https://aio.panphol.com/assets/images/community/6786_abc98d.png

CHASE เจาะลึกผลประกอบการ Q1/2568 พร้อมอัพเดทกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจผันผวน

P/E 62.43 YIELD 1.89 ราคา 0.55 (0.00%)

CHASE เจาะลึกผลประกอบการ Q1/2568 พร้อมอัพเดทกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจผันผวน

สวัสดีค่ะท่านนักลงทุนทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่งาน Oppday ของบริษัท เชฎเอเชีย จำกัด (มหาชน) ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568

ขอแนะนำทีมผู้บริหารที่มาร่วมให้ข้อมูลในวันนี้ ได้แก่ คุณประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณจิตกนก ชโยเลิศศิริ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและ Head of Strategic Planning ดำเนินการนำเสนอโดยดิฉัน วรลักษณ์ ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน

ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ภาพรวมธุรกิจ (Business Overview) มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนรายได้ (Revenue Contribution) โดยมีทั้งส่วนที่เพิ่มขึ้นและลดลง

  1. AMC (ธุรกิจบริหารสินทรัพย์): ไตรมาส 4 ปีที่แล้วมีสัดส่วน 72% ของรายได้รวม ลดลงมาอยู่ที่ 69.5% ในไตรมาสนี้
  2. ธุรกิจให้บริการติดตามทวงถาม: มีอัตราเติบโตขึ้น จาก 24% เป็น 26.4% ของรายได้รวม

สำหรับ Key Highlights ไตรมาส 1/2568:

  1. มูลหนี้สะสม: อยู่ที่ 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยเงินลงทุน 28.6 ล้านบาท (5.7% ของงบลงทุนปีนี้)
  2. TOR (Terms of Reference): ปัจจุบันยังมีออกมาให้ประมูลในระดับหนึ่ง แต่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในเรื่องราคาและการประเมินโอกาสการรับชำระหนี้ ทำให้สัดส่วนการเข้าทำสัญญายังน้อยอยู่
  3. Cash Collection (กระแสเงินสดรับรวม): อยู่ที่ 119 ล้านบาท ลดลง 18.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) สอดคล้องกับการลดลงของ Revenue Contribution ของธุรกิจ AMC
  4. ธุรกิจให้บริการติดตามทวงถาม: มีรายได้รวม 50.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY และอัตราค่า Commission เฉลี่ยของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 26.9% เนื่องจากงานส่วนใหญ่เป็นงานที่มี Scope ซับซ้อนและมีกระบวนการทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง
  5. กำไรสุทธิ: ไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.3 ล้านบาท ลดลง 91.7% ส่งผลมาจากแรงกดดันของการบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss: ECL)

รายได้รวมไตรมาส 1/2568: 192.5 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 4.4% จาก 201 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจ AMC ที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 50.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8% สัดส่วนรายได้: ธุรกิจให้บริการติดตามทวงถาม 26.4% และ AMC 69.5%

เงินลงทุนสะสมของกลุ่มบริษัทที่เข้าไปลงทุนประมูลซื้อ NPL ในงวดล่าสุดของไตรมาสที่ 1 ปีนี้: 4,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า โดยยังคงมุ่งเน้นในเรื่องของ Unsecured Loan มีการลงทุนไปแล้ว 28.6 ล้านบาท

รายได้หลักของธุรกิจ AMC มาจากดอกเบี้ย ไตรมาส 1 มีรายได้รวม 134 ล้านบาท ลดลง 8% QonQ และ YoY สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของกระบวนการจัดเก็บหนี้ และการลงทุนในพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ลดลง สัดส่วนรายได้ลดลงเป็น 69.5% ของไตรมาสที่ 1 สัดส่วนตามประเภทของสินเชื่อ: Personal Loan 61%, Hire Purchase 35%, Mortgage Loan 4%

ธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน: ไตรมาสแรกของปีนี้มีรายได้รวม 51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า ณ ยอดหนี้ที่บริษัทฯ ให้บริการติดตามทวงถาม: 15,833 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY ในไตรมาสนี้บริษัทฯ สามารถติดตามทวงถามสำเร็จเป็นจำนวนเงิน 173 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราความสำเร็จในการจัดเก็บหนี้ (Success Rate) 4.4% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้ว

ต้นทุนฟ้องหรือต้นทุนบริการ: บริษัทฯ มีต้นทุนบริการและค่าวิชาชีพในไตรมาสแรกนี้ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาท หรือ 4.3% โดยสาเหตุหลักยังมาจากกลยุทธ์การฟ้องคดีตามกระบวนการทางกฎหมาย

