KIAT เจาะลึกธุรกิจขนส่งสารเคมี โอกาส และความท้าทาย ปี 2568

P/E 20.96 YIELD 6.96 ราคา 0.29 (0.00%)

KIAT เจาะลึกธุรกิจขนส่งสารเคมี โอกาส และความท้าทาย ปี 2568

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

เกียรธนาขนส่ง เริ่มต้นในปี 2537 (1994) ไม่ได้เริ่มจากการขนส่งวัตถุอันตราย แต่เริ่มจากการขนส่งสินค้าสำหรับเหมืองแร่ โดยมีผาแดงอินดัสทรีเป็นลูกค้ารายใหญ่

ต่อมาในปี 2547 (2004) เริ่มเข้าสู่การขนส่งวัตถุอันตราย โดย Takeover บริษัท Kemtrans ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสารเคมีของออสเตรเลีย ทำให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านเคมีภัณฑ์

ปี 2552 (2009) เข้าสู่ตลาด MAI และได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตลาด SET เรียบร้อยแล้ว

ปี 2559 (2016) เพิ่มบริษัทลูกชื่อ KGP ซึ่งเกียรธนาถือหุ้น 95% เป็นบริษัทด้าน Safety Technology ให้เช่า ขาย บริการอุปกรณ์ที่ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น

ปี 2561 (2018) Takeover บริษัท เก้าเจริญเทรด เปลี่ยนชื่อเป็น KT Trade ทำให้เข้าสู่การขนส่งทางรถไฟอย่างเต็มรูปแบบ

ปี 2566 (2023) เข้าสู่ sector freight forwarding ทั้งทางเรือและทางแอร์

ปัจจุบันบริษัทมีบริษัทลูก 3 บริษัท คือ KT Train, KGP และ เกียรธนาเทรดดิ้ง โดยเกียรธนาถือหุ้น 100% ใน KT Train และ เกียรธนาเทรดดิ้ง และถือหุ้น 95% ใน KGP

สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของบริษัทคือหัวลากประมาณ 300 กว่าหัว และหางลากหลายรูปแบบ 400 กว่าหาง นอกจากนี้ยังมี Warehouse ที่สระบุรีและบางปะอิน

บริษัทมีพนักงานประมาณ 3-400 คน และมี 9 สาขาในประเทศไทย

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**
  1. ขยายการขนส่งไปยังต่างประเทศ เช่น ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชา โดยเฉพาะลาวซึ่งเป็น Landlock country ต้อง import สินค้าผ่านไทย
  2. การขนส่งทางรถไฟ ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีสถานีรถไฟอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
  3. ธุรกิจ Chemical Trading ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทมีความรู้จักโรงงานสารเคมีจำนวนมาก ทำให้สามารถ sourcing วัตถุดิบให้ลูกค้าได้
  4. ธุรกิจ Safety Technologies โดยการนำกล้องจับหลับในมาใช้และจัดจำหน่าย ทำให้ลดอุบัติเหตุและสร้างรายได้เพิ่ม
  5. ขยายไปสู่ธุรกิจ LNG Expansion ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด และบริษัทมีประสบการณ์ในการขนส่ง LNG อยู่แล้ว
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

การแข่งขันในธุรกิจขนส่ง

ความผันผวนของราคาน้ำมัน

สถานการณ์ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและกฎระเบียบ

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**
  1. Diversify ธุรกิจไปยัง sector อื่นๆ เช่น freight forwarding และ LNG
  2. ทำสัญญาระยะยาวกับลูกค้า เพื่อให้มีรายได้ที่แน่นอน
  3. บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การซ่อมบำรุงรถเอง
  4. ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ
  5. หาแผนสำรองให้ลูกค้าในกรณีที่เกิดสถานการณ์ไม่ปกติ เช่น การปิดด่านชายแดน
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยเฉพาะ LNG และกำลังศึกษาการนำรถ LNG มาใช้ในการขนส่ง

