บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SABINA ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ 2568: งบ Q2 ทรงตัว, ปรับกลยุทธ์รับมือตลาดผันผวน
P/E 12.86 YIELD 8.76 ราคา 15.30 (0.00%)
SABINA ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ 2568: งบ Q2 ทรงตัว, ปรับกลยุทธ์รับมือตลาดผันผวน
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**ธุรกิจของ SABINA ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบดังนี้:
- **ปัจจัยภายนอก:**
- สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
- การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชุดชั้นใน
- สถานการณ์ภายนอกประเทศ เช่น ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน
- **ปัจจัยภายใน:**
- การปรับโครงสร้างองค์กรในช่วงต้นปี
- การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย
ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญ:
- รายได้รวม: 1,693 ล้านบาท ลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร: 593 ล้านบาท คิดเป็น 35% ของรายได้
- Net Profit: 203 ล้านบาท ลดลง 15.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ถึงแม้รายได้รวมและกำไรสุทธิจะลดลง แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ทำให้ Gross Profit Margin สูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในหลายด้าน:
- การขยายช่องทาง NSR (Non-Store Retailing) ซึ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นและลดการพึ่งพาช่องทางค้าปลีกแบบดั้งเดิม
- การเติบโตของตลาด OEM (Original Equipment Manufacturer) โดยเฉพาะจากลูกค้าในสหรัฐอเมริกาที่ต้องการลดความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
- การขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น ฟิลิปปินส์
กลยุทธ์ที่บริษัทใช้ในการคว้าโอกาสเหล่านี้:
- มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ SABINA ในตลาดเอเชียและในประเทศ
- ผลิต OEM เฉพาะลูกค้าที่ให้ราคาดีและมีมาตรฐาน ESG
- เจรจาต่อรองราคาต้นทุนกับ Supplier เพื่อลดต้นทุนการผลิต
บริษัทกำลังเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายประการ:
- การแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์ต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
- ผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน
- ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงเหล่านี้:
- ยอดขายอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
- กำไรอาจลดลง
- ต้นทุนการผลิตอาจสูงขึ้น
บริษัทมีวิธีการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบดังนี้:
- การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
- การบริหารจัดการต้นทุนอย่างเข้มงวด
- การขยายช่องทาง NSR เพื่อลดการพึ่งพาช่องทางค้าปลีกแบบดั้งเดิม
- การสร้างแบรนด์ SABINA ให้แข็งแกร่งเพื่อเพิ่มความภักดีของลูกค้า
- การเจรจาต่อรองราคากับ Supplier เพื่อลดต้นทุนการผลิต
- การควบคุม Inventory เพื่อลดความเสี่ยงจากสินค้าคงค้าง
แนวโน้มของธุรกิจ SABINA ในอนาคต:
- คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นจากการขยายช่องทาง NSR และการเติบโตของตลาด OEM
- บริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ SABINA ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในตลาดเอเชีย
- บริษัทจะให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มกำไร
วิสัยทัศน์และเป้าหมายของบริษัท:
- เป็นผู้นำในตลาดชุดชั้นในในประเทศไทยและเอเชีย
- สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
- สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
-
**คาปิก 70 ล้านใช้ทำอะไรบ้าง**
- Software
- Renovate Shop
-
**แผนการเปิดสาขาใหม่และการ Renovate สาขา**
- แผนการเปิดสาขาใหม่ปี 2568 ตั้งเป้าไว้ 10 สาขา
- การ Renovate สาขา เป็นไปตามไตรมาส ไตรมาสละ 1-2 แห่ง ขึ้นอยู่กับสัญญาเช่ากับห้าง
-
**การลงทุนเครื่องจักรอัตโนมัติ ROI จะคืนทุนกี่ปี**
- เป็นการใช้เครื่องจักรหลากหลาย ไม่ได้มีเครื่องจักรแบบเครื่องเดียวผลิตชุดชั้นใน
- คำนวณจากการใช้เครื่องจักรทดแทนการใช้พนักงานโรงงานกี่คน
-
**มีแผนกู้เงินเพิ่มหรือไม่ในการขยายตลาดต่างประเทศ และจะใช้เงินสดสะสมหรือไม่**
- การขยายตลาดต่างประเทศ ไม่ได้ใช้เงิน เป็นการ Deal กับ Dealer หรือตัวแทนจำหน่าย หรือ M&A แล้วแต่
- เป็นการขายมากกว่าการไปตั้งฐานการผลิต จึงไม่ได้ใช้เงิน
-
**ช่วงที่เหลือของปี จะมีการใช้งบโฆษณาการตลาดมากขึ้นหรือไม่ หรือกระตุ้นยอดขายหรือไม่**
- ครึ่งปีหลังยังมีแผนออกสินค้าใหม่และมีแคมเปญต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 4
- คง Balance สร้างสมดุลทั้ง 2 ส่วน ในครึ่งปีแรกมีแคมเปญทุกไตรมาส และเกือบทุกเดือนมี Product ใหม่
- เดือนสิงหาคม เปิดตัวแคมเปญ ส่งแคมเปญตัว Bareless และวันเสาร์นี้จัด Event ที่ส่งวาด
- ยังมีการใช้เงิน แต่มีการควบคุม และใช้เงินเป็นลักษณะของการเจาะกลุ่มเฉพาะกลุ่ม มากกว่าใช้โฆษณาทางโทรทัศน์
- สิ้นปีมีไม่ต่ำกว่า 3-4 แคมเปญที่จะ Launch ออกมา
-
**ภาพรวมถึงสิ้นปี รายได้จะจบที่เท่าไหร่ และจะเติบโตได้หรือไม่จากปีก่อน**
- ยังคาดหวังว่าจะโตกว่าปีก่อน
- เป้าหมายพยายามไปให้ถึงปีก่อนให้ได้ก่อน
- ความยากคือเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ค่อนข้างเยอะ
- พยายามปรับปรุงส่วนที่ควบคุมได้เพื่อทดแทน
- External มีผลกระทบในภาพเชิงกว้างค่อนข้างเยอะ
- หากบรรยากาศต่างๆ ดีขึ้น ค่อยๆ ดีขึ้น อาจจะมีช่วงระยะเวลาให้ Speed Up ขึ้นมาทดแทน 6% ที่หายไปได้
-
**สถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทมองว่าสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจคืออะไร และควรให้ความสำคัญกับเรื่องใดเป็นหลัก**
- การสร้างสมดุล ทุกๆ เรื่องมีดีมีไม่ดีหมด ถ้าเราสมดุลมันได้
- Balance สิ่งที่เป็นอยู่ได้ เชื่อว่าภาพของสุขภาพเหมือนที่ คุณบุญชัย พูด
- น้ำหนักลด แต่ไม่ได้ไม่แข็งแรง แข็งแรงขึ้น
- ในวิกฤตก็จะมีโอกาสซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ
- ต้องรู้ตัวเราเองก่อน และปรับตัวเอง สิ่งที่ควบคุมไม่ได้เราทำไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือถ้ารู้ตัวเราเอง และปรับสมดุลของตัวเราเองให้สอดคล้องกับสิ่งที่เปลี่ยนไปภายนอก เพื่อให้สภาวะที่ดูโดยรวมสมดุล เชื่อว่ายังคงอยู่ได้แข็งแรง
-
**จาก Slide Q1 เห็นว่าจะผลิต 7.9 ล้านชิ้น พอ Q2 ทำไมเหลือ 7.37 ล้านชิ้น**
- OEM ยังมาไม่เยอะ จึงดึง Outsourcing มาผลิตเอง
- หลังจากได้รับ Order เพิ่มมากขึ้นใน OEM ใน Q2 และ Q3
- การผลิต OEM ได้ Margin สูง และงานบางงานที่คนอื่นผลิตให้ได้ในคุณภาพที่ควบคุมได้ จึงผลักออก
- ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดี การควบคุม Inventory มีส่วนสำคัญ จึงลดผลิตจากแผนใน Q1 มา Q2
-
**สินค้าของ SABINA ถือเป็นสินค้าเปลี่ยนถ่ายหรือไม่ ต้องโดนภาษีเพิ่มหรือไม่**
- สินค้าของ SABINA ไม่ใช่สินค้าเปลี่ยนถ่าย
- ถ้าซื้อมาจากต่างประเทศก็เอามาขายเอง
- ถ้าผลิตแล้วก็ส่งออกไปต่างประเทศ จึงไม่มีผลอะไร
โดยสรุป, SABINA กำลังเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและการแข่งขันที่รุนแรง แต่บริษัทยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตและมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง การมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์, การบริหารจัดการต้นทุน, และการขยายช่องทาง NSR จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต