บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
MAGURO (มากุโระ) กำไร Q2/2568 โตแรง! โบรกฯ FSSIA ชี้เป้า 24.50 บาท
P/E 21.06 YIELD 1.31 ราคา 22.90 (0.00%)
FSSIA ประเมินผลประกอบการ MAGURO สดใส พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่
ไฮไลท์สำคัญ
- กำไรสุทธิ Q2/2568 อยู่ที่ 32 ล้านบาท (+149% YoY), เป็นไปตามที่ FSSIA คาดการณ์
- รายได้รวม ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 447 ล้านบาท (+39.4% YoY)
- อัตรากำไรขั้นต้น สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 48.7%
- ประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรก 0.25 บาท/หุ้น (Yield 1.5%)
ผลการดำเนินงานที่น่าจับตา
MAGURO รายงานกำไรสุทธิ 32 ล้านบาทในไตรมาส 2/2568 (+149% YoY) ถึงแม้จะลดลงเล็กน้อย (-1.3% QoQ) เนื่องจากการขยายสาขาใหม่และค่าใช้จ่ายสังสรรค์ประจำปี อย่างไรก็ตาม รายได้รวมยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 447 ล้านบาท (+39.4% YoY) แม้ว่า SSSG จะยังติดลบที่ -9.8% YoY แต่ได้รับการชดเชยจากการเพิ่มขึ้นของสาขาใหม่ โดยบริษัทได้เปิดสาขาใหม่ 5 แห่งในไตรมาสนี้ และ 17 แห่งเมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้มีสาขาทั้งหมด 45 แห่ง ณ สิ้นไตรมาส 2/2568
แบรนด์ MAGURO คิดเป็น 49% ของรายได้ ลดลงจาก 56% ในไตรมาส 2/2567 เนื่องจากการขยายแบรนด์ใหม่ Tonkatsu Aoki มี 5 สาขา สร้างรายได้ 50.7 ล้านบาท (11% ของรายได้รวม) ในขณะที่ CouCou สร้างรายได้ 12 ล้านบาทจาก 2 สาขา (2.7%) อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 48.7% จาก 48.0% ในไตรมาส 1/2568 และ 42.6% ในไตรมาส 2/2567 เนื่องจากการลดลงของต้นทุนวัตถุดิบและอัตรากำไรที่แข็งแกร่งจากแบรนด์ใหม่
ข้อสังเกตและแนวโน้ม
กำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 65 ล้านบาท (+96% YoY) คิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี FSSIA คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายสังสรรค์ประจำปี ในขณะที่การเปิดสาขาใหม่ยังคงดำเนินต่อไป และมีการเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ BINCHO และ KIWAMIYA
FSSIA คาดการณ์การเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิในอีก 3 ปีข้างหน้า (2568E-2570E) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
สรุปและคำแนะนำ
FSSIA คงคำแนะนำ "ซื้อ" MAGURO โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 24.50 บาท (จากเดิม 17.20 บาท) อิงจากวิธี DCF (Discounted Cash Flow) โดยมี WACC (Weighted Average Cost of Capital) ที่ 9% และ Terminal Growth Rate ที่ 3% ราคาเป้าหมายใหม่คิดเป็น P/E ปี 2569 ที่ 19.2 เท่า
ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ การแข่งขันที่รุนแรง ต้นทุนวัตถุดิบที่ผันผวน และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว