บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
GGC Oppday Summary
P/E -100.00 YIELD 2.86 ราคา 3.50 (0.00%)## GGC ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก โชว์กลยุทธ์ปรับตัว เพิ่มศักยภาพธุรกิจยั่งยืน ปี 2568 ### สรุป Oppday ไตรมาส 1/2568
สวัสดีค่ะ ท่านนักลงทุน กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับงาน Opportunity Day ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ของบริษัท Global Green Chemical จำกัด มหาชน (GGC) โดยมีผู้บริหารร่วมบรรยาย ได้แก่ คุณกฤษฎา ประเสริฐสุข กรรมการผู้จัดการ, คุณจิตศักดิ์ สุนทรพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินและบัญชี และคุณปวีณา โอวรารินทร์ ผู้จัดการส่วนหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์และบัญชีบริหาร
หัวข้อนำเสนอประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Key Highlights, สถานการณ์ตลาด และผลการดำเนินงานด้านการเงิน
### 1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)GGC ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบจากปัจจัยต่างๆ ในไตรมาส 1 ปี 2568:
- เชิงบวก:
- ได้รับการจัดอันดับ S&P Global Sustainable Yearbook เป็นปีที่ 2
- ได้รับรางวัล The Best of ESG จาก Future Trend Awards 2025
- ความร่วมมือกับ GIZ ในโครงการ SPOP Klima เพื่อยกระดับการทำฟาร์ม Low Carbon
- เชิงลบ:
- ราคา CPO (Crude Palm Oil) สูงขึ้นมาก (31%) เนื่องจาก Off-Season และสต็อกน้ำมันปาล์มในประเทศและมาเลเซีย/อินโดนีเซียต่ำ
- นโยบายภาครัฐปรับลด Mandate Biodiesel จาก 7% เหลือ 5%
- CPKO (Crude Palm Kernel Oil) สูงขึ้น (101% ที่ตลาดมาเลย์) ส่งผลให้ต้นทุน Fatty Alcohol สูงขึ้น
- Supply ในตลาด Fatty Alcohol น้อย และสต็อก CPKO ในประเทศไทยต่ำมาก
- ความไม่แน่นอนของ Global Economic และสงครามการค้า
- Plant Utilization Ester ลดลงเนื่องจาก Mandate B5
- Plant Utilization Fatty Alcohol ลดลงเนื่องจาก Shutdown และ Slowdown Production เพราะ Feed สูง
- ผลขาดทุนสุทธิ 206 ล้านบาท (แต่หากพิจารณาเฉพาะ GGC เอง จะขาดทุนเพียง 4 ล้านบาท)
แม้จะมีปัจจัยลบหลายด้าน GGC ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและปรับตัวตามสถานการณ์ตลาด
### 2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในหลายด้าน:
- โครงการ SPOP Klima ช่วยให้เกษตรกรทำฟาร์ม Low Carbon และสร้าง Carbon Footprint ที่ดีขึ้น
- ความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะทบทวนกลับมาใช้ B7 ในช่วงกลางปี
- แนวโน้มที่ดีขึ้นของกองทุนน้ำมัน ทำให้การเก็บเงินเข้ากองทุนน้อยลง และ Demand เพิ่มขึ้น
- การ Restocking ของผู้ประกอบการและผู้ซื้อใน EU หลังจากคาดการณ์การใช้ EUDR Policy
- การ Build Inventory ของผู้ซื้อในช่วงต่อรอง US Tariff
บริษัทมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนและใช้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ
### 3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)GGC ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ:
- ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง (เข้าสู่ฤดูฝน) ทำให้ความต้องการในการขับขี่ลดลง
- ความไม่แน่นอนของ Global Economic และสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อราคาขาย
