บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

SINO Logistics Corporation: สรุป Oppday มองเศรษฐกิจปี 2568 และกลยุทธ์ขยายธุรกิจ

SINO Logistics Corporation: สรุป Oppday มองเศรษฐกิจปี 2568 และกลยุทธ์ขยายธุรกิจ

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

SINO Logistics Corporation ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบดังนี้:

1. ผลกระทบเชิงบวก:
   • รายได้เพิ่มขึ้น 104% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
   • กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 29% จากปีที่แล้ว เป็น 485 ล้านบาท
2. ปัจจัยภายนอก:
   • การระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ค่าเฟรทสูงขึ้นในปี 2565 แต่ลดลงในปี 2566
   • Red Sea Crisis ทำให้ต้นทุนค่าเฟรทสูงขึ้น แต่บริษัทไม่สามารถปรับราคาได้เท่าปี 2566
3. ตัวเลขทางการเงินและสถิติ:
   • ปี 2566: ปริมาณขนส่ง 46,989 TEU
   • ปี 2567: ปริมาณขนส่ง 49,125 TEU (เติบโต 5% จากปี 2566)
   • รายได้ปี 2567: 3,695 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก 1,800 ล้านบาทในปี 2566)

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจมากมาย และมีกลยุทธ์ในการคว้าโอกาสเหล่านั้นดังนี้:

1. การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ:
   • จัดตั้ง Sino Worldwide Logistics Malaysia เพื่อขยายเครือข่ายในเอเชีย
   • อนุมัติการจัดตั้ง Sino Worldwide Logistics Vietnam เพื่อรองรับการเติบโตของการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา
2. การเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางอากาศ:
   • เพิ่มทุนให้กับ SNC Cargo Services และทำ M&A กับบริษัท Air Freight เพื่อเพิ่มปริมาณและอัตรากำไร
3. การขยายธุรกิจคลังสินค้า:
   • ขยายคลังสินค้าแบบ On-Demand และมีโครงการคลังสินค้าใหม่ 2 แห่งที่รอการอนุมัติจากลูกค้า

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

บริษัทกำลังเผชิญความเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน:

1. ความเสี่ยงด้านการตลาด:
   • การแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจ Air Freight
   • ความผันผวนของค่าระวางเรือที่ขึ้นอยู่กับ Demand และนโยบาย Trade War ของสหรัฐฯ
2. ความเสี่ยงด้านการเงิน:
   • ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีวิธีการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบดังนี้:

1. การบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน:
   • เพิ่มความเข้มข้นในการ Monitor อัตราแลกเปลี่ยน
   • ซื้อ Forward Sell USD ในช่วงที่เงินบาทอ่อนค่า
   • บริหารจัดการการรับเงินจากต่างประเทศให้มีสัดส่วนที่ควบคุมได้มากขึ้น
2. การกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ:
   • ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศและเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางอากาศ
   • เจาะตลาดลูกค้าในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายในการเติบโตในระยะยาวดังนี้:

• เป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในด้าน Logistics
• เพิ่มสัดส่วนรายได้จาก Air Freight เป็น 3%
• ขยายธุรกิจ Bulk Operator เพื่อเพิ่ม Market Share ในธุรกิจทางเรือ
• พัฒนา IT โดยใช้ Power BI Dashboard เพื่อให้ลูกค้าสามารถ Checking ได้แบบ Real-time
• ไม่ละเลยเรื่องของ ESG และ Sustainability

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 44:55]

1. มุมมองผู้บริหารต่อสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน (45:00)
   • ผู้บริหารมองว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่มากอย่างที่คิด สามารถรักษาปริมาณวอลลุ่มและกำไรสุทธิได้
   • ผลกระทบจากนโยบายของ Trump อาจทำให้เกิดความผันผวน แต่ไม่น่าจะเลวร้ายกว่าปีที่แล้ว
2. แผนขยายคลังสินค้า (46:00)
   • บริษัทมีแผนขยายคลังสินค้าแบบ On-Demand และมีโครงการคลังสินค้าใหม่ 2 แห่งที่รออนุมัติ
   • ร่วมมือกับ SCG WSD ในการให้บริการคลังสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ
3. สถานการณ์ค่าระวางเรือและปัจจัยที่ส่งผล (47:00)
   • ค่าระวางเรือลดลงมากในปัจจุบัน แต่ขึ้นอยู่กับ Demand จากเอเชียและนโยบาย Trade War ของสหรัฐฯ
   • มองว่าค่าระวางเรือน่าจะ Bottom Out แล้ว และสายการเดินเรือจะรักษาเสถียรภาพราคา
4. แผนขยายตลาดในอาเซียน (48:00)
   • บริษัทมีแผนขยายไปยังอินโดนีเซีย เพื่อให้ครอบคลุมทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
5. กลุ่มลูกค้าหลักและนโยบายกระจายความเสี่ยง (49:00)
   • ลูกค้าของบริษัทมีความหลากหลายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์
   • เน้นการพัฒนาลูกค้าในต่างประเทศและกระจายความเสี่ยงในกลุ่มอุตสาหกรรม

สรุป

SINO Logistics Corporation มีแผนการที่ชัดเจนในการขยายธุรกิจและรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ โดยเน้นการเติบโตในตลาดต่างประเทศ การเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางอากาศ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีความพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลกำไรที่ดีในอนาคต