที่ค่อนข้างจะเป็น ก้อนที่ใหญ่น่าจะอยู่ในปลายปีนี้ส่วนใหญ่
- สาขาต่างประเทศ:
- คำถาม: ช่วยอัปเดตสาขาที่ต่างประเทศด้วยค่ะ?
- คำตอบ: กลุ่มธุรกิจ ค้าส่ง มี ธุรกิจอยู่ในประเทศอินเดีย พม่า และกัมพูชา โดยกัมพูชามีทั้งหมด 3 Store Store ที่อยู่ใน ในเมืองค่อนข้างจะ ดิ จะเติบโตได้ดี แล้วก็ เป็น Positive กำไรอยู่แล้ว แต่จะมีประเด็น สาขานึงที่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวเสียมเรียบก็ยังซอฟเท่นอยู่ แต่โดยรวม Performance ของกัมพูชาถือว่าดี ส่งผลกำไรในไตรมาสนี้ พม่าก็ยังเป็นบวกต่อเนื่อง ส่วนอินเดีย ก็ยังเป็นการเพิ่ม เกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับการต้องเพิ่ม Economic Of Scale ในที่อินเดียอยู่ เพราะฉะนั้นในอินเดียอาจจะ ผลกำไร ผลตอบแทนดีขึ้นจากปีที่แล้วคือขาดทุนลดลง เพราะฉะนั้นโดยรวม ของ Performance ของ Macro International ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วทุกประเทศ
- Lotus ในมาเลเซีย ถือว่าไตรมาส 1 เป็นพระเอกได้เลย เติบโตได้ดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งยอดขาย ถึงแม้ว่า GP จะ Maintain เพื่อรักษา ใน เรียกว่าสามารถรักษา GP ได้ในสถานะ ความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่โดยรวมสามารถส่งยอดขายได้ดี แล้วก็ ค่าใช้จ่ายรวมถึงพวกต้นทุนในการบริหารค่าใช้จ่าย SA ค่อนข้างจะลดลงได้ดี เพราะฉะนั้นลงมา บอก True Bottom Line หรือ EBIT Level ก็ค่อนข้างจะส่งตัวเลขได้ดีตามที่ Present ไปเลย
- มาเลเซีย EBIT Level ครึ่งนึงมาจาก Retail แล้วก็ครึ่งนึงมาจาก Wholesale
- ส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมลดลง:
โดยสรุป CPAXT ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต จากการขยายสาขา การปรับปรุงพื้นที่เช่า และการรับรู้ Synergy ภายหลังการควบรวมบริษัท