- การเก็บภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเบนซินและดีเซลอาจส่งผลต่อ Demand
- ราคา Ethanol ลดลงค่อนข้างมาก
- Indonesia เลื่อนการ Implement B40 ทำให้ RGL (Refined Glycerin) ไม่ลดลงในตลาด
- การ Slowdown ของจีนอาจกระทบต่อ Demand Glycerin
บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
### 4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)บริษัทมีแผนการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบ:
- ควบคุมต้นทุน (Cost Control) และใช้ Asset Utilization ให้มีประสิทธิภาพ
- หาตลาดใหม่ๆ ที่มีการเติบโต เช่น เอเชียใต้
- เพิ่ม Product High Value จากวัตถุดิบที่มีอยู่
- ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในการซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร
GGC มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กรและขยายตลาดเพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก
### 5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)แนวโน้มในอนาคตของ GGC ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน:
- การปรับ Mandate Biodiesel กลับเป็น B7 จะส่งผลดีต่อ Ester
- Fatty Alcohol มีแนวโน้มดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของ Spread และ Demand
- ธุรกิจ Ethanol ยังต้อง Monitor และแก้ไขสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
- RGL อาจได้รับผลกระทบจากการ Implement B40 ของ Indonesia
- การเติบโตของจีนอาจมี Limit และส่งผลต่อ Glycerin
บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการเป็นอุตสาหกรรม Green มากยิ่งขึ้น (Green & Greener) และมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
### 6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) เริ่มต้นในนาทีที่ 35:37คำถามและคำตอบจากช่วง Q&A:
* **Q: ไตรมาสที่ 2 จะยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องอีกหรือไม่ และบริษัทมีแนวทางการแก้ไขผลประกอบการอย่างไร?** * A: (คุณกฤษฎา) ไม่สามารถบอกได้ว่าจะกำไรหรือขาดทุน แต่แนวโน้ม Ester ดีขึ้นจากการปรับ B5 เป็น B7 และราคา ME ยังสูง Fatty Alcohol น่าจะปรับตัวดีขึ้น Spread เพิ่มขึ้น Demand product ดีขึ้น ราคา CPKO ที่เคยสูงก็มีแนวโน้มดีขึ้น ธุรกิจ Ethanol ยังต้อง Monitor และพยายามแก้ไขสถานการณ์ GGC เองถ้าไม่รวม JV จะขาดทุนแค่ -4 ล้านบาท คาดว่า Q2 จะดีขึ้น พยายามทำให้ดีที่สุด และจะ Update นักลงทุนเป็นระยะ * **Q: จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัว GGC มีการรับมือกับเหตุการณ์นี้อย่างไรบ้าง?** * A: (คุณกฤษฎา) * พยายามทำภายในบ้านให้แข็งแกร่ง Control ต่างๆ Cost Control การใช้งบประมาณ Opex Capex ให้มั่นใจว่าต้นทุนในการทำธุรกิจที่แข่งขันได้ * ใช้ Asset Utilization ในการผลิต product ใหม่ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม * หาตลาดใหม่ๆ ที่มีการเติบโต เช่น ตลาดเอเชียใต้ที่ยังมีความต้องการเพิ่ม * **Q: ปัญหา Free Float ต่ำ บริษัทมีแนวทางแก้ไขอย่างไร และจะดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อใด?** * A: (คุณกฤษฎา) * แก้ไขตามเงื่อนไขของตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว ในเรื่องของเครื่องหมาย CF และได้มีการปลดเครื่องหมาย CF ไปแล้ว * ต้องหาโอกาสในการแสวงหานักลงทุนเพิ่มเติม เพื่อที่จะเข้ามาลงทุนในบริษัท * ต้องทำความเข้าใจกับนักลงทุนถึงแนวโน้มในการทำธุรกิจ ในเรื่องของความสามารถในการลงทุนของบริษัท เพื่อที่จะฉุดนักลงทุนที่เป็น Financial Investor เพิ่มเข้ามา * ระยะยาวหรือระยะกลาง อาจจะมี Strategic Partner ที่เขามีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนกับเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับการร่วมมือและการพูดคุยกับทางนักลงทุนรายใหญ่ของบริษัท * **Q: การแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำและผลผลิตที่ออกมาเยอะในช่วงไตรมาส 2 ทาง GGC มีแนวทางแก้ไขอย่างไรบ้าง?** * A: (คุณกฤษฎา) มองว่าเป็นโอกาสของ GGC ที่จะ Utilize Asset ของเราเพื่อผลิต Product ใหม่ วางแผนที่จะใช้จังหวะเวลานี้ในการเพิ่มผลผลิตของเราที่เป็น Product ใหม่ โดย Utilize ไอ้ตัว Plant เดิม และก็ขายออกไปยังต่างประเทศเพื่อดูดซับไอ้ตัวปาล์มที่ล้นมาอยู่ในตลาด Optimization ภายใน Value chain ของเราในกลุ่ม * อาจจะเพิ่ม ไอ้ตัว Product ของเราที่เป็นพวก Fatty แอลกอฮอล์เนี่ย ส่งให้กับ Thai Toxylate มากขึ้น พยายามที่จะสร้างนะครับ ไอ้ตัว High Value Product จากไอ้ตัววัตถุดิบที่มีอยู่ อีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม ก็คือเราก็มีการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลนะครับ ที่ซื้อตัวผลปาล์มนะครับ ผลปาล์มสดจากเกษตรกรด้วยราคาที่ประกาศของหน่วยราชการผ่านทางการทำข้อตกลงนะครับกับทางคู่ค้าของเราที่เป็นโรงหีบโรงสกัดเนี่ยนะครับว่าให้ซื้อนะครับตัวผลปาล์มด้วยราคาที่ราชการประกาศ * **Q: ตัวผลิตภัณฑ์ราคาเพิ่ม High Value Product ที่ GGC จะผลิตออกมาในปีนี้มีอะไรบ้าง และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายเมื่อไหร่?** * A: (คุณกฤษฎา) ตอนนี้ตามแผนของเรานะครับก็มี Product ที่ทำตลาดอยู่แล้ว 1 ตัวตอนนี้ก็คือตัว Nutralis ซึ่งเป็นตัว Probiotic กับ Astaxanthin นะครับที่ ที่ทำตลาดอยู่ ตัวที่กำลังจะออกอีก 2 ตัวนะครับก็จะมีตัว Biosol ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พวก Sovent ที่ไปใช้ในผลิตภัณฑ์การเกษตรแล้วก็อุตสาหกรรมสีนะครับแล้วก็ตัวที่ 3 ก็จะเป็นตัว Alkyl Benzoate ซึ่งจะออกประมาณสักไตรมาส 4 ของปีนี้นะครับ * Food and Feed อันนี้ก็ ก็มีมีกลุ่มที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เราขายไปยังยังผู้ผลิตอาหารอะไรต่างๆ อยู่ส่วนหนึ่งแล้วนะครับก็ต่อ เนื่องมามาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาอันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทำลายแล้วนะครับ * Cosmetic ซึ่งอยู่ใน Pipeline ที่เราจะทยอยออกมานะครับ * Pharmaceutical ก็เช่นเดียวกันนะครับก็เป็นตัวที่เราอยู่ระหว่าง ศึกษาแล้วก็แล้วก็ดำเนินงานนะครับ * Industrial Product Industrial Product ก็จะอย่างที่ผมเรียนว่าเราจะมี Alkyl Benzoate นะครับกับในเรื่องของตัว Biosol นะครับที่ ที่ก็จะ Launch ออกในประมาณสักช่วงไตรมาส 3 ไตรมาส 4 นี้หัวข้อคำถาม:
- แนวทางการแก้ไขผลขาดทุนในไตรมาสที่ 2
- การรับมือกับปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- แนวทางแก้ไขปัญหา Free Float ต่ำ
- การแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ
- ผลิตภัณฑ์ High Value ที่จะผลิตในปีนี้
โดยสรุป GGC เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ยังคงมุ่งมั่นในการปรับตัว พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว