บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday หุ้น Fortune Parts Industry (FPI) Q2/2568: โอกาสและความท้าทายในโลกยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลง
P/E 7.06 YIELD 4.91 ราคา 1.63 (0.00%)โอเคครับ เริ่มเลยนะครับ!
สรุป Oppday หุ้น Fortune Parts Industry (FPI) Q2/2568: โอกาสและความท้าทายในโลกยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลง
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ FPI ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบ โดยปัจจัยหลักที่มีผลต่อธุรกิจมีดังนี้:
- ปัจจัยบวก:
- การเติบโตของยอดขายกลุ่ม Injection (การฉีดพลาสติก) สูงถึง 27%
- การลงทุนในอินเดียส่งผลให้ Capacity เพิ่มขึ้นเกือบ 120%
- การได้ประโยชน์จาก Reciprocal Tariff ทำให้บริษัทจีนสนใจย้ายฐานผลิตมาไทย
- การเจรจาการค้าสำเร็จ ทำให้ไทยไม่เสียเปรียบด้านภาษีมากนักเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
- ปัจจัยลบ:
- ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไร (FX Loss) ประมาณ 40-50 ล้านบาท
- OEM (Original Equipment Manufacturer) ชะลอการผลิต ทำให้ยอดขายกลุ่ม Painting และ Plating ลดลง
- ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) เพิ่มขึ้น
ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญ:
- รายได้รวม 6 เดือนแรก: 1,283 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ (งบรวม): 141 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ (เฉพาะกิจการ): 159 ล้านบาท
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
FPI มองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญหลายด้าน:
- การเติบโตของตลาดรถยนต์ในอินเดีย โดยเฉพาะโครงการของ Toyota ที่จะเริ่มผลิตในเดือนกันยายน
- การขยายตลาดในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับการรับรอง Mobility License ในวันที่ 10 กันยายน และเริ่มก่อสร้างโรงงานในเดือนเดียวกัน
- การใช้ประโยชน์จาก Reciprocal Tariff ดึงดูดบริษัทจีนให้ย้ายฐานผลิตมาไทย เพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา
- การเติบโตของตลาด Aftermarket ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- การเป็นที่ปรึกษาในโครงการ Jump Plus ช่วยสร้างรายได้และเสริมสร้างความยั่งยืน
กลยุทธ์ที่ใช้ในการคว้าโอกาส:
- การลงทุนในเทคโนโลยีและเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ
- การขยายตลาดไปยังภูมิภาคใหม่ๆ เช่น ซาอุดีอาระเบีย
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
FPI ตระหนักถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:
- ความผันผวนของค่าเงินบาท
- การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
- การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมยานยนต์
- การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี เช่น การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
- ความเสี่ยงด้านการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:
- รายได้และกำไรลดลง
- ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
- ส่วนแบ่งการตลาดลดลง
- การลงทุนในโครงการใหม่ล่าช้า
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
FPI มีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:
- การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยง (Hedging)
- การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน
- การ Diversify ฐานลูกค้าและตลาด
- การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
- การติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ตัวชี้วัดความสำเร็จ:
- การเติบโตของรายได้และกำไร
- การลดต้นทุนการผลิต
- การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด
- การขยายฐานลูกค้าและตลาด
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
FPI มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น:
- เป้าหมายรายได้ปี 2568: 3,000 ล้านบาท
- เป้าหมายรายได้ปี 2569: 3,300 ล้านบาท (รวมรายได้จากซาอุดีอาระเบีย)
- เป้าหมายรายได้ปี 2571: 4,200 ล้านบาท
บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ และลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:
- การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Footprint)
- การใช้พลังงานหมุนเวียน
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 57:16]
ลูกหนี้การค้าที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในอินเดีย
ผู้บริหาร: บริษัทลูกที่อินเดียขาดทุนต่อเนื่องมา 5 ปี แต่ FPI สนับสนุนด้านการเงิน ทำให้ RPG ของอินเดียเพิ่มขึ้น คาดว่าปีหน้าอินเดียจะเริ่มจ่ายเงินคืนให้บริษัทแม่
ลูกหนี้การค้า 3 เดือน 6 เดือนที่ออกมา
ผู้บริหาร: ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ในไทยให้เครดิตยาวนาน เพราะถูกสปอยจากไต้หวันมา 30 ปี หนี้เสียของบริษัทน้อยมาก ไม่เกิน 1% ส่วนใหญ่เกิดในกลุ่มประเทศเสี่ยง
โครงการซาอุดีอาระเบียเหมือน Elgorri ไหม
ผู้บริหาร: โครงการซาอุฯ ต่างจาก Elgorri ที่ล้มเหลวเพราะ GM เข้า Chapter 11 ซาอุฯ มีความมั่นคงทางการเงินกว่า และ FPI จะเป็น Supply Chain ของ CMOTER คาดว่าจะได้รับ Order ในปีหน้า
SG&A เพิ่ม แต่ยอดขายลดลง
ผู้บริหาร: ค่าระวางที่เพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของ SG&A ปีนี้รายได้จากค่าเฟรดหายไป เพราะค่าเฟรดไม่ผันผวนมาก ทำให้ SG&A เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้ลดลง
ผลประกอบการอินเดีย Q3 และ Q4
ผู้บริหาร: อินเดีย Q2 น่าจะเป็นบวกแล้ว และ Q3 Q4 ทุกบริษัทในเครือจะเป็นกำไร
งบลงทุนที่ซาอุดีอาระเบีย
ผู้บริหาร: ตั้งใจไว้ 15 ล้านเหรียญ อาจถึง 20 ล้านเหรียญ เพราะต้องลงทุนแม่พิมพ์เพิ่ม
มาตรการทรัมป์กระทบ FPI ไหม
ผู้บริหาร: ไทยไม่ได้เสียเปรียบ FPI จะใช้ฐานไทยหรือซาอุฯ ส่งไปอเมริกา ไม่ใช้ฐานอินเดีย เพราะอินเดียโดนภาษี 50%
ยอดขายครึ่งปีหลัง 1,700 ล้านบาท
ผู้บริหาร: อินเดียจะโตเท่าตัว ไทยมี Toyota 581D เข้ามา เป็นตัวหลักดันยอดขาย ตั้งเป้าไว้ 3,000 ล้านบาท แต่บาทแข็งทำให้เป้าหายไป แต่ Q3 Q4 เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่ยอดขายสูงที่สุด เดือนกันยายนเป็นเดือนที่ยอดขายสูงที่สุดในอินเดีย
ลูกหนี้ต่างประเทศและสำรอง
ผู้บริหาร: เดือน 7 เดือน 8 เก็บหนี้ยาวได้มากขึ้น การสำรองหนี้จะไม่เพิ่มขึ้น
บาทแข็งเป็นอุปสรรคไหม
ผู้บริหาร: บาทแข็งเป็นอุปสรรค ผู้ส่งออกเจ็บตัวหมด จะคุยเรื่องนี้กับผู้ว่าการแบงค์ชาติคนใหม่
โครงการ Jump Plus คืออะไร
ผู้บริหาร: เป็นโครงการของตลาด ช่วยบริษัทเติบโตใน 3 ปี ได้เงินจาก CMDF 5 ล้าน FPI เข้าโครงการนี้และเป็นที่ปรึกษาด้วย
เครื่องมือการแพทย์เป็นอย่างไร
ผู้บริหาร: สมาคมชิ้นส่วนยานยนต์มีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มเครื่องมือแพทย์ FPI ยังเน้นชิ้นส่วนยานยนต์ แต่ก็เอาไลน์ชุบไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น เช่น สุขภัณฑ์
ปัจจุบันธุรกิจอะไรดี
ผู้บริหาร: ปีนี้หนักมากสำหรับทุกอุตสาหกรรม ยอดส่งออกโต 17% ส่วนใหญ่มาจากจีน เน้นจับตลาดต่างประเทศ ตลาดในประเทศอิ่มตัว
การบริหารจัดการ FPI ทำอย่างไร
ผู้บริหาร: Diversify สินค้า ไปในสิ่งที่ FPI ทำได้โดยที่คู่แข่งทำไม่ได้
หัวข้อคำถาม
- ลูกหนี้การค้า
- Elgorri vs ซาอุ
- SG&A
- ผลการดำเนินงาน Q3, Q4
- งบลงทุน
- มาตรการทรัมป์
- รายได้ครึ่งปีหลัง
- ลูกหนี้ต่างประเทศ
- บาทแข็ง
- โครงการ Jump Plus
- เครื่องมือการแพทย์
- สถานะธุรกิจปัจจุบัน
- การบริหารจัดการ FPI
โดยสรุป FPI กำลังเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกหลายประการ แต่บริษัทก็มีโอกาสที่จะเติบโตจากตลาดใหม่ๆ และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ การบริหารจัดการความเสี่ยงและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของ FPI ในอนาคต