บริษัทมีเป้าหมายที่จะเป็น Logistic ที่ครบวงจร ตาม Demand ของลูกค้า

บริษัทให้ความสำคัญกับ Safety และตั้งเป้าที่จะลดอุบัติเหตุให้เหลือน้อยที่สุด

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 43:26]**
  1. **ผลกระทบจากการขยายเส้นทางขนส่งน้ำมันทางท่อ:**

    คำถาม: ปัจจุบันมีการก่อสร้างขยายเส้นทางขนส่งน้ำมันทางท่อมากขึ้น จะมีผลกระทบต่อธุรกิจขนส่งน้ำมันของเกียรติหรือไม่ อย่างไร?

    คำตอบ: การขนส่งน้ำมันดิบเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจเกียรติ ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นการขนส่งสารเคมีต่าง ๆ และก๊าซอุตสาหกรรม นอกจากนี้ บริษัทยังมีการขนส่งทางรถไฟ และพยายามที่จะ diversify ไปในหลาย ๆ แขนง แม้จะมีเส้นทางขนส่งน้ำมันทางท่อเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของน้ำมันทั้งหมดในประเทศ และน้ำมันที่บริษัทขนส่งก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของรายได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่น่าจะกระทบมากนัก อีกทั้งสัญญาน้ำมันที่บริษัทขนส่งก็เป็นสัญญาระยะยาว จึงไม่น่าเป็นเรื่องที่บริษัทต้องกังวลใน 3-5 ปีนี้

  2. **ผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันดีเซลลดลง:**

    คำถาม: หากต้นทุนน้ำมันดีเซลลดลง จะเป็นบวกต่ออัตรากำไรของเกียรติหรือไม่?

    คำตอบ: สัญญาบริการของเกียรติส่วนใหญ่จะผูกกับราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากน้ำมันเป็นต้นทุนใหญ่ หากไม่ผูกไว้ ถ้าราคาน้ำมันขึ้น บริษัทก็จะแย่ ดังนั้นผู้ขนส่งหลายรายจะผูกค่าขนส่งไว้กับน้ำมัน ถ้าหากน้ำมันลดลง อัตรากำไรก็คงไม่ effect มาก เพราะสูตรมันผูกกันไปผูกกันมา แต่ก็อาจจะมี lagging effect เพราะสูตรน้ำมันที่บริษัทผูกไม่ได้ทันที เช่น วันนี้น้ำมันลง วันนี้ราคาขนส่งลง แต่อาจจะเป็นย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน แต่ภาพใหญ่แล้วมันจะไปในทิศทางเดียวกัน กำไรจะค่อนข้างคงที่

  3. **การแข่งขันในการขนส่งทางรถไฟ:**

    คำถาม: การขนส่งทางรถไฟมีการแข่งขันรุนแรงหรือไม่ คาดหวังการเติบโตอย่างไร?

