บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CPALL: FSSIA ชี้โอกาสทอง! คาดกำไรโตแรงสุดในกลุ่มค้าปลีก เป้าใหม่ 65 บาท
P/E 13.62 YIELD 3.16 ราคา 43.00 (0.00%)
text-primary ไฮไลท์สำคัญ
- FSSIA มอง CPALL เป็นบริษัทค้าปลีกสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีมูลค่าที่ยังไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง
- คาดการณ์ว่า CPALL จะมีการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มบริษัทค้าปลีกเดียวกันในปี 2568
- คงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 65 บาท/หุ้น อิงจากวิธี DCF
text-primary CPALL: ผู้นำค้าปลีกที่แข็งแกร่งในไทย
CPALL เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้นำในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (7-11), ค้าส่ง (Makro) และไฮเปอร์มาร์เก็ต (Lotus) บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด 21.8% ของยอดค้าปลีกในประเทศทั้งหมด และคาดว่าจะแตะ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2569 แม้ว่าการแข่งขันในตลาดทั้งสามจะรุนแรงขึ้น แต่ FSSIA ยังคงมองเห็นความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่ง เนื่องจากมีฐานรายได้ที่มากกว่าคู่แข่งอันดับสองถึงสองเท่า
FSSIA คาดว่า CPALL จะสร้างการเติบโตของกำไรสุทธิที่น่าประทับใจที่ 9.4% CAGR ในช่วงปี 2568-2570 จากทั้งรายได้และกำไรที่ดีขึ้น โดยประมาณการกำไรสำหรับปี 2568 จะเติบโต 12.4% YoY ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการปรับปรุงในหน่วยร้านสะดวกซื้อ นอกจากนี้ ยังคาดว่ากำไรของ CPALL จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดช่วงไตรมาส 2-4 ของปี 2568 และมองว่ามีโอกาสน้อยที่ประมาณการกำไรของตลาดจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
text-primary โอกาสเติบโตอีกเพียบ
FSSIA ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ CPALL เนื่องจากโอกาสในการเติบโตระยะยาวที่แข็งแกร่ง ประการแรก บริษัทวางแผนที่จะเพิ่มร้าน 7-11 จำนวน 700 สาขาต่อปีจนถึงปี 2574 ซึ่งเทียบเท่ากับการเติบโตของจำนวนร้าน 4.1% CAGR สำหรับปี 2567-2574 ประการที่สอง ความแข็งแกร่งของการครอบคลุมร้านค้าทั่วประเทศจะช่วยให้ CPALL กลายเป็นผู้กำหนดเทรนด์และสร้างการเติบโต S-curve ใหม่ผ่าน CPRAM ซึ่งเป็นผู้ผลิต RTE ภายในองค์กร โดยการแนะนำผลิตภัณฑ์ เช่น อาหารฟังก์ชันที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเฉพาะได้ดีขึ้น ประการที่สาม คาดว่าจะมีโอกาสในการขยายร้านค้าเพิ่มเติมอีกมากกว่า 4,000 แห่งในกัมพูชาและลาว ซึ่งเทียบเท่ากับเกือบ 1/3 ของจำนวนร้าน 7-11 ในปัจจุบัน
text-primary สรุป: จังหวะสะสมที่น่าสนใจ
ราคาหุ้นของ CPALL ลดลง 21% ตั้งแต่ต้นปี FSSIA มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสม CPALL เนื่องจาก 1) มี P/E ปี 2568 ที่ 14 เท่า 2) มีความคลาดเคลื่อนของมูลค่า เนื่องจาก CPALL คาดว่าจะสร้างการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ซื้อขายโดยมีส่วนลด 5% เมื่อเทียบกับ P/E ปี 2568 ของคู่แข่ง และ 3) คาดการณ์ผลตอบแทน 3.6% และ ROE 21% FSSIA จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมปรับราคาเป้าหมาย DCF เป็น 65 บาท (จากเดิม 83 บาท)
วิธีคิดราคาเป้าหมาย อิงจากวิธี DCF valuation method (7.4% WACC, 2.5% TG) โดย assume CPALL’s terminal growth at 2.5%, higher than other consumer staple peers of 1.5-2.0%, to reflect its resilient convenience store business.