บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
Globex ชี้เป้า TOP ที่ 31 บาท แม้กำไร Q1/68 อ่อนแอ!
P/E 5.36 YIELD 5.31 ราคา 35.75 (0.00%)
มุมมองหลัก: TOP ยังน่าสนใจลงทุน
GLOBLEX ยังคงแนะนำ "ซื้อ" หุ้น TOP โดยให้ราคาเป้าหมาย 31 บาท แม้คาดการณ์กำไรหลักในไตรมาส 1/2568 จะอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท ลดลงจาก 23.4 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2567 และ 8.6 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2567 เนื่องจากค่าการกลั่น (GRM) ที่อ่อนแอลง, ค่าพรีเมียมน้ำมันดิบที่สูงขึ้น, ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นที่ทรงตัว
ปัจจัยกดดันกำไร Q1/2568
กำไรในไตรมาส 1/2568 คาดว่าจะอ่อนตัวลงจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่:
1. GRM ตลาดลดลง: จาก 5.1 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรลในไตรมาส 4/2567 และ 9.0 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรลในไตรมาส 1/2567 เหลือ 3.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เนื่องจากการอ่อนตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน
2. ค่าพรีเมียมน้ำมันดิบสูงขึ้น: โดยเฉพาะน้ำมันดิบ Murban และ Arab Light
3. ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทรงตัว: ทั้งอะโรเมติกส์, LAB, และน้ำมันหล่อลื่น
รายการพิเศษช่วยหนุน Q1/2568 แต่ Q2/2568 อาจมีผลขาดทุนสต็อก
ในไตรมาส 1/2568 มีรายการพิเศษรวม 1.1 พันล้านบาท ได้แก่ กำไรจากสต็อก 0.7 พันล้านบาท, กำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ 80 ล้านบาท, กำไรจากการป้องกันความเสี่ยง 0.2 พันล้านบาท, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 20 ล้านบาท, และกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 0.2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะเกิดผลขาดทุนจากสต็อก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง
ความกังวลเกี่ยวกับอะโรเมติกส์และ GRM ใน Q2/2568
ในไตรมาส 2/2568 คาดว่ากำไรจากการกลั่นจะยังคงถูกกดดันจาก GRM ที่อ่อนแอ เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินที่แคบลง ในขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์ก็อาจเผชิญกับความท้าทายจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอและการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่ล่าช้า
โครงการ CAP และ CFP ยังเป็นปัจจัยกดดัน
GLOBLEX ยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อการลงทุน 15.37% ใน CAP เนื่องจากอัตรากำไรที่อ่อนแอ และคาดว่า CAP จะยังคงขาดทุนในปี 2568 นอกจากนี้ โครงการ CFP ยังคงล่าช้าและมีค่าใช้จ่ายเกินงบประมาณ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2571 และมีงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 241 พันล้านบาท
สรุป: คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ระวังความเสี่ยง
GLOBLEX ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น TOP โดยให้ราคาเป้าหมาย 31 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2568 ที่ 5 เท่า อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง ได้แก่ แนวโน้ม GRM ที่เป็นกลาง, ความเสี่ยงด้านกำไรจากธุรกิจเคมีภัณฑ์และน้ำมันหล่อลื่น, และผลกระทบทางการเงินจากความล่าช้าของโครงการ CFP