บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

MAGURO กำไร Q2/25 ทรงตัว แต่ FSSIA ยังคงเป้าหมาย 24.50 บาท
P/E 17.80 YIELD 1.95 ราคา 15.40 (0.00%)
text-primary FSSIA มอง SSSG ชะลอตัวจากสงคราม "Shabu War" แต่ยังคงแนะนำ "ซื้อ" MAGURO โดยมีราคาเป้าหมาย 24.50 บาท
FSSIA (FSS International Investment Advisory Securities Co Ltd) ประเมินว่า MAGURO ได้รับผลกระทบจาก "Shabu War" ในเดือนมิถุนายน ทำให้ SSSG (Same Store Sales Growth) ลดลงเป็นตัวเลข text-danger ติดลบ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กำไรสุทธิ Q2/25 จะยังคงเติบโต text-primary แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
text-primary ผลกระทบจาก Shabu War และการเปิดสาขาใหม่
FSSIA คาดการณ์กำไรสุทธิ Q2/25 ที่ 32 ล้านบาท ทรงตัว text-danger q-q แต่เพิ่มขึ้น text-primary 148% y-y หากไม่รวมค่าใช้จ่ายจัดเลี้ยงประจำปี 3 ล้านบาท กำไรจะอยู่ที่ 35 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงการเติบโต text-primary q-q และ y-y ตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่า SSSG ใน Q2/25 อาจลดลงอีกเป็น text-danger -9% y-y (เทียบกับ text-danger -5.3% y-y ใน Q1/25) แต่สาขาในเขตเมืองและแบรนด์ Hitori อาจได้รับผลกระทบมากกว่าเนื่องจากการเปิดสาขาใหม่ นอกจากนี้ ธุรกิจ Shabu ยังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม การเปิดสาขาใหม่คาดว่าจะชดเชยความอ่อนแอในสาขาเดิมได้ โดยบริษัทได้เปิด 4 สาขาใหม่ใน Q2/25 (Tonkatsu Aoki 3 สาขา, Hitori 1 สาขา) ทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 44 สาขา เพิ่มขึ้น 16 สาขาเมื่อเทียบกับ Q2/24
text-primary ต้นทุนวัตถุดิบลดลง แต่ค่าใช้จ่ายยังสูง
โดยรวมแล้ว ราคาวัตถุดิบใน Q2/25 อ่อนตัวลงอย่างมาก โดยมี text-primary แซลมอน (-18% q-q, -27% y-y) และเนื้อวากิวเป็นผู้นำ ผู้บริหารตั้งข้อสังเกตว่าราคา text-primary นำเข้าลดลง เนื่องtext-primary จากอุปสงค์ระหว่างประเทศที่ชะลอตัว ท่ามกลางสงครามการค้า ส่งผลให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงสูงที่ประมาณ text-primary 47.8% เพิ่มขึ้นจาก text-primary 42.6% ใน Q2/24 แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อย text-danger q-q เนื่องจากส่วนผสมของแบรนด์ คาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะยังคงสูงเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเปิดร้านใหม่และงานเลี้ยงพนักงานประจำปี (ซึ่งจัดขึ้นใน Q3/24 ของปีที่แล้ว)
text-primary คงประมาณการกำไรปี 2568 และราคาเป้าหมาย
FSSIA ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 131 ล้านบาท (+36% y-y) และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 24.50 บาท แม้ว่าแนวโน้มโดยรวมของอุตสาหกรรมร้านอาหารจะอ่อนแอ แต่ FSSIA ยังคงคาดว่ากำไรของ MAGURO จะเติบโตท่ามกลางการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอ ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"