บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
BPP กำไร Q2/25 โตแรง! หยวนต้าฯ ชี้เป้า 9 บาท รับอุตสาหกรรม Data Center บูม
P/E 20.05 YIELD 4.65 ราคา 12.90 (0.00%)
BPP เตรียมรับทรัพย์! หยวนต้าฯ คาดกำไรปกติ Q2/25 พุ่ง 1,387 ล้านบาท โตกระฉูดทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากต้นทุนถ่านหินลด แถมได้แรงหนุนจากฤดูร้อนในสหรัฐฯ และโรงไฟฟ้าหงสาคืนฟอร์ม
ไฮไลท์สำคัญ
- คาดกำไรปกติ Q2/25 ที่ 1,387 ล้านบาท โต 98% QoQ และ 14% YoY
- ปรับประมาณการกำไรปี 2568-69 ขึ้น 17% และ 16% เป็น 3,674 ล้านบาท และ 3,874 ล้านบาท ตามลำดับ
- คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 9.00 บาท/หุ้น
กำไร Q2/25 กลับมาเติบโต
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรปกติ Q2/25 ของ BPP ที่ 1,387 ล้านบาท เติบโต 98% QoQ และ 14% YoY สูงกว่าประมาณการก่อนหน้าที่ 1,000-1,100 ล้านบาท การเติบโต QoQ มาจากปัจจัยหลัก 3 ประการ:
- ต้นทุนถ่านหินในจีนลดลง หนุนอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า CHP ในจีน
- รายได้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ฟื้นตัว หลังปิดซ่อมบำรุงน้อยลงและเข้าสู่ฤดูร้อน
- ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าหงสากลับมา ที่ 1,080 ล้านบาท (+86% QoQ, -3% YoY)
การเติบโต YoY มีสาเหตุหลักจากอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า CHP ในจีนที่ฟื้นตัวตามต้นทุนถ่านหินที่ลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลง
แนวโน้มกำไร Q3/25 สดใสต่อเนื่อง
หยวนต้าฯ คาดว่ากำไรปกติ Q3/25 จะอยู่ที่ระดับ 1,400 ล้านบาท +/- เติบโตทั้ง QoQ และ YoY และเป็นจุดสูงสุดของปี ปัจจัยหนุนหลักคือ:
- ฤดูร้อนและคลื่นความร้อนในสหรัฐฯ หนุนปริมาณขายและราคาขายไฟฟ้า
- ต้นทุนถ่านหินในจีนลดลงต่อเนื่อง หนุนกำไรจากโรงไฟฟ้า CHP ในจีนและส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน SLG
- ต้นทุนทางการเงินลดลง คาดว่าจะอยู่ที่ 600-620 ล้านบาท เทียบกับ 754 ล้านบาทใน Q3/24
สำหรับ Q4/25 คาดว่ากำไรปกติจะลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังคงเติบโต YoY ได้จากอุตสาหกรรม Data Center ในสหรัฐฯ ที่ขยายตัว ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ สูงขึ้น
คำแนะนำและราคาเป้าหมาย
หยวนต้าฯ คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ BPP และปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 9.00 บาท/หุ้น (จากเดิม 8.25 บาท) เนื่องจาก BPP มีความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ต่ำ และได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรม Data Center ในสหรัฐฯ นอกจากนี้ คาดว่าจะมีเงินปันผลระดับ 0.60 บาท/หุ้น/ปี คิดเป็น Dividend Yield ราว 7.9% ช่วยจำกัด Downside
วิธีคิดราคาเหมาะสม: ประเมินด้วยวิธี DCF (Discounted Cash Flow) โดยมี WACC (Weighted Average Cost of Capital) ที่ 7.9% (Beta 1.1, Ke 10.6%) และ Terminal growth 0%