บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

บมจ. ไทย โอ.พี.พี. (TOPP) แจ้งผลประกอบการปี 2567 กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงทำกำไรขั้นต้นได้ดีจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

ภาพรวมผลประกอบการปี 2567

TOPP รายงานกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 110.90 ล้านบาท ลดลง 1.36 ล้านบาท หรือ 1.2% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ทำได้ 112.26 ล้านบาท แม้กำไรสุทธิจะลดลง แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาการเติบโตของกำไรขั้นต้นได้จากบางกลุ่มธุรกิจ

รายละเอียดรายได้และกำไร

กำไรขั้นต้นรวมเพิ่มขึ้น: บริษัทมีกำไรขั้นต้นรวม 213.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.27 ล้านบาท หรือ 5.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ส่วนงานฟิล์มพลาสติก: กำไรขั้นต้น 113.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.04 ล้านบาท หรือ 3.7% เนื่องจากการควบคุมต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบได้ดีขึ้น
ส่วนงานสติกเกอร์: กำไรขั้นต้น 86.55 ล้านบาท ลดลง 0.71 ล้านบาท หรือ 0.8% เนื่องจากมียอดขายบางส่วนที่ใช้ต้นทุนวัตถุดิบราคาสูง
ส่วนงานหลอด: กำไรขั้นต้น 13.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.94 ล้านบาท หรือ 154.5% เนื่องจากการหาวัตถุดิบทดแทนในราคาที่ต่ำลงได้
รายได้อื่นๆ ลดลง: รายได้อื่นๆ 31.48 ล้านบาท ลดลง 4.49 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ค่านายหน้าจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายโซล่าร์เซลล์ลดลง และดอกเบี้ยรับลดลง
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น: ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 8.45 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงาน, ค่าวิจัยและพัฒนา และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
ผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น: มีกำไร 3.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.88 ล้านบาท จากปีก่อน
ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้าลดลง: ส่วนแบ่งกำไร 12.87 ล้านบาท ลดลง 3.12 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทร่วมทุนลดลง

ข้อสังเกตและประเด็นสำคัญ

TOPP สามารถเพิ่มกำไรขั้นต้นได้จากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นในส่วนงานฟิล์มพลาสติกและการหาวัตถุดิบทดแทนในส่วนงานหลอด อย่างไรก็ตาม การลดลงของรายได้อื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิโดยรวมลดลง

สรุป

โดยรวมแล้ว TOPP ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ แม้ว่ากำไรสุทธิจะลดลงเล็กน้อย การบริหารจัดการต้นทุนและการปรับตัวเพื่อหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ ยังคงเติบโตได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุถึงสินทรัพย์ หนี้สิน กระแสเงินสด ปัจจัยความเสี่ยง และโอกาสในการลงทุนของบริษัท