https://aio.panphol.com/assets/images/community/5806_ca89bd.png

GGC Oppday Summary

P/E -100.00 YIELD 2.86 ราคา 3.50 (0.00%)

## GGC ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก โชว์กลยุทธ์ปรับตัว เพิ่มศักยภาพธุรกิจยั่งยืน ปี 2568 ### สรุป Oppday ไตรมาส 1/2568

สวัสดีค่ะ ท่านนักลงทุน กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับงาน Opportunity Day ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ของบริษัท Global Green Chemical จำกัด มหาชน (GGC) โดยมีผู้บริหารร่วมบรรยาย ได้แก่ คุณกฤษฎา ประเสริฐสุข กรรมการผู้จัดการ, คุณจิตศักดิ์ สุนทรพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินและบัญชี และคุณปวีณา โอวรารินทร์ ผู้จัดการส่วนหน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์และบัญชีบริหาร

หัวข้อนำเสนอประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Key Highlights, สถานการณ์ตลาด และผลการดำเนินงานด้านการเงิน

### 1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

GGC ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบจากปัจจัยต่างๆ ในไตรมาส 1 ปี 2568:

  1. เชิงบวก:
    • ได้รับการจัดอันดับ S&P Global Sustainable Yearbook เป็นปีที่ 2
    • ได้รับรางวัล The Best of ESG จาก Future Trend Awards 2025
    • ความร่วมมือกับ GIZ ในโครงการ SPOP Klima เพื่อยกระดับการทำฟาร์ม Low Carbon
  2. เชิงลบ:
    • ราคา CPO (Crude Palm Oil) สูงขึ้นมาก (31%) เนื่องจาก Off-Season และสต็อกน้ำมันปาล์มในประเทศและมาเลเซีย/อินโดนีเซียต่ำ
    • นโยบายภาครัฐปรับลด Mandate Biodiesel จาก 7% เหลือ 5%
    • CPKO (Crude Palm Kernel Oil) สูงขึ้น (101% ที่ตลาดมาเลย์) ส่งผลให้ต้นทุน Fatty Alcohol สูงขึ้น
    • Supply ในตลาด Fatty Alcohol น้อย และสต็อก CPKO ในประเทศไทยต่ำมาก
    • ความไม่แน่นอนของ Global Economic และสงครามการค้า
    • Plant Utilization Ester ลดลงเนื่องจาก Mandate B5
    • Plant Utilization Fatty Alcohol ลดลงเนื่องจาก Shutdown และ Slowdown Production เพราะ Feed สูง
    • ผลขาดทุนสุทธิ 206 ล้านบาท (แต่หากพิจารณาเฉพาะ GGC เอง จะขาดทุนเพียง 4 ล้านบาท)

แม้จะมีปัจจัยลบหลายด้าน GGC ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและปรับตัวตามสถานการณ์ตลาด

### 2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในหลายด้าน:

  1. โครงการ SPOP Klima ช่วยให้เกษตรกรทำฟาร์ม Low Carbon และสร้าง Carbon Footprint ที่ดีขึ้น
  2. ความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะทบทวนกลับมาใช้ B7 ในช่วงกลางปี
  3. แนวโน้มที่ดีขึ้นของกองทุนน้ำมัน ทำให้การเก็บเงินเข้ากองทุนน้อยลง และ Demand เพิ่มขึ้น
  4. การ Restocking ของผู้ประกอบการและผู้ซื้อใน EU หลังจากคาดการณ์การใช้ EUDR Policy
  5. การ Build Inventory ของผู้ซื้อในช่วงต่อรอง US Tariff

บริษัทมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนและใช้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ

### 3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

GGC ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ:

  1. ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง (เข้าสู่ฤดูฝน) ทำให้ความต้องการในการขับขี่ลดลง
  2. ความไม่แน่นอนของ Global Economic และสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อราคาขาย
  3. การเก็บภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเบนซินและดีเซลอาจส่งผลต่อ Demand
  4. ราคา Ethanol ลดลงค่อนข้างมาก
  5. Indonesia เลื่อนการ Implement B40 ทำให้ RGL (Refined Glycerin) ไม่ลดลงในตลาด
  6. การ Slowdown ของจีนอาจกระทบต่อ Demand Glycerin

บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

### 4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีแผนการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบ:

  1. ควบคุมต้นทุน (Cost Control) และใช้ Asset Utilization ให้มีประสิทธิภาพ
  2. หาตลาดใหม่ๆ ที่มีการเติบโต เช่น เอเชียใต้
  3. เพิ่ม Product High Value จากวัตถุดิบที่มีอยู่
  4. ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในการซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร

GGC มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กรและขยายตลาดเพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก

### 5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

แนวโน้มในอนาคตของ GGC ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน:

  1. การปรับ Mandate Biodiesel กลับเป็น B7 จะส่งผลดีต่อ Ester
  2. Fatty Alcohol มีแนวโน้มดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของ Spread และ Demand
  3. ธุรกิจ Ethanol ยังต้อง Monitor และแก้ไขสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
  4. RGL อาจได้รับผลกระทบจากการ Implement B40 ของ Indonesia
  5. การเติบโตของจีนอาจมี Limit และส่งผลต่อ Glycerin

บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการเป็นอุตสาหกรรม Green มากยิ่งขึ้น (Green & Greener) และมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน

### 6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) เริ่มต้นในนาทีที่ 35:37

คำถามและคำตอบจากช่วง Q&A:

* **Q: ไตรมาสที่ 2 จะยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องอีกหรือไม่ และบริษัทมีแนวทางการแก้ไขผลประกอบการอย่างไร?** * A: (คุณกฤษฎา) ไม่สามารถบอกได้ว่าจะกำไรหรือขาดทุน แต่แนวโน้ม Ester ดีขึ้นจากการปรับ B5 เป็น B7 และราคา ME ยังสูง Fatty Alcohol น่าจะปรับตัวดีขึ้น Spread เพิ่มขึ้น Demand product ดีขึ้น ราคา CPKO ที่เคยสูงก็มีแนวโน้มดีขึ้น ธุรกิจ Ethanol ยังต้อง Monitor และพยายามแก้ไขสถานการณ์ GGC เองถ้าไม่รวม JV จะขาดทุนแค่ -4 ล้านบาท คาดว่า Q2 จะดีขึ้น พยายามทำให้ดีที่สุด และจะ Update นักลงทุนเป็นระยะ * **Q: จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัว GGC มีการรับมือกับเหตุการณ์นี้อย่างไรบ้าง?** * A: (คุณกฤษฎา) * พยายามทำภายในบ้านให้แข็งแกร่ง Control ต่างๆ Cost Control การใช้งบประมาณ Opex Capex ให้มั่นใจว่าต้นทุนในการทำธุรกิจที่แข่งขันได้ * ใช้ Asset Utilization ในการผลิต product ใหม่ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม * หาตลาดใหม่ๆ ที่มีการเติบโต เช่น ตลาดเอเชียใต้ที่ยังมีความต้องการเพิ่ม * **Q: ปัญหา Free Float ต่ำ บริษัทมีแนวทางแก้ไขอย่างไร และจะดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อใด?** * A: (คุณกฤษฎา) * แก้ไขตามเงื่อนไขของตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว ในเรื่องของเครื่องหมาย CF และได้มีการปลดเครื่องหมาย CF ไปแล้ว * ต้องหาโอกาสในการแสวงหานักลงทุนเพิ่มเติม เพื่อที่จะเข้ามาลงทุนในบริษัท * ต้องทำความเข้าใจกับนักลงทุนถึงแนวโน้มในการทำธุรกิจ ในเรื่องของความสามารถในการลงทุนของบริษัท เพื่อที่จะฉุดนักลงทุนที่เป็น Financial Investor เพิ่มเข้ามา * ระยะยาวหรือระยะกลาง อาจจะมี Strategic Partner ที่เขามีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนกับเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับการร่วมมือและการพูดคุยกับทางนักลงทุนรายใหญ่ของบริษัท * **Q: การแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำและผลผลิตที่ออกมาเยอะในช่วงไตรมาส 2 ทาง GGC มีแนวทางแก้ไขอย่างไรบ้าง?** * A: (คุณกฤษฎา) มองว่าเป็นโอกาสของ GGC ที่จะ Utilize Asset ของเราเพื่อผลิต Product ใหม่ วางแผนที่จะใช้จังหวะเวลานี้ในการเพิ่มผลผลิตของเราที่เป็น Product ใหม่ โดย Utilize ไอ้ตัว Plant เดิม และก็ขายออกไปยังต่างประเทศเพื่อดูดซับไอ้ตัวปาล์มที่ล้นมาอยู่ในตลาด Optimization ภายใน Value chain ของเราในกลุ่ม * อาจจะเพิ่ม ไอ้ตัว Product ของเราที่เป็นพวก Fatty แอลกอฮอล์เนี่ย ส่งให้กับ Thai Toxylate มากขึ้น พยายามที่จะสร้างนะครับ ไอ้ตัว High Value Product จากไอ้ตัววัตถุดิบที่มีอยู่ อีกเรื่องหนึ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม ก็คือเราก็มีการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลนะครับ ที่ซื้อตัวผลปาล์มนะครับ ผลปาล์มสดจากเกษตรกรด้วยราคาที่ประกาศของหน่วยราชการผ่านทางการทำข้อตกลงนะครับกับทางคู่ค้าของเราที่เป็นโรงหีบโรงสกัดเนี่ยนะครับว่าให้ซื้อนะครับตัวผลปาล์มด้วยราคาที่ราชการประกาศ * **Q: ตัวผลิตภัณฑ์ราคาเพิ่ม High Value Product ที่ GGC จะผลิตออกมาในปีนี้มีอะไรบ้าง และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายเมื่อไหร่?** * A: (คุณกฤษฎา) ตอนนี้ตามแผนของเรานะครับก็มี Product ที่ทำตลาดอยู่แล้ว 1 ตัวตอนนี้ก็คือตัว Nutralis ซึ่งเป็นตัว Probiotic กับ Astaxanthin นะครับที่ ที่ทำตลาดอยู่ ตัวที่กำลังจะออกอีก 2 ตัวนะครับก็จะมีตัว Biosol ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พวก Sovent ที่ไปใช้ในผลิตภัณฑ์การเกษตรแล้วก็อุตสาหกรรมสีนะครับแล้วก็ตัวที่ 3 ก็จะเป็นตัว Alkyl Benzoate ซึ่งจะออกประมาณสักไตรมาส 4 ของปีนี้นะครับ * Food and Feed อันนี้ก็ ก็มีมีกลุ่มที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เราขายไปยังยังผู้ผลิตอาหารอะไรต่างๆ อยู่ส่วนหนึ่งแล้วนะครับก็ต่อ เนื่องมามาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาอันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทำลายแล้วนะครับ * Cosmetic ซึ่งอยู่ใน Pipeline ที่เราจะทยอยออกมานะครับ * Pharmaceutical ก็เช่นเดียวกันนะครับก็เป็นตัวที่เราอยู่ระหว่าง ศึกษาแล้วก็แล้วก็ดำเนินงานนะครับ * Industrial Product Industrial Product ก็จะอย่างที่ผมเรียนว่าเราจะมี Alkyl Benzoate นะครับกับในเรื่องของตัว Biosol นะครับที่ ที่ก็จะ Launch ออกในประมาณสักช่วงไตรมาส 3 ไตรมาส 4 นี้

หัวข้อคำถาม:

  1. แนวทางการแก้ไขผลขาดทุนในไตรมาสที่ 2
  2. การรับมือกับปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  3. แนวทางแก้ไขปัญหา Free Float ต่ำ
  4. การแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ
  5. ผลิตภัณฑ์ High Value ที่จะผลิตในปีนี้

โดยสรุป GGC เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ยังคงมุ่งมั่นในการปรับตัว พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด