บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ:

CHASE กำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ลดลงอย่างมาก เหลือเพียง 3.3 ล้านบาท (ลดลง 91.7%) สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจ NPL ลดลง และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้น

ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและหนี้ครัวเรือน:

เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย IMF ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงเหลือ 2.8% และเศรษฐกิจไทยเหลือ 1.8% หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยที่จำกัดการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ภาวะทางการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธุรกิจและครัวเรือน

รายได้รวมลดลง 4.4% เหลือ 192.5 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจ NPL ลดลง แต่บริษัทฯ สามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามหนี้ได้ ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงเล็กน้อย แต่ต้นทุนบริการและวิชาชีพเพิ่มขึ้นเนื่องจากการลงทุนฟ้องคดีความที่มากขึ้น ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สินทรัพย์ NPL และการบริหารจัดการหนี้:

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มูลค่าสินทรัพย์ NPL ตามสิทธิเรียกร้องคงเหลืออยู่ที่ 40,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% จากสิ้นปี 2567 บริษัทฯ ลงทุนซื้อพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพรวม 28.6 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดรับจาก NPL รวม 119.1 ล้านบาท (ลดลง 18.5%) ยอดมูลหนี้ที่ให้บริการติดตามทวงถามอยู่ที่ 15,833.5 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 18.0%)

ความเสี่ยงและโอกาส:

ความเสี่ยงหลักคือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและผลกระทบต่อการจัดเก็บหนี้ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โอกาสอยู่ที่การเติบโตของธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามหนี้ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การได้รับการรับรองเป็นสมาชิก CAC แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส

โดยสรุป การลดลงของรายได้จากธุรกิจ NPL และการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตฯ ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ มีการจัดการความเสี่ยงโดยการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามหนี้ และควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหาร อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตฯ ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและสามารถรองรับภาระหนี้สินได้อย่างเหมาะสม