บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TTB กำไรปี 68 ทรงตัว! หยวนต้าแนะ "Trading" มองธุรกิจปรับตัวดีกว่าคู่แข่ง
P/E 9.16 YIELD 6.73 ราคา 1.98 (0.00%)
ผลประกอบการ Q4/67: คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น คุม NIM ได้ดี
TTB รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 จำนวน 5,112 ล้านบาท โต 5% YoY แต่ลดลง 2.3% QoQ ใกล้เคียงกับที่หยวนต้าและตลาดคาด บริษัทควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี สะท้อนจาก NPL Ratio ที่ลดลงจาก 3.2% ใน 3Q24 เหลือ 3.1% และปริมาณลูกหนี้ Stage 2 ที่ทรงตัว ทำให้แม้จะมีการตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) ก็ยังมีการตั้งสำรองที่ลดลง 1.6% QoQ คิดเป็น 0.66% (vs 3Q24 ที่ 1.5%) TTB มีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโต 5.1% QoQ หลักๆ มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจนายหน้าขายประกันและกองทุนรวม รวมถึงมีกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น 66.5% QoQ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวบางส่วนถูกหักล้างด้วยผลลบจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 2.8% QoQ จากการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น และรายได้ดอกเบี้ยรับที่ลดลง 1.8% QoQ หลังสินเชื่อรวมลดลง 1% QoQ ตามนโยบายเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ ขณะที่ NIM ยังทรงตัวที่ 3.3% จากการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ
มุมมองและกลยุทธ์: เน้นสินเชื่อผลตอบแทนสูง ลดความเสี่ยง
หยวนต้าคาดกำไรสุทธิของ TTB ในปี 2568 ที่ 21,149 ล้านบาท ทรงตัว YoY จุดเด่นของ TTB คือการมีสิทธิทางภาษีคงเหลืออีก 1.2 หมื่นล้านบาท ที่สามารถทยอยรับรู้ได้ถึงปี 2571 เป็นปัจจัยเสริมเฉพาะตัวที่ช่วยชดเชยกำไรจากการดำเนินงานที่โตได้อย่างจำกัด เนื่องจากมีแรงกดดันจากแนวโน้มดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทยอยปรับตัวลงตามดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้บริษัทพยายามลดผลกระทบดังกล่าวด้วยการปรับสัดส่วนของสินเชื่อไปยังกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงมากขึ้น เช่น สินเชื่อในกลุ่ม Car For Cash และ Home For Cash ซึ่งเป็นสินเชื่อเพิ่มเติม (Top Up) ให้กับลูกหนี้เดิมที่มีประวัติการชำระเงินดี ทำให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น โดยที่ความเสี่ยงไม่เพิ่มขึ้นมากนัก ขณะเดียวกันบริษัทยังคงทยอยลดสัดส่วนของสินเชื่อ SME ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที
หยวนต้าคงมุมมองเชิงระมัดระวังต่อหุ้นธนาคารขนาดกลาง/เล็กที่มีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สูง เพราะคาดแนวโน้มยอดขายรถยนต์ใหม่ยังไม่ฟื้นตัว แต่ TTB ถือว่ามีการปรับรูปแบบธุรกิจดีกว่าคู่แข่ง ทั้งการลดต้นทุนทางการเงิน, ลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน และการปรับสัดส่วนสินเชื่อของพอร์ต ทำให้ยังคงคำแนะนำ "TRADING" โดยคงมูลค่าพื้นฐานเดิมที่ 2.12 บาท คาดจะจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิปี 2567 หุ้นละ 0.07 บาท คิดเป็น Div. Yield 3.8%