EURO: เจาะลึกผลประกอบการปี 2567 ไตรมาส 4 สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2568

P/E 8.54 YIELD 5.39 ราคา 4.08 (0.00%)

โอเคครับ นี่คือสรุปผลการประชุม Oppday จากไฟล์เสียงที่ได้รับ ตามโครงสร้างและหัวข้อที่คุณกำหนด:

EURO: เจาะลึกผลประกอบการปี 2567 ไตรมาส 4 สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2568

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

EURO มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้า Ultra High Net Worth และ High Net Worth Individuals ในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนเกือบ 100,000 คน และมี wealth รวมกันประมาณ 40-55% ของประเทศ

  • ปัจจัยบวก: Aging Society และ Wellness Trend สนับสนุนความต้องการสินค้าเกี่ยวกับบ้านและการดูแลสุขภาพ
  • กลยุทธ์: ขยายสาขา, เพิ่มแบรนด์ใหม่ (B&O), โค-พาร์ทเนอร์ชิปกับแบรนด์ Luxury อื่นๆ (เช่น Zegna, Ferrari, Cartier)
  • ตัวเลขสำคัญ: รายได้รวม 1,280 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาทจากปีก่อน), Q4 รายได้ 391 ล้านบาท (New High), Gross Profit Margin 46.7%

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

EURO เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตจาก:

  • การขยายสาขา (Flagship stores): เปิดโชว์รูม Portotono Frou และ เตรียมเปิด Moteni&C (Flagship ที่ใหญ่ที่สุดในไทยและแห่งที่ 3 ในเอเชีย)
  • การเพิ่มแบรนด์ Lifestyle: B&O (Bang & Olufsen), Frette
  • กลุ่มลูกค้า Affluent: ไม่ใช่ Ultra High Net Worth แต่มีกำลังซื้อและให้ความสำคัญกับแบรนด์

กลยุทธ์:

  1. เน้น Home & Living และ Lifestyle
  2. ขยายสาขาไปยังทำเลศักยภาพ (ทองหล่อ, ภูเก็ต)
  3. ใช้ประโยชน์จากเทรนด์ Aging Society และ Wellness

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

  • งานก่อสร้างของลูกค้าล่าช้า: กระทบต่อรายได้ใน Stage 1 และ 2
  • ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น: จากการเปิดโชว์รูมใหม่ (ค่าเช่า, ค่าพนักงาน)
  • การแข่งขัน: ในตลาด Luxury Home & Living

ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น:

การชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้า

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

  • เพิ่ม B2C: เพื่อลดผลกระทบจากงาน B2B ที่ล่าช้า
  • บริหารค่าใช้จ่าย: มุ่งเน้น Economy of Scale
  • เพิ่ม Management: เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

ตัวชี้วัดความสำเร็จ:

  • การเติบโตของรายได้และยอดขาย (Double-Digit Growth)
  • Gross Profit Margin ที่ดีขึ้น

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

EURO วางเป้าหมาย Double-Digit Growth ในปี 2568 โดยมี Backlog เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก คาดการณ์ว่า Q2 และ Q3 จะเป็นไตรมาสที่ดีกว่าไตรมาสอื่นๆ

  • เทรนด์: Wellness จะยังคงเติบโต 15% ต่อปี
  • วิสัยทัศน์: เป็นผู้นำในตลาด Luxury Home & Living
  • Technogym: เปลี่ยนจาก Gym Company เป็น AI Company พัฒนา Training Experience

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [นาทีที่ 58:13]

  1. สาขาภูเก็ต: รายได้และกลุ่มลูกค้า

    ผู้บริหาร: เน้นขาย Technogym และ Moteni&C ชั้น 2 แบ่งระหว่าง Dedar, Janus et Cie, และ Baxter กลุ่มลูกค้า B2B (โรงแรม) มีสัดส่วนมากกว่า B2C (ลูกค้ารายย่อย)

  2. ทุกแบรนด์ที่ทำกำไรหรือไม่

    ผู้บริหาร: แบรนด์ใหญ่ทำกำไรแน่นอน แบรนด์เล็กเสริมในตึกใหญ่ อาจ discontinue หากขายไม่ดี

  3. บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตปี 2568 เท่าไร

    ผู้บริหาร: Double-Digit Growth

หัวข้อที่ถามและคำตอบ

  • Q: สาขาภูเก็ตมีรายได้เท่าไร และลูกค้าเป็นกลุ่มไหน
    • A: ภูเก็ตเน้น B2B โรงแรม 5 ดาว
  • Q: ทุกแบรนด์ของ EURO กำไรไหม
    • A: แบรนด์หลักกำไร แบรนด์ย่อยเสริมทัพ อาจตัดทิ้งหากไม่เวิร์ค
  • Q: EURO ตั้งเป้าการเติบโตปี 2568 อย่างไร
    • A: ตั้งเป้ารายได้โต Double Digit

โดยสรุป EURO มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนโดยใช้ประโยชน์จากเทรนด์ Wellness และ Aging Society พร้อมทั้งขยายสาขาและเพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า Luxury ในประเทศไทย

โพสต์ล่าสุด