CPAXT สรุปผลประกอบการ Q2/2568: ขยายฐานลูกค้า คว้าโอกาส เติบโตอย่างยั่งยืน

P/E 15.71 YIELD 3.27 ราคา 16.20 (0.00%)

CPAXT สรุปผลประกอบการ Q2/2568: ขยายฐานลูกค้า คว้าโอกาส เติบโตอย่างยั่งยืน

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา CPAXT เผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและกำลังซื้อที่ลดลง รวมถึงสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องดื่มและสินค้าคลายร้อน ยอดขายต่อสาขาเดิม (Same Store Sales Growth) ของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกติดลบหรือทรงตัว แต่หากไม่รวมผลกระทบจากสินค้าคลายร้อน ทั้งสองกลุ่มธุรกิจยังคงมีการเติบโตเล็กน้อย

ยอดขายรวมในไตรมาส 2 อยู่ที่ 129,080 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสาขาใหม่และยอดขายนอกร้านที่เติบโตขึ้น ธุรกิจค้าส่งมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 2.4% เติบโตในทุกหน่วยธุรกิจ ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตมาจากสาขาใหม่ของแม็คโครในประเทศไทย การขยายตัวของยอดขายนอกร้าน และยอดขายสินค้าอาหารสด, Private Label และ Exclusive Brand

ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายเพิ่มขึ้น 1.7% เติบโตได้ดีทั้งในไทยและมาเลเซีย ปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือการขยายตัวของยอดขายออนไลน์ รวมถึงอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในมาเลเซีย

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

CPAXT มองเห็นโอกาสในการเติบโตจากยอดขายนอกร้าน (Omni Channel) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนต่อยอดขายเพิ่มเป็น 21% นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าอาหารสดยังคงมีการเติบโตในระดับ 10% จากการนำเสนอสินค้าที่มีความแตกต่างและการเติบโตของกลุ่มสินค้า Private Label

บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น ผ่านการเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์และการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จำนวนลูกค้าสมาชิกที่ลงทะเบียนกับ CPAXT เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดสะสมกว่า 31 ล้านราย

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

CPAXT เผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาคที่กดดันการเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมค้าปลีก รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด การชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและความสามารถในการเติบโตของธุรกิจ

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

CPAXT มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Label การนำเสนอสินค้าคุณภาพในราคาประหยัด และการปรับปรุงสาขาให้ทันสมัยเพื่อดึงดูดลูกค้า

บริษัทมีการปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น รวมถึงผู้บริโภคทั่วไปและผู้ค้าปลีกรายย่อย

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

CPAXT ตั้งเป้าที่จะขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งการขยายเครือข่ายสาขา การขยายการขายนอกร้าน (Omni Channel) การพัฒนา Shopping Mall และ Smart Community Center การนำเสนอสินค้าคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า และการขยายฐานลูกค้า

บริษัทมีแผนที่จะใช้ AI เข้ามาบูรณาการในทุกกระบวนการธุรกิจ และมองหาโอกาสที่จะขยายการเติบโตในระดับภูมิภาค

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):** * **เริ่ม Q&A นาทีที่ 41.26** * **การเปิดสาขาใหม่:** * Q: ช่วงที่เหลือของปี จะมีการเปิดสาขาใหม่อีกกี่แห่ง? * A: ครึ่งปีหลัง ธุรกิจค้าส่งมีแผนเปิด 2 สาขาในประเทศ และ 1 สาขาในต่างประเทศ ส่วนธุรกิจค้าปลีก มีแผนเปิดสาขาขนาดใหญ่ 2 แห่ง, ซูเปอร์มาร์เก็ต 2 แห่ง และ Go Fresh 157 แห่ง * **ผลกระทบจากกัมพูชา:** * Q: การดำเนินงานในกัมพูชาเป็นอย่างไร, สัดส่วนรายได้จากกัมพูชาเท่าไหร่, และได้รับผลกระทบหรือไม่? * A: ธุรกิจในกัมพูชาดำเนินการมานาน มีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง มี 3 สาขาที่เปิดบริการปกติ ยอดขายเดือนกรกฎาคมเติบโตในระดับ Mid Single Digit สินค้าส่วนใหญ่มาจาก Sourcing ในประเทศกัมพูชา และนำเข้าจากต่างประเทศโดยตรง สัดส่วนรายได้จากกัมพูชาต่ำกว่า 1% ไม่กระทบต่อภาพรวมผลประกอบการ * **การเติบโตของออนไลน์:** * Q: อะไรคือสิ่งที่ทำให้ CPAXT ทำได้ดีกว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในการเติบโตของออนไลน์? * A: เครือข่ายที่มีกว่า 2,600 สาขาในไทย เป็นจุดกระจายสินค้า (Micro Fulfillment Center) ลูกค้าสามารถสั่งสินค้า On Demand, ส่งภายใน 1-3 ชั่วโมง, มีบริการ Same Day และ Next Day มีความหลากหลายของบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และความแข็งแกร่งในด้านอาหารสด ที่มีการควบคุมคุณภาพ และ Tracking ที่ดี * **แนวโน้มธุรกิจ:** * Q: แนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังเป็นอย่างไร? * A: คาดว่าครึ่งปีหลังยอดขายจะดีกว่าครึ่งปีแรก อัตรากำไรน่าจะดีขึ้น เริ่มขายสินค้าที่มี Margin สูงขึ้น เช่น อาหาร, อาหารพร้อมทาน และสินค้าแบรนด์ของตนเอง มีการนำเข้าสินค้าตรง และลดคนกลาง ช่วยลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ * **เป้าหมาย Private Label:** * Q: เป้าหมายการขยาย Private Label เป็นอย่างไร และเป็นประเภทใด? * A: ปัจจุบัน Private Label มียอดขายเกือบ 16% ตั้งเป้าในอีก 5 ปีข้างหน้าเพิ่มเป็น 40% โดยเน้นสินค้า Food เป็นหลัก (Ready To Cook, Ready To Break, Ready To Eat) และ General Merchandise ที่มี Margin ดี นอกจากนี้ยังมองเทรนด์ Organic & Wellness และมีแบรนด์พรีเมียม "Erogo" ที่นำเข้าสินค้า Premium * **สภาวะการแข่งขัน:** * Q: สภาวะการแข่งขันของตลาดเป็นอย่างไร? * A: ยังมีการแข่งขันสูง เนื่องจากเศรษฐกิจโตอย่างจำกัด แต่ CPAXT ใช้จุดแข็งของตนเองมาแข่งขัน เช่น การเติบโตของธุรกิจออนไลน์, เครือข่ายที่ครอบคลุม, ความเชี่ยวชาญด้านอาหาร และพยายามดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยลูกค้าที่ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นถึง 3.2 ล้านคน * **การยกเลิกรายงาน Synergy:** * Q: ทำไมถึงยกเลิกรายงานการแจ้ง Synergy? * A: ผลประโยชน์จากการควบรวมบริษัทถูกฝังเข้าไปในโมเดลธุรกิจแล้ว การแยก Synergy ออกมาทำได้ยาก ผู้บริหารจึงมุ่งเน้นที่การทำยอดขายให้เติบโต เพิ่ม GP Margin, ลด Cost of Goods Sold และส่งกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นให้แก่นักลงทุน * **Same Store Sales Growth (SSSG) สิงหาคม:** * Q: Same Store Sales Growth (SSSG) สิงหาคมเป็นอย่างไร? * A: เริ่มดูดีขึ้น ฝนตกน้อยลง เริ่มเห็นการ Pick Up ของเดือนสิงหาคม ครึ่งปีแรกค่อนข้าง Flat เดือนมิถุนายนก็ยัง Flat แต่สิงหาคมเริ่มเห็นบวก และเริ่มเห็นการ Pick Up ของ Spending

โดยสรุป CPAXT เผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ยังคงเติบโตได้จากการขยายสาขาและช่องทางออนไลน์ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่าย พัฒนาสินค้า Private Label และขยายฐานลูกค้า เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด