https://aio.panphol.com/assets/images/community/6694_cbd8a9.png

PRTR: สรุป Oppday ไตรมาส 1 ปี 2568 – โอกาสและความท้าทายในโลก HR ยุคใหม่

P/E 8.79 YIELD 7.49 ราคา 3.34 (0.00%)

PRTR: สรุป Oppday ไตรมาส 1 ปี 2568 – โอกาสและความท้าทายในโลก HR ยุคใหม่

สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ของ PRTR โดยมีผู้บริหารเข้าร่วม ได้แก่ คุณนริตา จากฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์, คุณริศรา เจริญพานิช CEO และคุณธีรภัทร เพชรบุรี CFO

Agenda ในวันนี้จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ ภาพรวมบริษัทและไฮไลท์ไตรมาส 1, การอัปเดตความคืบหน้าของ M&A และผลการดำเนินงานทางการเงิน (Financial Performance) ของไตรมาส 1

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

PRTR นำเสนอภาพรวมของ Total HR Solution โดยรายได้หลักยังคงมาจาก Outsourcing คิดเป็น 96.32% ซึ่งครอบคลุมบริการต่างๆ เช่น Payroll, Background Check, Visa Work Permit และ Training หากนึกถึงภาพ Outsourcing ง่ายๆ คือ พนักงานขายในห้างสรรพสินค้าที่ PRTR ดูแลให้ ถือเป็นพนักงานที่จ้างโดย PRTR และให้บริการ Outsourcing แก่ลูกค้า

ธุรกิจที่สองคือ Recruitment ซึ่งมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ (PRTR Global) ไตรมาสนี้มีสัดส่วนรายได้ 2.77% จุดแข็งของ Recruitment คือ Candidate Database ที่มีกว่า 600,000 คน และทีม Recruiter ที่ดูแลทั้ง Generalist และ Special Industry สามารถดูแลได้ทั้ง All Job Level และ All Job Function ไม่ว่าจะเป็น Junior หรือ Executive

ธุรกิจน้องใหม่ 3 ส่วน คือ

  1. Pino Solution: HRIS Software ที่ทำเรื่อง Payroll และ Performance Management ผ่านแอปพลิเคชัน Self-Service กลุ่มเป้าหมายคือลูกค้า Sector กลางๆ ประมาณ 500-1,000 User
  2. The Blacksmith: Integrated Learning Platform ทั้ง Offline และ Online มีคอร์ส Offline กว่า 60 คอร์ส
  3. Next Move: Job Platform ที่มา Fill ใน Part ที่ HR ของบริษัทอาจจะยังทำเอง สามารถ Post Job Ad ผ่าน Platform ได้

ลูกค้า Outsourcing ส่วนใหญ่อยู่กับ PRTR มามากกว่า 8 ปี โดยมี Market Share ประมาณ 5.6% ของ Market Size ที่มีมูลค่าประมาณแสนล้านบาท

เทคโนโลยีที่ PRTR ใช้ Support ใน Part ของ Outsourcing Business คือ PRTR Connect ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหลักที่ช่วย Support พนักงานและ Line Manager ในการดูแลจัดการเรื่องกะ, การเข้างาน, Check-in Check-out นอกสถานที่

ทีม Recruiter มีประมาณ 140 คน ดูแล Job Function ต่างๆ โดยมี Market Share 8.9% ในฝั่งของ Recruitment ซึ่งตลาดมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท

ไตรมาส 1 ปิด Revenue ที่ 1,885 ล้านบาท เติบโต Year-on-Year 9% Net Profit อยู่ที่ 55 ล้านบาท Net Profit Margin 2.9% Outsourcing มีจำนวน 19,027 คน เติบโต Year-on-Year 10.4% Recruitment ปิดที่ 568 Placement

มีการจ่าย Dividend ไปเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม โดยมี Dividend Payout Ratio ที่ 66% คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 6.72%

Key Strength ของ PRTR คือ Recurring Revenue จาก Outsourcing และธุรกิจใหม่ๆ ที่ขายเป็น SaaS Model โดยคาดว่า Recurring Revenue จะอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ต่ำกว่า 95%

Outsourcing ไตรมาสนี้ปิดที่ 19,027 คน Target Revenue ยังตั้งไว้ที่ 15% ของปีนี้ กลุ่ม PC มีการเติบโต 10% Office เติบโต Worker ยังมี Demand Engineer ลดลงเล็กน้อย Sale Marketing และ Customer Service ลดลงเนื่องจากลูกค้าแบงก์ Transfer Head กลับไปดูแลเองบางส่วน แต่ Project ยัง Continue อยู่

Q1 สามารถ Boarding Client ใหม่ๆ ได้ โดยเน้น Direction ที่จะโตใน Beauty ได้ลูกค้ากลุ่ม Beauty BA และ Office ใน Industry ของ Beauty เพิ่มเข้ามา ฝั่ง Sale กับ Marketing IT Officer มีในกลุ่ม Retail Industry เติบโต

