บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday TNP: มองหาโอกาสเติบโตในสภาวะท้าทาย ปี 2568
P/E 10.75 YIELD 3.54 ราคา 2.68 (0.00%)
สรุป Oppday TNP: มองหาโอกาสเติบโตในสภาวะท้าทาย ปี 2568
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ธุรกิจของธนพิริยะได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้
ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญ:
- รายได้รวมไตรมาส 1 ปี 2568: 726 ล้านบาท
- อัตราการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี: 8.4%
- กำไรขั้นต้นไตรมาส 1 ปี 2568: 134 ล้านบาท
- อัตราส่วนกำไรขั้นต้น: 18.6% (เพิ่มขึ้นจาก 17.5% ในปีที่แล้ว)
- กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2568: 50 ล้านบาท
- อัตรากำไรสุทธิ: 6.9% (เพิ่มขึ้นจาก 6.4% ในปีที่แล้ว)
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทมองเห็นโอกาสในการขยายสาขาไปยังพื้นที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับปรุงสาขาเก่าและติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าใหม่ ๆ เช่น Gift Shop และสินค้าที่ให้กำไรขั้นต้นสูง
กลยุทธ์ที่บริษัทใช้ในการคว้าโอกาส:
- ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมาย 5 สาขาในปี 2568
- ปรับปรุงสาขาเก่าเพื่อให้มีความทันสมัยและดึงดูดลูกค้ามากขึ้น
- ติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- เพิ่มสินค้าใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่คือ สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงด้านการแข่งขันที่สูงขึ้น และความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและปัญหาฝุ่นละออง
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ โดย:
- ขยายสาขาอย่างระมัดระวัง โดยพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพและหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง
- ปรับปรุงการให้บริการและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและดึงดูดลูกค้าใหม่
- บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาระดับกำไร
- ทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
แนวโน้มของธุรกิจในอนาคตยังคงเติบโตได้ แม้ว่าจะมีความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจ โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะรักษาการเติบโตในระดับ 10% ต่อปี โดยมุ่งเน้นการขยายสาขา การปรับปรุงการให้บริการ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 41:18]
-
ความกังวลในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า และแผนรับมือ
กังวลเรื่องสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่อาจชะลอตัวต่อเนื่อง แผนรับมือคือขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน
-
ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสในการขยายธุรกิจ ควบคู่กับความคุ้มทุนในการขยายสาขา
-
ตัวเลข ROIC และ WACC
ROIC ใกล้เคียงกับ ROE ประมาณ 15-16% WACC ประมาณ 5% เนื่องจากใช้เงินทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก
-
ความเหมาะสมในการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันจ่าย 40% มองว่าเหมาะสมและใกล้เคียงกับรายอื่นในธุรกิจเดียวกัน และกันเงินไว้ขยายสาขาด้วย
-
แผน Renovate สาขา
Renovate ย่อย ๆ ทำต่อเนื่อง สาขาเก่า Renovate ใหญ่ 3 สาขา งบประมาณไม่เกิน 10 ล้านบาท
-
แนวโน้ม Same Store Sale ดีกว่า Q1 ที่ติดลบ 3% หรือไม่
Q2 แนวโน้มดีขึ้นจากเดือนเมษายน แต่เดือนพฤษภาคมอาจมีผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ คาดหวัง Same Store Sale ทั้งปีที่ 10%
-
การเพิ่ม Product Mix เพื่อเพิ่ม Gross Profit Margin
