MAGURO Opportunity Day สรุปผลประกอบการปี 2024 และแผนธุรกิจปี 2025

P/E 21.06 YIELD 1.31 ราคา 22.90 (0.00%)

MGRO Opportunity Day สรุปผลประกอบการปี 2024 และแผนธุรกิจปี 2025

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้จัดงาน Opportunity Day เพื่อรายงานผลประกอบการประจำปี 2024 และแผนธุรกิจปี 2025 โดยมีคุณจักกฤษณ์ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณทิพวรรณ ปากิกอง CFO ของบริษัท เป็นผู้ให้ข้อมูล

รายได้รวมปี 2024: สัดส่วนรายได้หลักมาจากแบรนด์ต่างๆ ดังนี้

  1. มากุโระ (แบรนด์หลัก): 57%
  2. ฮิโตริ ชาบู: 28%
  3. Something Together: 15%

จำนวนสาขา:

  1. มากุโระ: 18 สาขา (เปิดสาขาแรกปี 2015)
  2. Something Together: 6 สาขา (เปิดสาขาแรกปี 2021)
  3. ฮิโตริ ชาบู: 12 สาขา (เปิดบริการครั้งแรกปี 2022 มีการขยายสาขามากในปี 2024)
  4. ธงคัตสึ อาโอกิ: 1 สาขา (เปิดบริการปลายปี 2024) มีแผนขยายสาขาในปี 2025
  5. คูคู: 1 สาขา (เปิดตัวปลายปี 2024) เป็นร้านอาหารสไตล์ตะวันตก

ช่องทางการขาย:

  1. รับประทานที่ร้าน: 90%
  2. Delivery และ Catering: 8%
  3. Take Away: 2%

แบรนด์ใหม่:

  1. ธงคัตสึ อาโอกิ: ได้รับการตอบรับดีมาก มียอดขายเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่า 100% ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
  2. คูคู: ได้รับการตอบรับที่ดี มีลูกค้าต่อคิวในช่วงเวลาอาหาร

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมีแผนกลยุทธ์และแผนธุรกิจสำหรับปี 2025 โดยมีเสาหลัก 4 ประการ:

  1. Improve Same Store Sale Growth: เพิ่มยอดขายจากสาขาเดิม
  2. ขยายสาขา: ตั้งเป้าเปิดมากกว่า 10 สาขา
  3. Value Chain Optimization: ควบคุมต้นทุนและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  4. เปิดตลาดใหม่: เปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารใหม่ อย่างน้อย 1 แบรนด์ (อาจถึง 2 แบรนด์)

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงโดยตรงในส่วนนี้ แต่สามารถอนุมานได้ว่าความเสี่ยงหลักคือการแข่งขันในตลาดร้านอาหาร, ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ, และสภาวะเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

Same Store Sale Growth:

  1. เพิ่มจำนวนลูกค้า
  2. เพิ่มการใช้จ่ายของลูกค้า โดยการแนะนำเมนูใหม่ๆ, สินค้า Take Away เช่น หัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว, เครื่องดื่ม (ทั้งแบบสวีทและแอลกอฮอล์)
  3. ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ (ชาวต่างชาติ) ผ่านการตลาด
  4. เพิ่มโอกาสในการเข้าร้าน (Delivery Box, Catering)
  5. เพิ่ม Loyalty Program (New Membership, สิทธิพิเศษ)
  6. รวม Membership ของทุกแบรนด์ในเครือ

การขยายสาขา:

  1. เน้นทำเลที่มีศักยภาพ (Neighborhood Brand)
  2. ขยายสาขาในโซน CBD
  3. หาพื้นที่สำหรับโครงการ Flavorhood

Value Chain Optimization:

  1. ใช้วัสดุและ Packaging ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  2. เพิ่ม Productivity (Labor Cost)
  3. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (ลดการใช้พลาสติก, แยกขยะ)
  4. วิจัยและพัฒนาอาหาร (ใช้วัตถุดิบทางเลือก)
  5. สนับสนุนวัตถุดิบจากแหล่งในประเทศไทย

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ ESG (Environment, Social, Governance) มีการใช้พลังงานสะอาด, ควบคุม Waste, และจัดการวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:25]

  1. เป้ารายได้ปี 2025 และปัจจัยขับเคลื่อน:
    • เป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปี 2024
    • คาดว่าจะมียอดขายราว 1,800 ล้านบาท
    • ปัจจัยขับเคลื่อน: การขยายสาขา (ไม่ต่ำกว่า 10 สาขา), การสร้างแบรนด์ใหม่
  2. SSSG ในไตรมาส 1:
    • ยังติดลบอยู่ แต่ไม่ได้ทำให้บริษัทกังวลมากนัก
    • บริษัทติดตามตัวเลข SSSG เป็นรายสัปดาห์
    • ตลาดและเศรษฐกิจโดยรวมยังคงซบเซา
    • ยอดขายจากแบรนด์ใหม่ยังเติบโตได้ดี
    • Bottom Line ยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าเป้าหมาย
  3. ราคาแซลมอนในไตรมาส 1:
    • ราคาไม่ปรับตัวสูงขึ้นตามวงจรปกติ
    • ยังอยู่ในระดับ 300 กว่าบาท
    • ส่งผลดีต่อผลกำไรของบริษัท
  4. เหตุผลที่ไม่นำเข้าแซลมอนเอง:
    • ขั้นตอนการ set up ยุ่งยาก
    • การขอใบอนุญาตซับซ้อน
    • ต้องดูแลเรื่อง Logistics และความเสี่ยง
    • กำไรของผู้นำเข้า (Importer) ค่อนข้างบาง
    • การนำเข้าผ่านตัวกลางมีความคุ้มค่ามากกว่า
  5. แผนบริหารจัดการ Something Together:
    • แม้ไม่มีการเปิดสาขาใหม่ แต่ทุกสาขายังมีกำไร
    • มีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น
    • มีลูกค้าประจำ (แฟน Favorite) จำนวนมาก
    • ค่าก่อสร้างและงานระบบสูงกว่าแบรนด์อื่น
    • กลุ่มลูกค้าค่อนข้าง Mass มีผลกระทบด้านการเงินมาก
    • ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีในการขยายธุรกิจในกลุ่ม Mass
  6. โครงสร้างผู้บริหาร (Founder และ CEO):
    • Founder ทั้ง 4 ท่านทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
    • มีการ recruit ผู้บริหารระดับสูงในทุกสายงาน
    • จัดทำ Successor Plan เพื่อลดการพึ่งพิงความสามารถส่วนบุคคล
    • Founder ลดบทบาทหน้าที่ลง ไปเป็นกรรมการบริหารมากขึ้น
  7. ความมั่นใจในธงคัตสึ อาโอกิ:
    • อาหารหมูทอดเป็นที่นิยมในไทย
    • ตลาด Blue Ocean (คู่แข่งไม่มาก)
    • ความแตกต่าง (Differentiate) มากกว่าแบรนด์อื่น
    • Business Model มีกำไรในระดับที่ดี
  8. สัดส่วน Franchise Fee ของธงคัตสึ อาโอกิ:
    • มีการเก็บ Royalty Fee จาก Franchisee (MGRO)
    • Rate ไม่สูงมากนัก (สรุปเงื่อนไขกับญี่ปุ่น)
    • ไม่มีนัยยะสำคัญต่อผลประกอบการ

สรุป

บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2024 และมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนสำหรับปี 2025 โดยเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน, การควบคุมต้นทุน, และการขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทก็มีความมั่นใจในการบริหารจัดการและสร้างผลกำไรที่ดีในอนาคต

โพสต์ล่าสุด