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร: 38.6 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยอาจจะเป็นการลดลงของการจ้างหรือบริการอื่นๆ ของบริษัทฯ ถือว่าเป็นการลดลงที่ยังไม่มีนัยสำคัญ

ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL): ไตรมาสนี้อยู่ที่ 76.4 ล้านบาท แบ่งเป็น ECL จากธุรกิจ AMC 84.2 ล้านบาท และการกลับรายการจากเงินให้สินเชื่อกับลูกหนี้ 7.8 ล้านบาท เป็นปัจจัยที่มาจากการรับชำระเงินจากลูกหนี้ที่น้อยลง และคาดหวังว่าจากกลยุทธ์การฟ้องหรือการติดตามกระบวนการเร่งรัดหนี้สินอย่างเข้มงวดจะทำให้ Cash Collection กลับมาได้ในอนาคต

กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ลดลงเนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่ลดลง มีผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐที่ทำให้ลูกค้าชะลอการชำระหนี้ ปัญหาเรื่องของ Call Center ในการติดต่อลูกค้าก็ยากขึ้นเพราะว่าลูกค้าอาจจะมองว่าส่วนการที่โทรติดตามทวงถามของเราเป็นส่วนหนึ่งของ Call Center

Gross Profit มีการลดลงถ้าเทียบจากไตรมาสที่แล้ว อยู่ที่ 3.3 ล้านบาท ตัวส่วนนี้ก็จะเป็นปัจจัยที่ได้รับการกดดันจากในส่วนของ ECL ซึ่งมันก็สะท้อนจากต้นเหตุในเรื่องของ Cash Collection ที่ลดลง

สินทรัพย์รวมไตรมาสที่ 1: 4,113 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 64.2 ล้านบาท หรือลดลง 1.5% มีการลดลงจากกระแสเงินสด หรือรายการเทียบเท่า และลดลงในเรื่องของที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ หนี้สินรวม: 643.7 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า มาจากการชำระเงินคืนกู้ เงินกู้จากระยะยาว รวมถึงการซื้อหนี้จากเจ้าหนี้ในการซื้อพอร์ต NPL

บริษัทฯ ยังคงโฟกัสตาม Vision Mission ที่เคยให้ไว้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกท่าน รวมถึงการให้ความรู้ วินัยกับลูกหนี้ การคืนลูกหนี้สู่สถานะเป็นลูกหนี้ปกติ และมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 1 ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) เป็นครั้งแรก และยังคงเดินหน้ามุ่งมั่นและขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างคุณค่าและผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 23:08]

Q: มุมมองต่อแนวโน้มธุรกิจของ CHASE และภาพรวมอุตสาหกรรมในปีนี้

A (คุณประชา): สถานการณ์ค่อนข้างน่ากังวล ธุรกิจ AMC ได้รับผลกระทบหลายด้านจาก:

  • Call Center ติดต่อลูกค้ายากขึ้น
  • ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
  • นโยบายของภาครัฐที่ส่งผลให้ลูกหนี้ชะลอการชำระหนี้

อย่างไรก็ตาม CHASE มาถูกทางแล้วในการใช้กระบวนการทางกฎหมายในการบริหารหนี้ ซึ่งสถาบันการเงินไม่เคยระงับการฟ้องหรือชะลอการดำเนินคดี ทำให้ Amount Collect และสัดส่วนต่างๆ ดูดีขึ้น ตรงข้ามกับ AMC ที่ชะลอการดำเนินคดี ทำให้เข้าถึงลูกหนี้ได้ช้าลง ดังนั้นการใช้กระบวนการทางกฎหมายจะช่วยให้ตัวเลขและความน่าเชื่อถือดีขึ้น

ปัจจัยเศรษฐกิจที่กระทบกับธุรกิจมีสัดส่วนที่ไม่มากเท่าปัจจัยอื่นๆ หากติดต่อลูกค้าได้และลูกค้ามีความมั่นใจ ก็จะเชิญชวนลูกค้าเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้ เพราะหนี้ย่อมระงับด้วยการชำระหนี้เท่านั้น

