บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SAUCE กำไรพุ่ง 11.71% ในไตรมาส 3/68 ยอดขายในประเทศหนุน
P/E 18.00 YIELD 4.68 ราคา 38.25 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ
บมจ.ไทยเทพรส (SAUCE) โชว์ผลงานไตรมาส 3 ปี 2568 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของยอดขายในประเทศและการลดลงของต้นทุนวัตถุดิบ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวและมีปัจจัยลบจากต่างประเทศเข้ามากระทบ
ผลประกอบการ SAUCE เติบโต
บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 3.90% หรือคิดเป็น 21.33 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยในไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 189.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.71% จาก 169.77 ล้านบาทในไตรมาส 3/2567
รายได้รวม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ลดลงเล็กน้อย 1.22% จาก 2,643.58 ล้านบาท เป็น 2,611.26 ล้านบาท โดยมียอดขายในประเทศและยอดขายอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 0.59% และ 6.41% ตามลำดับ ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศ ลดลง 18.02%
ต้นทุนขาย ลดลง 4.94% เนื่องจากการลดลงของราคาวัตถุดิบหลัก ในขณะที่ต้นทุนในการจัดจำหน่าย เพิ่มขึ้น 4.01% จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและค่าโฆษณา ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร ลดลง 1.18%
อัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้น จาก 37.97% เป็น 39.80% และอัตรากำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น จาก 20.66% เป็น 21.84%
ข้อสังเกตและปัจจัยที่ส่งผลกระทบ
SAUCE ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน
การเติบโตของยอดขายในประเทศมาจากช่องทางการจำหน่ายโมเดิร์นเทรดที่ เพิ่มขึ้น 8.13% ในขณะที่ช่องทางการจำหน่ายผู้ค้าส่งทั่วไป (ยี่ปั๊ว) ลดลง 6.75%
การลดลงของยอดขายต่างประเทศเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา
ต้นทุนขายที่ลดลงเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบหลักที่ลดลง เช่น ถั่วเหลือง พริก กระเทียมสด
บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี และได้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 1.79 บาท
บริษัทฯ มีอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนสูง และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดกว่า 512.59 ล้านบาท
สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเริ่มใช้งานคลังสินค้าอัตโนมัติ
สรุปสถานะทางการเงิน
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ลดลง จาก 0.102 ในปี 2567 เป็น 0.096 ในปี 2568 แสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ ไม่มีหนี้สินจากการกู้ยืม โดยใช้โครงสร้างเงินทุนส่วนใหญ่จากส่วนของผู้ถือหุ้น
สินทรัพย์รวม ลดลง 2.94% จาก 3,469.50 ล้านบาท เป็น 3,367.66 ล้านบาท