/16

เดือนนี้ / เดือนก่อน

76/36

ปีนี้ / ปีก่อน

  • oppday
  • thunhoon

    CFARM โค้งท้ายวิ่งแรง  เพิ่มรอบเลี้ยงไก่ล้านตัว หนุนอุตสาหกรรมส่งออก 21/11/68

    ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถบริหารเวลาในการเลี้ยงได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 42.7 วันต่อรอบ ลดลงเหลือรอบละ 42.47 วัน (ลดลง 0.2 วัน) ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนการถือครองได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอัตราการสูญเสียที่ลดลงในระดับ 0.19% จากเดิม 0.43% คาดว่าจะทำให้รายได้ในช่วงปลายปีเติบโตขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนคงที่ของบริษัท ด้านอุตสาหกรรมไก่ประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และ ความเชื่อมั่นของคู่ค้า อีกทั้งเนื้อไก่เป็นโปรตีนยอดนิยมเพราะราคาย่อมเยา เหมาะกับทุกศาสนา และสอดรับกับเทรนด์การบริโภคที่เน้นสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยการระบาดของไข้หวัดนก(Avian Flu)ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสินค้าโปรตีนชนิดอื่นในตลาดโลก คาดว่าปริมาณการบริโภคไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% กำไรทะยาน452%

  • mitihoon

    CFARM รอบเลี้ยงไก่เร็วขึ้น ยืนยันQ4ฟอร์มสวย 20/11/68

    ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถบริหารเวลาในการเลี้ยงได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 42.7 วันต่อรอบ ลดลงเหลือรอบละ 42.47 วัน (ลดลง 0.2 วัน) ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนการถือครองได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอัตราการสูญเสียที่ลดลงในระดับ 0.19% จากเดิม 0.43% คาดว่าจะทำให้รายได้ในช่วงปลายปีเติบโตขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนคงที่ของบริษัท อุตสาหกรรมไก่ประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และ ความเชื่อมั่นของคู่ค้า ประกอบกับปัจจัยการระบาดของไข้หวัดนกในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสินค้าโปรตีนชนิดอื่นในตลาดโลก คาดว่าปริมาณการบริโภคไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการขยายตลาดการส่งออกเนื้อไก่เพิ่มขึ้น ไปยังยุโรป สหราชอาณาจักร นอกเหนือจากตลาดญี่ปุ่นที่เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

  • hoonsmart

    CFARM ผู้นำฟาร์มไก่ ชูศักยภาพการผลิต มั่นใจโค้งสุดท้ายโตต่อเนื่อง 20/11/68

    ขณะเดียวกันบริษัท บริหารเวลาในการเลี้ยงได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาเฉลี่ย 42.7 วัน/รอบ ลดลงเหลือรอบละ 42.47 วัน (ลดลง 0.2 วัน) ถือเป็นหนึ่งปัจจัยช่วยลดต้นทุนการถือครองได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอัตราการสูญเสียที่ลดลงในระดับ 0.19% จากเดิม 0.43% คาดว่าจะทำให้รายได้ในช่วงปลายปีเติบโตขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนคงที่ของบริษัท ด้านอุตสาหกรรมไก่ประเทศไทย ยังเติบโตต่อเนื่อง จากระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และ ความเชื่อมั่นของคู่ค้า อีกทั้งเนื้อไก่เป็นโปรตีนยอดนิยมเพราะราคาย่อมเยา เหมาะกับทุกศาสนา และ สอดรับกับเทรนด์การบริโภคที่เน้นสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยการระบาดของไข้หวัดนก (Avian Flu) ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสินค้าโปรตีนชนิดอื่นในตลาดโลก คาดว่าปริมาณการบริโภคไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ไทย กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นในระบบการผลิตและคุณภาพ ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงาน และ ขยายตลาดการส่งออกเนื้อไก่เพิ่มขึ้น บริษัทได้รับการรับรองคุณภาพในโครงการ Farm First Assurance Scheme จาก LRQA (Lloyd’s Register Quality Assurance) ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานอาหาร พร้อมมุ่งเน้นเรื่องสวัสดิภาพสัตว์และความยั่งยืน ถือเป็นมาตรฐานในการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป และ สหราชอาณาจักร นอกเหนือจากตลาดญี่ปุ่นที่เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ

  • thunhoon

    CFARM โค้งสุดท้ายปี 68 โตแกร่ง! รุกเพิ่มศักยภาพผลิต รับดีมานด์ทั่วโลก 20/11/68

    ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถบริหารเวลาในการเลี้ยงได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 42.7 วันต่อรอบ ลดลงเหลือรอบละ 42.47 วัน (ลดลง 0.2 วัน) ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนการถือครองได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอัตราการสูญเสียที่ลดลงในระดับ 0.19% จากเดิม 0.43% คาดว่าจะทำให้รายได้ในช่วงปลายปีเติบโตขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนคงที่ของบริษัท ด้านอุตสาหกรรมไก่ประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และ ความเชื่อมั่นของคู่ค้า อีกทั้งเนื้อไก่เป็นโปรตีนยอดนิยมเพราะราคาย่อมเยา เหมาะกับทุกศาสนา และ สอดรับกับเทรนด์การบริโภคที่เน้นสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยการระบาดของไข้หวัดนก (Avian Flu) ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสินค้าโปรตีนชนิดอื่นในตลาดโลก คาดว่าปริมาณการบริโภคไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% “ภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ไทยในขณะนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นในระบบการผลิตและคุณภาพ ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงาน และ ขยายตลาดการส่งออกเนื้อไก่เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพในโครงการ Farm First Assurance Scheme จาก LRQA (Lloyd’s Register Quality Assurance) ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานอาหาร พร้อมมุ่งเน้นเรื่องสวัสดิภาพสัตว์และความยั่งยืน ถือเป็นมาตรฐานในการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป และ สหราชอาณาจักร นอกเหนือจากตลาดญี่ปุ่นที่เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ อีกทั้งบริษัทมีจุดแข็งด้านระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่เข้มงวด ส่งผลให้ฟาร์มของบริษัทปลอดโรคไข้หวัดนกมาโดยตลอด รวมถึงการมีมาตรการเชิงรุกที่รัดกุม ตั้งแต่การควบคุมทางเข้าออก การฆ่าเชื้อยานพาหนะ การอาบน้ำเปลี่ยนชุด 100% ของบุคลากร ไปจนถึงการใช้โรงเรือนระบบปิด EVAP (Evaporative cooling system) ล้วนเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยง ลดความเสี่ยงในการบริหารต้นทุน และ ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต” ผศ.ดร.ศิริรักษ์ กล่าว

  • mitihoon

    CFARM ทิศทางโค้งสุดท้ายปี 68 โตแกร่ง ชูแผนศักยภาพการผลิต รับดีมานด์ส่งออกทั่วโลก 20/11/68

    ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถบริหารเวลาในการเลี้ยงได้เร็วขึ้น จากเดิมที่ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 42.7 วันต่อรอบ ลดลงเหลือรอบละ 42.47 วัน (ลดลง 0.2 วัน) ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดต้นทุนการถือครองได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอัตราการสูญเสียที่ลดลงในระดับ 0.19% จากเดิม 0.43% คาดว่าจะทำให้รายได้ในช่วงปลายปีเติบโตขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนคงที่ของบริษัท ด้านอุตสาหกรรมไก่ประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด และ ความเชื่อมั่นของคู่ค้า อีกทั้งเนื้อไก่เป็นโปรตีนยอดนิยมเพราะราคาย่อมเยา เหมาะกับทุกศาสนา และ สอดรับกับเทรนด์การบริโภคที่เน้นสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยการระบาดของไข้หวัดนก (Avian Flu) ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสินค้าโปรตีนชนิดอื่นในตลาดโลก คาดว่าปริมาณการบริโภคไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% “ภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ไทยในขณะนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นในระบบการผลิตและคุณภาพ ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงาน และ ขยายตลาดการส่งออกเนื้อไก่เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพในโครงการ Farm First Assurance Scheme จาก LRQA (Lloyd’s Register Quality Assurance) ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานอาหาร พร้อมมุ่งเน้นเรื่องสวัสดิภาพสัตว์และความยั่งยืน ถือเป็นมาตรฐานในการส่งออกสินค้าไปยังยุโรป และ สหราชอาณาจักร นอกเหนือจากตลาดญี่ปุ่นที่เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ อีกทั้งบริษัทมีจุดแข็งด้านระบบความปลอดภัยทางชีวภาพที่เข้มงวด ส่งผลให้ฟาร์มของบริษัทปลอดโรคไข้หวัดนกมาโดยตลอด รวมถึงการมีมาตรการเชิงรุกที่รัดกุม ตั้งแต่การควบคุมทางเข้าออก การฆ่าเชื้อยานพาหนะ การอาบน้ำเปลี่ยนชุด 100% ของบุคลากร ไปจนถึงการใช้โรงเรือนระบบปิด EVAP (Evaporative cooling system) ล้วนเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเลี้ยง ลดความเสี่ยงในการบริหารต้นทุน และ ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต” ผศ.ดร.ศิริรักษ์ กล่าวเพิ่มเติม

  • kaohoon

    CFARM วิ่ง 6% ลุ้นไตรมาส 4 โตต่อ บุ๊กรายได้ “ฟาร์มไก่ไข่” 2 แสนตัว 18/11/68

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ณ เวลา 10:39 น. อยู่ที่ระดับ 0.89 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 5.95% สูงสุดที่ระดับ 0.93 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.83 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.10 ล้านบาท โดยราคาหุ้น CFARM ปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ คาดนักลงทุนซื้อเก็งกำไรรับผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4 หลังงวดไตรมาส 3 บริษัทพลิกมีกำไร 10 ล้านบาท ด้าน นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ CFARM เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทได้เข้าลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่บนที่ดินของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วยอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรการผลิต มูลค่าการลงทุนรวม 119.71 ล้านบาท โดยสามารถรองรับไก่ยืนกรงสำหรับให้ไข่ได้ประมาณ 200,000 ตัว ในรูปแบบเกษตรพันธสัญญา โดยลักษณะการประกอบธุรกิจมีรูปแบบและองค์ความรู้ใกล้เคียงกับธุรกิจไก่เนื้อเดิมของบริษัท ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาคู่สัญญา และคัดเลือกผู้รับเหมาในการพัฒนาโครงการโดยผ่านกระบวนการเสนอและเปรียบเทียบราคา การลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่ ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และการกู้ยืมสถาบันการเงิน

  • thunhoon

    CFARM พลิกกำไรแรง รุกขยายฟาร์มไก่ไข่ 12/11/68

    #CFARM #ทันหุ้น – CFARM ส่งสัญญาณทิศทางช่วงที่เหลือของปีเติบโตต่อ จากไตรมาส 3/2568 ที่พลิกกำไร 672% แตะ 10.25 ล้านบาท ชูประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น หนุนน้ำหนักไก่เพิ่ม อายุการเลี้ยงมากขึ้น อัตราการรอดสูง พร้อมรุกขยายฟาร์มไก่ไข่ นางสาวมธุชา  จึงธนสมบูรณ์รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการบริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARMประกอบธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาแบบประกันราคา เปิดเผยกับ“ทันหุ้น”ว่า แนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังมีทิศทางเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น ทำให้มีน้ำหนักไก่ที่ดีขึ้น อายุเลี้ยงที่เยอะขึ้น อายุวันเลี้ยงที่มากขึ้น เปอร์เซ็นต์เลี้ยงรอดที่มากขึ้น ส่งให้ภาพรวมปีนี้กำไรจะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่ารายได้จะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตของบริษัทในปัจจุบันยังคงเท่าเดิม กำลังการผลิตไก่เนื้อในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านตัวต่อรอบ หรือประมาณ 15.8 ล้านตัวต่อปี โดยรายได้ในปัจจุบันมาจากการขายไก่เนื้อ 100% ซึ่งเป็นรูปแบบ Contract Farming หรือ เกษตรพันธสัญญาให้กับคู่สัญญา

  • set
  • thunhoon

    CFARM พลิกกำไร Q3 โต 672% คาด Q4 ดีต่อรับดีมานด์เนื้อไก่ฟื้น 11/11/68

    #ทันหุ้น –บมจ.ชูวิทย์ ฟาร์ม (2019) หรือCFARM เผยงบการเงินไตรมาส 3/2568 กำไรโต 672%โดยมีกำไรสุทธิ10.25 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1.79 ล้านบาท ด้านงบ 9 เดือนบริษัทมีรายได้รวม 151.04 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.92% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีกำไรสุทธิได้ 7.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.38 ล้านบาท หรือเติบโต 452.17% จากปีก่อน สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและผลผลิตที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดแนวโน้มไตรมาส 4 จะเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการบริโภคที่ฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีฟาร์มอัจฉริยะ(Smart Farm)เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน พร้อมขยายกำลังการผลิตสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูวิทย์ ฟาร์ม (2019)จำกัด (มหาชน) หรือCFARMประกอบธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อในรูปแบบเกษตรพันธสัญญา เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อตามพันธะสัญญาอยู่ที่ 57.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 53.61 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 10.25 ล้านบาท พลิกจากช่วงเดียวกันของปี หรือเพิ่มขึ้นกว่า 672% สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อตามพันธะสัญญาอยู่ที่ 151.04 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.92% จาก 154 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่สามารถทำกำไรสุทธิได้ 7.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.38 ล้านบาท หรือเติบโต 452.17% การพลิกกลับมามีกำไรในปีนี้เกิดจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงระบบการเลี้ยงเพื่อลดอัตราการสูญเสีย รวมถึงแรงหนุนจากปริมาณการส่งมอบไก่เนื้อที่เพิ่มขึ้นและราคาจำหน่ายที่อยู่ในระดับดี โดยแนวโน้มตลาดไก่เนื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงขยายตัวต่อเนื่อง