Q: แผนการดำเนินงานในปีนี้ เน้นงานรับจ้าง หรือซื้อหนี้ จะหยุดซื้อหนี้ถึงเมื่อไหร่

A (คุณประชา): จะทำทั้งสองส่วน งานรับจ้างก็ทำอยู่แล้ว หากมี Deal ใหม่ๆ เข้ามาก็พิจารณา แต่ต้องคุ้มค่าเหนื่อย เพราะมีงานของตัวเองที่สามารถทำได้อยู่แล้ว ส่วนงานซื้อหนี้ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ตอนนี้ใน Q1 มี TOR เยอะ แต่เป็นพอร์ต Hire Purchase เป็นส่วนใหญ่ จึงอยากจะชะลอดูภาพของ Q3 หรือ Q4 เพราะ Budget มีจำกัด (500 ล้านบาท) จึงอยากได้พอร์ตที่มั่นใจว่ามี Margin ที่ดีและได้ราคาที่เป็นธรรม ไม่ได้ชะลอการซื้อ แต่เป็นไปตามเป้าที่วางแผนไว้ ส่วนงานรับจ้างหากมีโอกาสก็จะทำ

Q: จะนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ลดต้นทุนอย่างไรบ้าง

A (คุณประชา): มีเทคโนโลยีที่ใช้อยู่แล้ว เช่น Auto Dialer, SMS, Message, IVR ส่วน AI ยังไม่ Work สำหรับธุรกิจ แต่ในอนาคตหาก AI มีความเสถียร พูดคุยได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น ก็จะนำมาใช้สลับกับพนักงานได้ แต่ไม่มีนโยบายลดคน หากเทคโนโลยีเข้ามา การเพิ่มคนก็อาจจะช้าลง AI น่าจะเข้ามาช่วยธุรกิจได้ เพราะปัจจุบันรถขับเองได้ หาที่จอดเองได้ แค่กดคลิกเดียวก็จอดให้เป๊ะ ผมเชื่อว่า AI ใช้ในการพูดคุยกับลูกหนี้ก็น่าจะเข้ามาในอนาคต

(คุณวรลักษณ์): ในงานหลังบ้านก็มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อ Lean งาน ลดการทำงานซ้ำซ้อน และทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

A (คุณประชา): กำลังพัฒนา Collection Program ใหม่ที่อาจจะ Implement ภายในปีนี้ได้ทัน ซึ่งน่าจะช่วยงาน Admin ได้เยอะขึ้น ลดการผิดพลาดหรือลดการซ้ำซ้อนได้มากขึ้น หากอยู่ในระบบเดียวกันหมด จะสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ว่า จะทำอะไรในวันพรุ่งนี้ เดือนหน้า หรือปีหน้า

Q: สถานการณ์ AMC รายเล็กที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร มีการลดจำนวนลงหรือไม่

A (คุณประชา): AMC ที่ Active อยู่ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่จำนวนจดทะเบียนเห็นว่าเยอะอยู่ เพราะในสมาคมบริหารสินทรัพย์เองก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ แต่หลายๆ เจ้าก็ไม่ค่อย Active เท่าไหร่ อาจจะซื้อมาพอร์ต ส่วนใหญ่จะมาในลักษณะของอสังหาฯ เสียมากกว่า AMC ที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ

Q: เป้าปีนี้จะจัดเก็บเงินสดได้เท่าไหร่

A (คุณวรลักษณ์): ตั้งเป้าเติบโต 15% แต่ในส่วนของไตรมาสแรก Cash Collection ค่อนข้างต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก จึงต้องเร่งกลยุทธ์อื่นๆ ถ้าในส่วนของรายได้ไม่ได้มาตามที่ประมาณการเอาไว้ ในส่วนอื่นแน่นอนว่าก็ต้องลง ในเรื่องของการบริหารต้นทุนฟ้อง หรือการบริหาร Fix Cost ที่มีอยู่ ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน Budget ยังมองว่า 3 ไตรมาสที่เหลือมันก็ยังมีส่วนที่คิดว่าในส่วนของการฟ้องของไตรมาสที่ 3 ที่ 4 ปีที่แล้วน่าจะส่งผลในปีนี้จากการที่ประมาณการเอาไว้

หากท่านนักลงทุนมีคำถามเพิ่มเติม สามารถส่งมาที่ ir@chase.co.th หรือเบอร์โทร 028558285 ขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามารับฟัง Oppday ของเราในไตรมาสที่ 1 ครั้งนี้

สรุป

โดยสรุปแล้ว CHASE เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว นโยบายภาครัฐ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโต โดยเน้นการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ และการรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับลูกหนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2568

โพสต์ล่าสุด