https://aio.panphol.com/assets/images/community/7983_537C0F.png

AMATA: กำไร Q2/68 ลดลง แต่โอกาสเติบโตครึ่งปีหลังสดใส

P/E 5.99 YIELD 4.91 ราคา 16.30 (0.00%)

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการของ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2568 จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังคงเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า พร้อมคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 22.00 บาท

ไฮไลท์สำคัญ: ยอดขายที่ดินเพิ่ม แต่กำไรลด

  • ยอดขายที่ดิน Q2/68: เพิ่มขึ้น 63% QoQ แต่ลดลง 37% YoY สาเหตุหลักมาจากการชะลอการตัดสินใจของลูกค้าในประเทศ แต่ยอดขายในเวียดนามยังคงเติบโตได้ดี
  • กำไร Q2/68: คาดการณ์ที่ 352 ล้านบาท ลดลง 58% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 52% YoY เนื่องจากการลดลงของยอดโอนที่ดิน
  • ครึ่งปีแรก 2568: กำไรคิดเป็น 46% ของประมาณการทั้งปี คาดการณ์กำไรจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

รายละเอียดการวิเคราะห์: ยอดขายและกำไร

  • ยอดขายที่ดิน: ในไตรมาส 2 ปี 2568 AMATA มียอดขายที่ดิน 464 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 399 ไร่ และเวียดนาม 66 ไร่ ยอดขายในไทยส่วนใหญ่มาจากลูกค้าจีนในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนในเวียดนามมาจากกลุ่มคลังสินค้า
  • กำไรสุทธิ: คาดการณ์กำไรสุทธิที่ 352 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากยอดโอนที่ดินลดลง แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเนื่องจากปีก่อนมีค่าใช้จ่ายทางภาษีที่สูงกว่า
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GPM): คาดการณ์ GPM ที่ 44% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากสัดส่วนการโอนที่ดินในอมตะ ชลบุรีลดลง
  • รายได้อื่นๆ: รายได้ค่าเช่าเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่รายได้จากสาธารณูปโภคลดลง ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ข้อสังเกตและประเด็นสำคัญ

  • Backlog: ยอด Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 หมื่นล้านบาท แสดงถึงความต้องการที่ดินในอนาคตที่ยังแข็งแกร่ง
  • เป้าหมายยอดขาย: AMATA ยังคงเป้าหมายการโอนที่ดิน 50% ของ Backlog ณ สิ้นปีที่แล้ว และคาดว่ากำไรในไตรมาส 4 จะเป็นจุดสูงสุดของปี
  • ความเสี่ยง: นักวิเคราะห์ยังคงต้องจับตาความเสี่ยงด้านการลงทุนในไทยและต่างประเทศ รวมถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและนโยบายต่างๆ

สรุป: คงคำแนะนำ "ซื้อ"

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ AMATA โดยมีราคาเป้าหมายที่ 22.00 บาท มองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันยังไม่แพงเมื่อเทียบกับมูลค่าที่ดินต้นทุนต่ำและเงินลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่ากำไรจะเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังตามยอดโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น

P/B ปัจจุบันอยู่ที่ 0.7 เท่า ซึ่งต่ำเกินไป เมื่อเทียบกับการถือครองเงินสด ที่ดินต้นทุนต่ำ และเงินลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า

โพสต์ล่าสุด