บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SNNP สรุปผลประกอบการ Q1/2568 ตอกย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมอัปเดตทิศทางธุรกิจปี 2568
P/E 11.07 YIELD 8.53 ราคา 7.35 (0.00%)
SNNP สรุปผลประกอบการ Q1/2568 ตอกย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมอัปเดตทิศทางธุรกิจปี 2568
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มีผลกระทบเชิงบวกจากการเติบโตของยอดขายในประเทศอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของยอดขายในต่างประเทศ
ยอดขายในประเทศเติบโตเป็น Double-Digit ที่ 10% จากสินค้าเดิมที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง (เบนโตะ, เจเล่, โลตัส, เมจิกฟาร์ม) และการออกสินค้าใหม่
ยอดขายต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะในประเทศ Potential ต่างๆ และเวียดนาม (หลังจากแก้ไขปัญหาการจัดจำหน่าย)
Gross Profit Margin (GPM) สูงสุดตั้งแต่ผลิตและจัดจำหน่ายเองได้ เนื่องจากกลยุทธ์ผสมผสาน (สินค้าใหม่, Sourcing วัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ, Trend Packaging, ประสิทธิภาพการผลิต)
Net Profit Margin (NPM) สูงขึ้นตาม Top Line และ GPM ที่สูงขึ้น พร้อมควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
ภาพรวมงบการเงินรวม ยอดขายเติบโต 3% YoY แต่ลดลง 8% QoQ (เป็นไปตาม Seasonality ที่ Q4 เป็น High Season)
ยอดขายรวม 1,486 ล้านบาท กลุ่ม Snack ทำกำไรได้สูงกว่า Beverage เติบโต 7% YoY, Beverage เติบโต 5% QoQ
Distribution Channel: ในประเทศเติบโต 10% YoY, ต่างประเทศลดลง 18% (แต่มีสัญญาณที่ดีขึ้น), สัดส่วนรายได้ในประเทศ 80%, Overseas 20%
สัดส่วนรายได้จาก Snack 55%, ในประเทศ 80% (Modern Trade 60%, General Trade ค่อยๆ เติบโต), Overseas หลักๆ จากเวียดนาม 40%, CLMV 30%, อื่นๆ 30%
Key Financial Ratio: ต้นทุน, ค่าใช้จ่าย, GPM, NPM เป็นไปตาม Performance ที่ปิดมา, GPM ขยับจาก 29.5% เป็น 30%, NPM เกือบ 12%
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
การเติบโตในตลาดต่างประเทศ: ขยาย Export และ Recovery กลับมา (เน้นเวียดนาม) โดย Transform ตัวเองจาก Exporter เป็น Distribution Ship
การเติบโตของตลาด Snack และ Beverage: Global Market Size ยังมีขนาดใหญ่และเติบโตต่อเนื่อง (เฉลี่ยเกือบ 5%)
การขยายไปยังตลาด Supplement: แม้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มี Market Size ใหญ่
การรักษา Market Share อันดับ 1 ในสินค้าหลัก (เจเล่, เบนโตะ) และเติบโตกว่าตลาดที่โต
การออกสินค้าใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นตลาดและตอบรับผู้บริโภค
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่โต: สงครามการค้า, เป้าหมาย GDP ที่ไม่โต, ความไม่แน่นอนทางการเมือง
การแข่งขัน: การแข่งขันในตลาด FMCG ที่สูง
ความเสี่ยงภายนอก: สงครามการค้า, การเมือง, ภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม)
