บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
KCE Electronics: FSSIA ประเมินกำไร Q2/25 ต่ำกว่าคาด แต่ยังคงราคาเป้าหมายเดิมที่ 20 บาท
P/E 25.41 YIELD 5.63 ราคา 21.30 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ
- FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิ Q2/25 ของ KCE ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท
- ถึงแม้ว่าวงจรขาลงของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ใกล้สิ้นสุดลง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อประเทศไทยและไต้หวัน ซึ่งเป็นคู่แข่งในตลาด PCB
- ราคาหุ้น KCE ปรับตัวขึ้น 45% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แม้จะมีแนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้น
ผลกระทบจากค่าเงินบาทและการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง
FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิ Q2/25 ที่ 221 ล้านบาท (-3.8% q-q, -65% y-y) ซึ่งต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้า เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท 1.7% q-q และ 9% y-y ถึงแม้ว่ารายได้ USD จะเพิ่มขึ้น 2% q-q แต่ลดลง 9.4% y-y อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้ THB จะเติบโตเล็กน้อย 0.8% q-q แต่ลดลง 16.5% y-y การฟื้นตัวเล็กน้อยนี้มาจากการที่ลูกค้ามีระดับสินค้าคงคลังต่ำ
คาดการณ์การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2568 เนื่องจากการเข้าสู่ช่วง High Season และฐานที่ต่ำจากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะทรงตัว โดยคาดการณ์การฟื้นตัวของรายได้ใน Q3-Q4/25 ที่ประมาณ 10% q-q และ 5% q-q ตามลำดับ นอกจากนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวเป็น 20% ในครึ่งปีหลัง เนื่องจากการเจรจาต่อรองราคากับซัพพลายเออร์วัตถุดิบและการปรับปรุงอัตราการใช้กำลังการผลิต
ความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าและผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน
FSSIA ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลง 11% เหลือ 1.18 พันล้านบาท (-29% y-y) เนื่องจากการฟื้นตัวของกำไรที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ใน Q2/25 ถึงแม้ว่าบริษัทอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
ประเทศไทยอาจเผชิญกับอัตราภาษีที่ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างจีน แต่การติดตามสถานการณ์กับไต้หวันเป็นสิ่งสำคัญ หากอัตราภาษีของไทยสูงกว่าไต้หวัน อาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการแข่งขันของ KCE เนื่องจาก KCE มีรายได้ 21% จากตลาดสหรัฐฯ ในปี 2567
สรุปและคำแนะนำ
FSSIA คงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 20 บาท ถึงแม้จะมีการปรับลดประมาณการกำไรลง โดยมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มในระยะกลางถึงยาว เนื่องจากเชื่อว่าวงจรขาลงของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ใกล้สิ้นสุดลงแล้ว จึงได้ปรับเพิ่ม P/E เป้าหมายเป็น 20 เท่า (จาก 18 เท่า) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา จึงคงคำแนะนำ "ถือ" (HOLD) หรือ "สะสมเมื่อราคาอ่อนตัว" (Accumulate on dips) รอสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลังและรายละเอียดสุดท้ายเกี่ยวกับมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