    คำตอบ: การขนส่งทางรถไฟยังไม่มีคู่แข่งรุนแรงมาก แต่ก็มีคนเริ่มคิดอยากจะทำ อย่างไรก็ตาม ลูกค้าของเกียรติอยู่กับเกียรติเพราะมั่นใจในบริษัท มั่นใจว่าบริษัททำได้ ทำแล้วจะทำได้ดี ลูกค้าที่มาขนส่งทางรถไฟกับบริษัทก็เป็นลูกค้าที่อยู่กันมานาน 20 กว่าปี บริษัทก็ convince เขาว่าขนส่งทางรถไฟดีอย่างไร saving อย่างไร อุบัติเหตุน้อยลงได้อย่างไร เพราะมันมา 1 ขบวน แทนที่มันจะมารถ 30 คัน percentage การจะเกิด accident ก็เลยน้อยลง เกียรติพาเจ้าเนี้ยมาขนส่งทางรถไฟ ผ่านมา 3 ปี ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ volume เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การที่บริษัทจะหาลูกค้ารายใดรายหนึ่ง บริษัทก็มองว่าจะเติบโตไปกับลูกค้าด้วย ไม่ใช่เติบโตด้วยการเพิ่มจำนวนลูกค้า แต่อยากจะเติบโตไปกับลูกค้ารายเดิม ๆ ลูกค้ารายนี้ก็เติบโต เติบโต บริษัทก็หวังว่าจะเติบโตไปกับลูกค้า 1 2 และก็หวังว่าจะหาลูกค้ารายใหม่ ๆ ด้วย ที่มีวัตถุดิบเยอะ ๆ ให้บริษัทขนทางรถไฟ เพราะมันจะต้องเป็นสินค้าที่เหมือนกัน จากต้นทางเดียวกัน ปลายทางเดียวกัน แล้วก็ไปในทางราบ เพราะฉะนั้นลูกค้ารายประเภทนี้ก็มันมี แต่ว่าเขาอาจจะต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการ transition ตัวเองจากรถ เพราะทุกวันนี้เขาคงใช้รถในการขนส่ง ใช้รถ เปลี่ยนมาใช้ทางรถไฟ ซึ่งมันก็อาจจะใช้เวลานิดนึงกว่าจะ transition แต่ละบริษัทมา ซึ่งอันนี้บริษัทก็กำลังดูอยู่ แล้วก็กำลังขยายอยู่ ซึ่งถ้าดูงบ KT เทรด เติบโตขึ้นทุก ๆ ปี

  4. **แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง:**

    คำถาม: ในครึ่งปีหลัง คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะดีกว่าครึ่งปีแรกหรือไม่?

    คำตอบ: อาจจะตอบได้ยาก ตลาดขอให้ระมัดระวังการตอบคำถามที่ยังไม่ชัดเจนและไม่แน่นอน ทางผู้บริหารก็พยายามทำอย่างดีที่สุด หวังว่ามันจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก

  5. **สถานการณ์ปิดด่านไทย-กัมพูชา:**

    คำถาม: สถานการณ์ปิดด่านไทยกัมพูชามีผลกระทบทางบวกหรือลบต่อเกียรติอย่างไร?

    คำตอบ: ก็มีลูกค้าเหมือนกันที่บริษัทเข้าไปส่งในกัมพูชา แต่ว่าซึ่งตอนนี้ก็หยุดอยู่ แต่ตอนนี้บริษัทกำลังหาแผนสำรองให้ลูกค้า กำลังคุยกันอยู่เลย เพราะว่ายังไงโรงงานเขาอ่ะมันก็ต้องเปิด มันก็ต้อง run ของเขาก็ต้องใช้ บริษัทก็เลยอย่างที่บอกว่าบริษัทมีเปิดแผนก freight forwarding แล้วบริษัทก็เลยกำลังหาทางเรือไปส่งให้เขาอยู่ ซึ่งก็หวังว่าสถานการณ์นี้มันจะไม่ยืดเยื้อไปอีกนาน แต่อันนี้ก็เป็นลูกค้ารายเดียวของบริษัท แล้วก็ไม่ได้ คงคงไม่ได้กระทบกับงบการเงิน หรือภาพใหญ่ของบริษัท แต่แต่มีไหม มี มีอยู่หนึ่งราย ซึ่งกำลังหาทางส่งของให้เขาอยู่ ยังไงเขาก็ต้องใช้ เขาก็เดือดร้อนมากเหมือนกัน

โดยสรุป KIAT มุ่งเน้นการเป็นผู้ให้บริการ Logistic ครบวงจร โดยมีบริการหลักคือการขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตราย บริษัทมีโอกาสในการเติบโตในธุรกิจพลังงานสะอาด และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงและต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีปัจจัยท้าทายต่างๆ แต่บริษัทก็ยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

โพสต์ล่าสุด