เพิ่ม Gift Shop สินค้าใหม่ ๆ และให้ผู้ผลิตเข้ามาประสานงานมากขึ้น
-
กลยุทธ์ในการต่อกรกับ Marketplace ที่มีโปรโมชั่นเยอะ
กลุ่มลูกค้าที่มาซื้อที่ร้านอาจจะเฉพาะเจาะจง ไม่ได้ซ้ำกับกลุ่ม Marketplace สินค้าอุปโภคบริโภคที่ซื้อแบบรายเดือนยังอยากซื้อที่ร้านมากกว่า
-
การขยายสาขาเข้าไปใกล้ชิดผู้บริโภค
การขยายสาขาเข้าไปใกล้ผู้บริโภคยังเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
-
น้ำท่วมมีผลกระทบกับยอดขายอย่างไร
ยังไม่มีผลกระทบ เพราะท่วมแค่แม่สายส่วนหนึ่ง สาขาอื่นยังเปิดได้ปกติ
-
Same Store Sale ใน Q2 เป็นอย่างไร และตั้งเป้าทั้งปีเท่าไร
เท่าที่เห็นเดือน 4 ก็ปรับตัวดีขึ้น
-
กำไรขั้นต้นใน Q1 ทำได้ดีมากมาจากอะไร และจะยืนระดับสูงได้ต่อหรือไม่
น่าจะ Maintain ได้ประมาณนี้ หรืออาจจะทำได้ดีขึ้นในอนาคต
-
กำลังซื้อช่วงนี้ชะลอ มีผลต่อการเปิดสาขาลดลงหรือไม่
ยังเดินหน้าเปิดสาขาเหมือนเดิม แต่ระมัดระวังในพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น
-
ทำไมยอดขาย Wholesale และ Distributor ถึงลดลง
ลดจากช่องทาง Distributor เป็นหลัก เนื่องจากยอดขายค่อนข้างสูงในปี 67
-
Pay Out Ratio
ได้เรียนไปแล้วนะครับ ว่าประมาณ 40%
-
ปีนี้จะเปิดสาขาเพิ่มกี่สาขา
ตามแผนคือ 5 สาขา
-
อีก 3 สาขามีแผนจะเปิดเมื่อไหร่บ้าง
ต้น Q3 ปลาย Q2 แล้วก็ไล่ๆ ไปเนี่ยครับ
-
ผู้บริหารประเมินสถานการณ์น้ำท่วม และปัญหาฝุ่นในจังหวัด ว่ามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหรือไม่
ไม่น่าจะกระทบมาก แต่ต้องมีแผนรองรับความเสี่ยง เช่น ป้องกันน้ำท่วม
-
โอกาสในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น มีหรือไม่
ยังไม่มีครับ ณ ตอนนี้
-
บริษัทคิดว่ามี Room ในให้ขยายสาขาอีกมากน้อยแค่ไหน มี Model ใหม่ๆ เตรียมไว้หรือไม่
ยังขยายได้อีก ส่วน Model ก็ยังเป็น Model เดิม
-
ปัญหาที่เจอหลักๆ ณ ตอนนี้ มีอะไรเป็นหลัก
น่าจะเป็นปัญหาเดิมๆ ที่เป็นปัญหาเรื่องบุคลากร การหาทำเล
-
เราสามารถเพิ่ม Net Profit Margin ได้เพิ่มขึ้นอีกยังไงบ้าง
ตอนนี้ปรับขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้ว อยู่ที่ 6.9%
-
พม่าตอนนี้กำลังซื้อเป็นยังไงนะครับ แล้วก็ยอดขายชายแดนของเราดีขึ้น หรือลดลง ลงยังไง
อาจจะมีผลเป็นบางช่วง
-
อีก 4 สาขานะครับ ปีนี้ขยายในพื้นที่ไหนบ้างนะครับ แล้วก็ได้ที่ดินบ้าง หรือยังนะครับ
ในเชียงใหม่ก็ 3 สาขา นะคะ แล้วก็ในเชียงรายค่ะ
-
สาขาที่จะเปิดในเชียงใหม่ เป็นอำเภอไหนบ้าง
ปีนี้ก็แผนก็อยู่ใกล้ตัวเมืองมากขึ้นนะครับ ก็จะมีสันทราย แล้วก็ดอยสะเก็ด นะครับ
-
อยากให้ลองดูพื้นที่ลำปาง หรือว่าแแถ วังเหนือ นะครับ อยู่ไม่ ไม่ไกลพะเยา
ก็ขอบคุณนะครับ ก็เดี๋ยวยังไงเราก็มี Survey อยู่ค่ะ อยู่เหมือนกันครับ ก็ ก็จะไปดูตอนที่เรียนมา นะครับ
-
ปัจจุบันนะครับ เมืองพัฒนาขึ้นนะครับ ผู้บริหารมองเชียงราย เปิดสาขาได้อีกกี่แห่ง นะครับ
ก็มองว่าน่าจะเปิดได้ ได้อีก นะคะ
-
รูปแบบรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่าย คือซื้อมาขายไป หรือ หรือเป็นค่าบริการ
จริงๆ เป็น เป็น เป็นซื้อมาขายไปครับ ซื้อมาขายไป
-
การขยายสาขามีนโยบาย อย่างไรนะครับ แล้วก็ขยายในพื้นที่ หรือขยายจังหวัดอื่น ๆ เอ่อ จังหวัดต่อ จังหวัดที่จะไปตอนนี้ มองที่จังหวัดไหนครับ
ปัจจุบันก็คือ เรา เรามีอยู่ 3 จังหวัดนะครับ
-
สินค้าในร้าน ส่วนมากเป็นสินค้าในประเทศ หรือต่างประเทศ ครับ
น่าจะ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็น ในประเทศ ค่ะ
โดยสรุป TNP ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการขยายสาขาอย่างระมัดระวัง การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะมีความท้าทาย แต่บริษัทก็ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตและพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์