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
การวางกลยุทธ์ที่รัดกุมและเหมาะสม: เพื่อให้ Performance เป็นไปตามเป้าหมาย
การตอกย้ำความเป็น Market Leader: ในแบรนด์หลัก
การ Diversify ธุรกิจ: ขยายไปตลาดใหม่ๆ (Supplement), เพิ่มประสิทธิภาพการขาย
การควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุน: เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต
การใช้ Project Operation Excellence เพื่อสร้าง DNA ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
ตั้งเป้าเติบโต Double-Digit (10-15%) ในปี 2568
เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนในแต่ละประเทศ (Overseas)
Transform เป็น Distribution Ship ในต่างประเทศ
Localized Approach: ปรับสินค้าให้เข้ากับ Character ผู้บริโภคในแต่ละประเทศ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 48:40]
-
**คำถาม: บริษัทมีความกังวลใดๆ ใน 1-3 ปี หรือไม่ และมีแผนการรับมืออย่างไร?**
**คำตอบ (คุณวิโรจน์):** ความกังวลอยู่ที่การทำให้ธุรกิจเติบโต ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศที่ไม่แน่นอน จึงต้องมีแผนรับและแผนรุก และศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อวางแผนให้ถูก
-
**คำถาม: บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ?**
**คำตอบ (คุณสุภโชค):** การเป็นบริษัทธรรมาภิบาล (ESG) และการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
**คำตอบ (คุณฐากร):** ความต้องการของผู้บริโภค และคุณภาพสินค้า การกระจายสินค้าให้ดี การทำพื้นฐานให้แข็งแรง และมีการรีวิวแผนตลอดเวลา เพราะปัจจัยภายนอกควบคุมไม่ได้
-
**คำถาม: สอบถามตัวเลข ROIC เทียบกับตัว WACC**
**คำตอบ (คุณสุภโชค):** ROIC ไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 12% ส่วน WACC อยู่ที่ 6%
-
**คำถาม: แนวโน้มผลการดำเนินงานใน Q2/68 เป็นอย่างไรบ้าง?**
**คำตอบ (คุณวิโรจน์):** (ตอบแบบระมัดระวัง) ฝนมาเร็ว อาจทำให้ Beverage โตไม่ตามเป้า แต่ภาพรวมยังโตอยู่
**คำตอบ (คุณฐากร):** ต่างประเทศน่าจะโต แต่ไม่ตามเป้า เพราะมีผลกระทบจาก Trump Tariff และภูมิอากาศ แต่ยังคงเน้นทำแผนการตลาดอย่างรัดกุม
**คำตอบ (คุณฐากร):** ภาพรวมคือ สินค้า FMCG ที่เป็น Market Leader อย่าง Jele และ Bento การเติบโตอยู่ที่การ Drive ตลาด ถ้าตลาดไม่โต ยอดขายก็ไม่มี
-
**คำถาม: จากมาตรการภาษีนำเข้าของอเมริกา มีผลกระทบต่อบริษัทอย่างไร?**
**คำตอบ (คุณฐากร):** มีผลกระทบบ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะตลาดหลักอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีฐานผลิตในเวียดนาม (ซึ่งมี FTA ที่ดีกว่าไทย)
-
**คำถาม: ทำไมยอดขายเวียดนามถึงลดลงใน Q1 ปีนี้ แม้จะแก้ปัญหา Distributor ได้แล้ว?**
**คำตอบ (คุณฐากร):** Q1 ปีนี้เน้นเรื่องการกระจายสินค้าในตลาดต่างจังหวัดให้กว้างขึ้น (เน้นการเติบโตแบบ Organic) ไม่เน้นการอัดสินค้าเหมือน Q1 ปีที่แล้ว (ปีที่แล้วตัวเลขเลยสูง แต่ไม่ยั่งยืน)
-
