บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ:

บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) หรือ RP เผชิญความท้าทายในไตรมาส 2 ปี 2568 ผลประกอบการพลิกเป็นขาดทุนอย่างหนัก โดยมีขาดทุนสุทธิถึง 68.59 ล้านบาท ลดลงถึง 1,009.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 7.54 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ลดลง และภาระต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น

รายได้ลด ต้นทุนพุ่ง:

ในไตรมาส 2/2568 RP มีรายได้รวม 862.18 ล้านบาท ลดลง 1.51% จาก 875.38 ล้านบาทในไตรมาส 2/2567 ปัจจัยหลักมาจากปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าที่ลดลงตามสัญญาใหม่กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จาก 90 เมกะวัตต์ เหลือ 30 เมกะวัตต์ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวยังส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง และราคาขายไฟฟ้าลดลงตามนโยบายภาครัฐ

นอกจากนี้ บริษัทยังต้องรับภาระต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติจากการเรียกเก็บคืนเงินส่วนต่างมูลค่าก๊าซธรรมชาติในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม 2566 ตามนโยบายภาครัฐ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวประมาณ 64 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม RP ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานสะอาด โดยได้ลงนาม MOU กับบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และบริษัทย่อย สหโคเจนกรีน จำกัด ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับบริษัท เอจีซี ไมโครกลาส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2 ปี 2569

วิเคราะห์งบการเงิน:

EBITDA ในไตรมาส 2/2568 ลดลง 57.15% เหลือ 74.63 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน 51.98 ล้านบาท ลดลง 251.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 8,302.76 ล้านบาท ลดลง 1.51% จากสิ้นปี 2567 หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ 4,543.09 ล้านบาท ลดลง 2.15% ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3,290.11 ล้านบาท ลดลง 4.27% ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เพิ่มขึ้นเป็น 1.52 เท่า

อนาคตและเป้าหมาย:

แม้ผลประกอบการในไตรมาสนี้จะไม่สดใส แต่ RP ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้ไม่ต่ำกว่า 400 เมกะวัตต์ และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 15% ภายในปี 2573 นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050