FSSIA หั่นเป้า SC Asset เหลือ 2.80 บาท คาดกำไร Q4/67 ซบเซา!

P/E 5.52 YIELD 7.27 ราคา 2.20 (1.85%)

ปรับลดประมาณการกำไรปี 67-69 เหตุ GPM กดดัน


ประเด็นสำคัญ

FSSIA คาดการณ์กำไรหลัก (core profit) ของ SC Asset ในไตรมาส 4/2567 จะลดลง 29% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และ 63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ซึ่งต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้น (gross profit margin: GPM) ที่อ่อนแอ นอกจากนี้ FSSIA ยังได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-2569 ลง 22-27% และปรับลดราคาเป้าหมาย (target price: TP) ของ SC Asset ลงเหลือ 2.80 บาท พร้อมปรับลดคำแนะนำ (rating) ลงเป็น "HOLD"

รายละเอียดการวิเคราะห์

ธัญญธร ส่งวุฒิ นักวิเคราะห์จาก FSS International Investment Advisory Securities (FSSIA) ประเมินว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 ของ SC Asset จะอยู่ที่ 522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% QoQ แต่ลดลง 39% YoY หากไม่รวมกำไรพิเศษ 165 ล้านบาทจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (fair value adjustment) ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (investment property) และการขายที่ดินให้กับกิจการร่วมทุน (joint ventures: JVs) กำไรหลักจะอยู่ที่ 357 ล้านบาท ลดลงอย่างมากจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรหลักประมาณ 500-600 ล้านบาท ปัจจัยกดดันหลักคือ GPM ที่ลดลงเหลือ 25.4% จาก 27.7% ในไตรมาส 3/2567 และ 29.6% ในไตรมาส 4/2566 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและการจัดโปรโมชั่นสำหรับโครงการแนวราบ (low-rise projects) มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม FSSIA คาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก JVs จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนผลประกอบการในไตรมาส 4/2567 โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 70 ล้านบาท จากผลขาดทุน 9 ล้านบาทในไตรมาส 3/2567 และกำไร 3 ล้านบาทในไตรมาส 4/2566 เนื่องจากการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ (transfer) โครงการคอนโดมิเนียม JV ขนาดใหญ่แห่งใหม่ คือ Reference Sathorn-Wongwianyai

เหตุผลในการปรับลดประมาณการ

FSSIA ปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2567-2569 ลง 27%/22%/22% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงการลดลงของ GPM ที่คาดการณ์ไว้ โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงและความต้องการที่ซบเซา โดยเฉพาะโครงการแนวราบ หลังจากการปรับลดประมาณการ คาดว่ากำไรหลักในปี 2567 จะอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท ลดลง 44% YoY และ 1.7 พันล้านบาท ในปี 2568 เพิ่มขึ้น 23% YoY นอกจากนี้ FSSIA คาดว่า SC Asset จะประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งน่าจะเป็นแผนที่ระมัดระวัง โดยคาดว่ามูลค่าโครงการใหม่ (new projects) จะลดลงเหลือ 25-30 พันล้านบาท (จาก 31.8 พันล้านบาทในปี 2567) โดยจะเน้นโครงการคอนโดมิเนียม (condo) มากขึ้น และโครงการแนวราบ (low-rise launches) น้อยลง รวมถึงให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายและการขายสินค้าคงคลัง (inventory sales)

คำแนะนำและราคาเป้าหมาย

FSSIA ปรับลดราคาเป้าหมายของ SC Asset ลงเหลือ 2.80 บาท (จากเดิม 3.20 บาท) โดยอิงจากค่า P/E (price-to-earnings ratio) ที่ 6.8 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต (historical average) ซึ่งบ่งชี้ถึง upside ที่น้อยกว่า 10% นอกจากนี้ SC Asset ยังขาดปัจจัยกระตุ้น (catalyst) ใหม่ๆ แต่มีปัจจัยลบ เช่น แนวโน้มที่ไม่น่าประทับใจในไตรมาส 4/2567 ความกังวลเกี่ยวกับการลดลงของ GPM และการปรับลดประมาณการโดย consensus ดังนั้น FSSIA จึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น "HOLD" เพื่อรอรับเงินปันผล (dividend) สำหรับครึ่งปีหลังปี 2567 (2H24E DPS) ที่ 0.11 บาท ซึ่งคิดเป็น dividend yield 4.4%

โพสต์ล่าสุด