**คำถาม: เข้าสู่ฤดูฝน จะทำให้ยอดขายลดลงไหม และถ้าเกิดน้ำท่วม จะมีผลกระทบอย่างไร?**
**คำตอบ (คุณวิโรจน์):** ธรรมชาติของ FMCG คือ Q3 เป็น Low Season เพราะคนไม่ออกไปจับจ่ายใช้สอย ถ้าน้ำท่วมใหญ่ก็มีผลกระทบแน่ แต่คงเป็นจุดๆ (บริหารจัดการโดยไม่ให้ลูกค้า Stock สินค้าเยอะเกินไป) แต่สิ่งที่กระทบมากกว่าคือฝนตกทุกวัน
-
**คำถาม: สหรัฐอเมริกาเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเวียดนามสูงกว่าไทย มีผลอย่างไร?**
**คำตอบ (คุณฐากร):** อเมริกาให้ความสำคัญกับเวียดนามมากกว่าไทย คาดว่าจะเซ็นสัญญากับเวียดนามก่อนไทย (จะทำให้ SNNP ขายสินค้าจากเวียดนามไปอเมริกาได้มากขึ้น)
-
**คำถาม: Utilization Rate กี่เปอร์เซ็นต์ คือจุด Breakeven Point?**
**คำตอบ (คุณสุภโชค):** (ภาพรวม) โรงงานในไทยเฉลี่ย 70-80% (แล้วแต่ช่วง High/Low Season), โรงงานเวียดนาม 60% (ทุกโรงงาน Generate Profit แล้ว)
-
**คำถาม: สัดส่วนรายได้ปีนี้เป็นอย่างไร และอะไรคือสินค้าเรือธง?**
**คำตอบ (คุณสุภโชค):** เป้าหมายคือ 75:25 (ในประเทศ:ต่างประเทศ), 55:45 (Snack:Beverage), สินค้าเรือธงยังคงเป็นสินค้าหลักภายใต้ 4 แบรนด์หลัก
-
**คำถาม: กระแสตอบรับสินค้าเป็นอย่างไรบ้าง หลังมี Presenter ใหม่ๆ?**
**คำตอบ (คุณวิโรจน์):** ค่อนข้างดี ดีกว่าที่คาด สถานที่จัดงานแทบไม่พอรองรับ
-
**คำถาม: Jele Chewy เปลี่ยนเป็น C-Nool New แล้วสดใสมาก มีแผนเปลี่ยน Packaging สำหรับ Jele Beauty ด้วยหรือไม่?**
**คำตอบ (คุณวิโรจน์):** ยังไม่มีแผน เพราะเพิ่งถ่ายทำหนังโฆษณาด้วย Presenter คู่ใหม่ และใช้ Packaging นั้นอยู่
-
**คำถาม: ในต่างประเทศ ยอดขายต่างประเทศค่อนข้างหายไปเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้น และแนวโน้มปี 2568 เป็นอย่างไร?**
**คำตอบ (คุณสุภโชค):** หลักๆ คือยอดขายจากเวียดนามที่หายไป เพราะปีที่แล้วเข้าไป Fix ปัญหาการกระจายสินค้า ปีนี้เน้นการเติบโตแบบ Organic
**คำตอบ (คุณฐากร):** ปีที่แล้วอัดสินค้าเข้าตลาดเยอะ Q1/68 เลยสู้ไม่ได้ ต้องดู Q2 จะเห็นความต่าง (เพราะ Q2 คือปีที่แล้วเริ่ม Reform ฐาน)
-
**คำถาม: บริษัทมีแผนในการลงทุนนอกเหนือจาก Core Business หรือไม่?**
**คำตอบ (คุณสุภโชค):** ในระยะอันใกล้นี้ยังไม่มีแผน คงต้องสร้างฐานธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งก่อน
-
**คำถาม: อยากทราบเรื่องของ Sipo (สิริโปร) เป็นอย่างไร**
**คำตอบ (คุณวิโรจน์):** เปลี่ยนทีมบริหารใหม่ยกทีม, ลด Warehouse จาก 12 เหลือ 9, ลดจำนวนรถขนส่งจาก 100 กว่าคัน เหลือ 70 คัน (ลดการขาดทุน), Q1/68 ขาดทุน 9 ล้าน (แนวโน้มดีขึ้น), คาดว่าปลายปีนี้จะขาดทุนน้อยลง/เท่าทุน และปีหน้าจะดีขึ้น
โดยสรุป, SNNP ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับสินค้าหลักและตลาดในประเทศ ควบคู่ไปกับการขยายตลาดต่างประเทศอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก แต่บริษัทก็ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตและพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้