ไขความลับผลประกอบการ RABBIT: โอกาสและความท้าทายในโลกธุรกิจปี 2568

P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 0.28 (0.00%)

ไขความลับผลประกอบการ RABBIT: โอกาสและความท้าทายในโลกธุรกิจปี 2568

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจบริการทางการเงินเพิ่มขึ้น 32% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 16% อย่างไรก็ตาม บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาท

การจำหน่ายสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2568 มีมูลค่า 11,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโรงแรมในทวีปยุโรป ที่ดิน และอาคารสำนักงานในไทย คาดว่าจะได้รับเงินจากการจำหน่ายสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 30,000 ล้านบาท

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

บริษัทได้จำหน่ายสินทรัพย์หลัก 2 รายการ ได้แก่ หุ้น Diplomat Prague SRO มูลค่า 67.5 ล้านยูโร และหุ้นของ Keystone Estate จำกัด ในสัดส่วน 50% มูลค่า 1,265 ล้านบาท

บริษัทมีแผนการจำหน่ายสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ในคอนโดมิเนียม

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมจำนวน 72 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการลดลงของรายได้ค่าเช่าจำนวน 26 ล้านบาท จากการขายอาคารสำนักงาน TST Tower

บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 89 ล้านบาท

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

บริษัทดำเนินงานตามแผนการจำหน่ายสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการทางการเงิน

บริษัทนำแอปพลิเคชันและเว็บเบสมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 2,600 ล้านบาทในปี 2568 โดยปัจจุบันมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 1,300 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของเป้าหมาย

บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนแบบผสมผสานและจัดการความเสี่ยงให้มีความเหมาะสม

ธุรกิจบริหารจัดการกองทุน (เมธา) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าหมายในการผลักดันสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้เพิ่มขึ้นสู่ 18,000 ล้านบาท

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:31:55]**
  1. **เงินปันผลสำหรับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์**

    **คำถาม:** ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ตั้งแต่ตอนจองซื้อ ถ้าน ณ ตอนนี้ขายหุ้นออกไปแล้วจะยังได้รับเงินปันผลที่ค้างอยู่ไหม

    **คำตอบ:** หุ้นบุริมสิทธิ์จะมีเงินปันผลสะสมอยู่ที่หุ้นละ 1.1 บาท หากนักลงทุนได้ทำการขายหุ้นไปแล้วจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการได้รับเงินปันผลในส่วนนี้

  2. **แผนการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์**

    **คำถาม:** ผู้บริหารคิดว่าเมื่อไหร่จะสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ได้ ถ้าคิดว่าไม่สามารถทำได้ จะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร

  3. **แนวทางการสร้างกำไรที่ยั่งยืน**

    **คำถาม:** ผู้บริหารคิดว่าจะทำอย่างไรให้บริษัทกลับมามีกำไรอย่างยั่งยืน แก้ไขปัญหาขาดทุนที่เหลือรัง

    **คำตอบ (รวมข้อ 2 และ 3):** การจ่ายเงินปันผลเป็นการจ่ายจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ซึ่งปัจจุบันมีขาดทุนสะสมประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท แต่ในทุกๆ ไตรมาส บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน หากติดตามงบการเงินของ Rabbit Holdings จะพบว่ามีการปรับปรุงแผนการดำเนินกลยุทธ์ตั้งแต่ช่วงโควิด โดยมุ่งเน้นไปที่อสังหาริมทรัพย์ควบคู่กับธุรกิจบริการทางการเงิน รายได้และผลการดำเนินงานส่วนใหญ่ยังคงมาจากอสังหาริมทรัพย์

    แม้ว่างบการเงินรวมจะมีตัวเลขเป็นบวก แต่บริษัทยังมีโครงสร้างทางการเงินที่ไม่เอื้ออำนวยเนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินค่อนข้างสูงและส่วนแบ่งผลขาดทุนจากการดำเนินงานในกลุ่มกิจการต่างๆ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาคือการทยอยขายทรัพย์สินที่ยังไม่ทำกำไรให้ชัดเจน ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อลดหนี้สินที่มีดอกเบี้ยและดอกเบี้ยจ่าย รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจในส่วนที่อาจจะไม่ได้ทำกำไร เพื่อให้บริษัทกลับมามีกำไรอย่างยั่งยืนในระยะยาว และจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ได้ในอนาคต โดยจะโฟกัสสำหรับธุรกิจที่ทำได้ดีมีกำไร เช่น อสังหาริมทรัพย์ในส่วนที่เป็นโรงแรมและการเช่า รวมถึงโฟกัสในธุรกิจบริการทางการเงินที่สามารถใช้ Synergy ใน BTS Group ได้

  4. **Keystone Estate และ BTS Group**

    **คำถาม:** Kingkeaw Asset บริษัทของ BTS เป็นฝ่ายเสนอซื้อ Keystone Estate ของ Rabbit Holding หรือฝั่ง Rabbit และอยากจะทราบว่าได้มีการแจ้งไหมว่าที่ทางฝั่ง BTS ซื้อไปจะมีการเอาไปทำกำไรต่ออย่างไร

    **คำตอบ:** ใน Thana City เป็นโครงการที่ BTS Group และบริษัทในกลุ่มร่วมกันทำ ซึ่งในส่วนของ Rabbit Holding มีธุรกิจโรงแรม ซึ่งอยู่ใน Thana City และมีธุรกิจที่เป็นการร่วมค้า 50% ร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างประเทศในการทำธุรกิจโรงแรม International Verso เนื่องจาก Rabbit Holding มีความต้องการที่จะปรับโครงสร้างทางการเงิน โครงสร้างทางธุรกิจ จึงได้มีการหารือกับ Shareholder ฮ่องกงว่าตัวโรงแรม International Verso ก็ดำเนินธุรกิจไป แต่จะมีในส่วนของบริษัท Keystone Estate ที่มีที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินสำคัญอยู่ในหลายๆ ส่วน ที่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการพัฒนา และคุยกับพาร์ทเนอร์แล้วมองไปในแผนอันใกล้ ก็ยังไม่ได้มีแผนในการจะพัฒนา ดังนั้น ตัวนี้ก็สำหรับทั้งคู่กับพาร์ทเนอร์มองว่า ถ้าสามารถที่จะขายตัวนี้ออกไป จะทำให้ได้มีกำไรและมี Cash Flow เพื่อที่จะมามุ่งในเรื่องของการบริหารโรงแรม International Verso ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับทั้งคู่ ในฐานะพาร์ทเนอร์ และเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้ง Rabbit Holding และผู้ถือหุ้นอีกฝั่งตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท Keystone Estate ออกไป

    ที่ดินอันนี้อยู่ในโครงการ Thana City ซึ่งก็จะมีโปรเจคหรือว่ามีที่ดินผืนอื่นๆ ที่ทาง BTS Group เป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้นวันนี้ก็เป็นความตั้งใจที่อยากจะขายออก และทาง BTS เองก็มีโครงการที่จะพัฒนาที่ดินและทรัพย์สินใน Thana City เพิ่มเติม ดังนั้น อันนี้ก็เป็น Win-Win Situation ที่ Rabbit ขายออก BTS ก็อยากได้ที่ดิน ซึ่งภายในโครงการ Thana City ของ BTS ก็จะมีโรงแรมซึ่งเป็นของ Rabbit Holding มีสนามกอล์ฟ มี Sport Club มีโรงเรียนนานาชาติ และมีที่ดินเปล่าอีกหลายๆ ผืน ซึ่งทาง BTS ก็มีแผนที่จะพัฒนาในหลายๆ อย่าง

  5. **เป้าหมาย Market Share ของ Rabbit Life**

    **คำถาม:** มีการตั้งเป้าหมายที่จะมี Market Share ในธุรกิจประกันชีวิตเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของทั้งตลาดในประเทศไทย และ Rabbit Life มีจุดแข็งอะไรที่จะนำไปแข่งขันกับเจ้าตลาดที่ครองตลาดประกันชีวิตอยู่แล้วบ้าง

    **คำตอบ:** ใน Long Term อยากจะขึ้นไปสู่อันดับที่ 1 ใน 10 ของผู้ที่แข่งขันอยู่ในตลาด และก็เป็น Target ที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งก็ Challenger ตลาดธุรกิจประกันชีวิตมีการแข่งขันสูง การจะ Move จากปัจจุบันไปถึงอันดับ 10 ก็ต้องใช้ความสามารถ Rabbit Life ก็จะทำในเรื่องของ Digital Platform ให้มากขึ้น รวมถึงการ Synergy กับ Product และ Service ต่างๆ ในกลุ่ม BTS ที่เข้าไปทำร่วมกัน และเรื่องของการ Recruiter Agent ในส่วนที่เรามีความเชี่ยวชาญ

  6. **แผนการรับ CEO ของ Rabbit Holding**

    **คำถาม:** ปัจจุบัน Rabbit Holding มีเพียงรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทางบริษัทมีแผนจะรับ CEO หรือไม่ หากมีการเปิดรับ กำลังมองหา CEO ประเภทไหน หรือมีประสบการณ์ในธุรกิจด้านไหนบ้าง และต้องการให้พัฒนาด้านไหนของบริษัท

    **คำตอบ:** ตอนนี้ยังไม่มีแผนจะเปิดรับ แต่หากมีแผน จะมองหาคนที่ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการทางการเงิน และเนื่องจากเป็นหนึ่งใน BTS Group ก็จะมีความคาดหวังว่าต้องมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจของ BTS Group ด้วย สามารถที่จะทำงานประสานกัน และดึง Synergy ต่างๆ ในกลุ่มมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับ Rabbit Holdings

  7. **ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Metha Asset Management**

    **คำถาม:** ขอข้อมูลเกี่ยวกับ Metha Asset Management เพิ่มเติมได้ไหม พอดีข้อมูลจากในเว็บไซต์ไม่ทราบเลยว่าทางฝั่งมีการถือหน่วยลงทุนอะไรบ้างและมีมูลค่าเท่าไหร่บ้าง หากมีการ Declared สัก Top 5 Holding พอจะเป็นไปได้ไหม

    **คำตอบ:** ลงทุน 50% กับกลุ่มผู้ลงทุนที่เป็น Shareholder อีกฝั่ง เป็นธุรกิจบริหาร Wealth Management และทรัพย์สิน เพราะฉะนั้นเรื่องการเปิดเผยข้อมูลไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะว่าเป็นเรื่องของความลับทางลูกค้า

  8. **แผนการลงทุนจาก Asset Divestment**

    **คำถาม:** หน้า 6 มีการเปิดเผย Asset Divestment ได้ทั้งหมด 30,000 ล้านบาท จะนำเงินไปลงทุนในธุรกิจอะไรบ้าง

    **คำตอบ:** สืบเนื่องมาจากที่เรียนแจ้งไปว่าหลังจากช่วงโควิด ก็มีการ Re-Strategy ในเรื่องของการลดการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ลง อาจจะไม่ขยายเหมือนช่วงก่อนโควิดที่ไปลงทุนค่อนข้างเยอะในต่างประเทศ รวมถึงทรัพย์สินที่อาจจะกระจายไปในหลายๆ ธุรกิจ มุ่งเน้นที่จะ Focus ในอสังหาริมทรัพย์ที่ทำได้ดีและสร้างกำไรให้กับองค์กร รวมถึงไปลงทุนเพิ่มในธุรกิจบริการทางการเงินที่น่าจะพอเชี่ยวชาญและใช้ประโยชน์จาก Synergy ใน BTS Group ได้

    ทรัพย์สินที่อยู่ใน Pipeline วัตถุประสงค์หลักคือเรื่องของการนำมาปรับโครงสร้างทางการเงิน เพราะว่ามีค่าใช้จ่ายทางด้านดอกเบี้ยและเงินกู้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งทำให้ Performance อาจจะยังไม่ได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ส่วนหนึ่งของ Asset Divestment จะนำมาเพื่อทำการปรับโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสม อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นการลงทุนเพิ่ม ซึ่งถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ จะต้องเป็น Focus ที่ทำได้ดีและทำให้เกิดกำไร ส่วนถ้าเป็นบริการทางการเงินในอนาคต ก็จะเป็นในส่วนที่เราทำได้และใช้ประโยชน์จากการ Synergy ในกลุ่ม BTS เช่นกัน

โดยสรุป Rabbit Holdings มีผลประกอบการที่ท้าทายในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงประสบปัญหาขาดทุนสุทธิ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการทางการเงิน โดยมีแผนการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินและกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อให้กลับมามีกำไรอย่างยั่งยืนในอนาคต

โพสต์ล่าสุด