ADB โชว์ผลงาน Q1/68: กำไรสุทธิ 10.87 ล้านบาท

P/E 7.23 YIELD 3.39 ราคา 0.59 (0.00%)

ADB โชว์ผลงาน Q1/68: กำไรสุทธิ 10.87 ล้านบาท

  1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
  2. ADB นำเสนอผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2568 โดยมีธุรกิจหลักคือผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ภายใต้บริษัท ADB จำกัด (มหาชน)

    นอกจากนี้ยังมีการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน ADB Sealant ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาวและยาแนวสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมและครัวเรือน โดย ADB ถือหุ้น 49% ร่วมกับกลุ่มไอกะ เอเชียแปซิฟิก โฮลดิ้ง (Iga Asia Pacific Holding) ซึ่งเข้ามาถือหุ้นในเดือนธันวาคม 2567 เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย

    บริษัทย่อย ADB Bio จำกัด ผลิตไบโอพลาสติก ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกย่อยสลายได้และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

    รายได้หลักมาจากกลุ่มเม็ดพลาสติก PVC สำหรับสายไฟและสายเคเบิล (58%), เกรดทางการแพทย์ (28%) และเกรดใช้งานทั่วไป (14%)

    ยอดขายรวม 237 ล้านบาท

    อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 14%

    กำไรสุทธิสำหรับธุรกิจเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ 5 ล้านบาท

  3. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
  4. ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียผ่านการร่วมมือกับกลุ่มไอกะ เอเชียแปซิฟิก โฮลดิ้ง

    ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ไบโอพลาสติก) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

    การเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาแนวและกาวอุตสาหกรรมผ่าน ADB Sealant

  5. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
  6. ความผันผวนของราคาวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

    การชะลอตัวของโครงการภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่

    การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของตลาดทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมและใช้สายไฟในครัวเรือน

  7. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
  8. มุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น

    การกระจายความเสี่ยงโดยการขยายฐานลูกค้าไปยังรายใหญ่รายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและส่งมอบงานสายไฟให้ภาครัฐ

    การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลง

  9. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
  10. คาดการณ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในภูมิภาคเอเชียผ่านการร่วมมือกับกลุ่มไอกะ เอเชียแปซิฟิก โฮลดิ้ง

    การรักษาอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

  11. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 33.12]
    • เป้าหมาย Gross Profit Margin ปีนี้
    • มองไว้ที่ 12-15% โดยเป็นเป้าหมายในกรอบที่น่าจะเป็นไปได้ แต่อาจมีปัจจัยที่กระทบ เช่น ภาวะตลาด การแข่งขัน และความผันผวนของราคาวัตถุดิบ

    • ต้นทุนของบริษัทในไตรมาส 2
    • วัตถุดิบหลักมาจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ราคาวัตถุดิบเริ่มจัดการได้ ไม่ผันผวนมากนัก แนวโน้มคล้ายไตรมาส 1

      อัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบ เนื่องจากมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เงินบาทแข็งค่าช่วยลดต้นทุนนำเข้าได้

      เรื่องภาษี ยังไม่ได้รับผลกระทบเพราะผลิตและจำหน่ายในประเทศเป็นส่วนใหญ่

    • ค่าใช้จ่ายพิเศษในไตรมาส 1
    • ไม่มีรายการที่มีนัยสำคัญที่กระทบงบการเงินในปีนี้ รายการพิเศษส่วนใหญ่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจและการจำหน่ายทรัพย์สินให้ ADB Sealant

    • สัดส่วนรายได้ตามกลุ่มลูกค้าและอุตสาหกรรม
    • อุตสาหกรรมสายไฟและสายเคเบิลมีสัดส่วนรายได้หลัก อิงกับการก่อสร้างภาครัฐและเอกชน รวมถึงงานซ่อมแซมบ้านเรือน

      มีสัดส่วนจากงานรองเท้าและเฟอร์นิเจอร์เล็กน้อย

      Medical Grade PVC มีลูกค้า End User ที่ใช้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์

    • สัดส่วนลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ
    • ส่วนใหญ่ยังเป็นลูกค้าในประเทศ 99% ส่งออก 1% การส่งออกชะลอตัวเนื่องจากเศรษฐกิจต่างประเทศไม่ดี

    • ธุรกิจมีความเป็นฤดูกาลหรือไม่
    • มักจะพีคช่วงไตรมาส 3 ก่อนสิ้นปีงบประมาณ และชะลอตัวในไตรมาส 1 และ 2 แต่ไม่ต่างกันมากนัก

      ไตรมาส 2 อาจมีช่วงวันหยุดของโรงงานทำให้การผลิตชะลอตัว

    • เหตุผลในการแยกธุรกิจ ADB Sealant
    • ศักยภาพในการหารายได้ในอดีตอยู่ที่ 35-40% ศักยภาพในการผลิตพร้อมแล้ว จึงต้องการพาร์ทเนอร์ที่สามารถนำธุรกิจยาแนวและกาวอุตสาหกรรมไปได้ไกลกว่าเดิม

      ต้องการ Benefit ร่วมกันในอนาคต เช่น ขยายตลาดได้ 60-70% ของกำลังการผลิต หรือมีพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มไอกะ (Iga) ที่เน้นกาว ผลิตภัณฑ์ยึดติด และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง

    • ทำไมลดสัดส่วนการถือหุ้น ADB Sealant เหลือ 49%
    • พาร์ทเนอร์ใหม่ต้องการ Control ในส่วนของกิจการ จึงถือหุ้น 51% ADB ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเข้ามาเช่นกัน

      มองถึง Long Term Benefit หลังจากการขายไปแล้ว น่าจะได้ประโยชน์ร่วมกันมากกว่า ไม่ได้ Exit เพราะธุรกิจไม่ดี

    • วงจรเงินสดลดลงมาก
    • ธุรกิจกาวและยาแนวมี Inventory และวัตถุดิบค่อนข้างมาก Turnover ช้ากว่า มีการสำรองวัตถุดิบหลากหลายประเภท

      เม็ดพลาสติกมี Turnover ดีกว่า วัตถุดิบเป็น Key หลักไม่กี่ตัว ความหลากหลายไม่เท่าธุรกิจยาแนว

      Cash Cycle ที่ลดลง ทำให้ใช้ Working Cap ลดลง จากเดิม 500 ล้านบาท เหลือ 200 ล้านบาท ต้นทุนดอกเบี้ยลดลง

    • โอกาสร่วมทำสินค้าวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์
    • ต้องคุยกับพาร์ทเนอร์ Showa ที่เป็น Distributor หลัก ขยายฐานลูกค้าโดยทีมการตลาดของบริษัทเองด้วย

    • การเข้าร่วมงาน MAI Forum
    • ผู้บริหารอาจติดภารกิจ หากต้องการข้อมูล สามารถส่งมาที่ adb_ir@adb.co.th หรือช่องทาง Facebook

    • สัดส่วนวัตถุดิบในประเทศกับต่างประเทศ
    • ต่างประเทศ 30-40% ไม่ Fix สม่ำเสมอ ขึ้นกับช่วงเวลา

      ช่วงบาทแข็ง นำเข้ามีต้นทุนที่ดี สัดส่วนนำเข้าก็จะเยอะขึ้น

      ในประเทศก็ยังต้องเป็นหลัก วัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นการซื้อขนาดใหญ่ เช่น Plasticizer และเรซิ่นบางเกรด

    • ลูกค้าสายไฟรายใหญ่ที่อาจมีเกี่ยวข้องกับ Stark
    • ปรับตัวโดยกระจายความเสี่ยง ไปลูกค้ารายใหญ่รายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและส่งมอบงานสายไฟให้ภาครัฐ พยายามลดสัดส่วนอยู่

โดยสรุป, ADB เผชิญกับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน แต่ยังคงสามารถรักษาผลกำไรและปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นที่การบริหารจัดการต้นทุน, การขยายตลาด, และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

โพสต์ล่าสุด