Prospect Q2 จะมี Engineer ใน Oil & Gas ประมาณ 100 Head ที่ Confirm แล้ว รวมถึงกลุ่มคนขับรถ EV ในฝั่ง Wholesale Retail Industry ประมาณ 300 Head across Q2 ถึง Q3

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

Recruitment เอง Q1 Improve จาก Q4 และเติบโตตาม Industry ที่ Plan เอาไว้ Junior อาจจะ Slow ไปใน Q1 แต่ Q2 มี Demand เข้ามาในฝั่ง PC ในกลุ่ม Fashion รวมถึง Project Content Moderator ที่คอยตรวจสอบ Content ต่างๆ ใน Social Media มี Project ที่จะ On ไปถึง Q2 และ Q3 Middle กับ Executive Improve จาก Q4 Q2 มี Demand ในฝั่ง Data Center Growing

ฝั่ง Overseas Recruitment กำลังคุยเรื่อง Project Nurse กับทาง สิงคโปร์ Target ว่าจะเริ่มได้ใน Q3

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

Recruitment Target Revenue Growth ปรับประมาณการลงอยู่ที่ 5-10% ตามสภาพเศรษฐกิจ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

New Service Q1 ปิดที่ 18.6 ล้านบาท เติบโตจาก Q4 12% และ Year-on-Year 24% Blacksmith อยู่ที่ 6.6 ล้านบาท เกิดจากการ Recognize Income จาก Training ไตรมาส 1 อาจจะ Slow ในเรื่องของการ Confirm วัน Training ทำให้ Delay แต่ยอดขายที่ Sale ปิดได้อยู่ที่ 10-12 ล้านต่อเดือน ต้องไปขยับเรื่อง Training Date ให้ Confirm เร็วขึ้น อาจจะมี Event หลายๆ อย่าง เรื่องของแผ่นดินไหว เอง อะไรต่างๆ ที่ทำให้แผนการอบรม Delay ไปเล็กน้อย

Pino มาตามเป้ามาก Q1 ปิดอยู่ที่ 11.4 ล้านบาท เทียบกับ Q4 ปิดอยู่ที่ 9.2 และ Year-on-Year ปิดปีที่แล้วปิดอยู่ที่ 5.8 Pino ตอนนี้ Q1 มี User ที่ Confirm ไปแล้วประมาณ 4,300 User เพิ่มขึ้น ไม่รวมของ PRTR ที่โอนย้ายมาประมาณ 18,600 Headcount ทำให้ตอนนี้ Q1 Pino มี User แล้วอยู่ในระบบประมาณ 42,000 ประมาณ 40,000

Prospect Q2 ที่ Confirm แล้วอีกประมาณ 4,500 User เพราะนั้นภาพรวมของ Pino ตอนนี้ ตั้งเป้าไว้ 50,000 ตอนนี้ Current เราอยู่ประมาณ 47,500 แล้ว

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

Pino ตั้งเป้าหมาย 50,000 user ปัจจุบันอยู่ที่ 47,500 user คาดการณ์ว่าจะทำได้ตามเป้าและ Break Even ในปีนี้ ส่วน Blacksmith ยังอยู่ในเป้าที่จะ Break Even ในปีนี้เช่นกัน

New Service เป็นไปตามเป้า Q1 ตัวเลขที่เห็นติดลบเพิ่มขึ้นจาก Q4 มี One Time เรื่องของ Bonus ที่จ่ายให้พนักงานในไตรมาส 1 ขึ้นมาประมาณ 2.4 ล้าน ซึ่งเป็น One Time

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 40.57]

Q: PRTR มีความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจ 1-3 ปีนี้ และมีแผนรับมืออย่างไร รวมถึงให้ความสำคัญกับสิ่งใดในการดำเนินธุรกิจ

A: สภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย PRTR ก็เช่นเดียวกัน ธุรกิจ Recruitment อาจได้รับผลกระทบ แต่ Outsourcing ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ดีและเติบโตได้ดี

ทาง PRTR ไม่ประมาท พยายามโตไปในทิศทางที่อยากจะไป คือเพิ่ม Job Function ใหม่ๆ เพิ่ม Industry ใหม่ๆ ให้ได้ เติบโตแบบ Sustainable Growth อย่างต่อเนื่อง และเติบโตในธุรกิจที่ค่อนข้างมั่นใจว่ามีความรู้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหม่ๆ ตัว Pino เอง ตัว The Blacksmith เอง เป็นธุรกิจที่โฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกัน คือ Corporate และสามารถทำให้ค่อยๆ พัฒนาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

Q: Gross Margin ของ Outsourcing ลดลงจากปี 65 และ 66 จนล่าสุด Q1 ปี 68 อยู่ที่ 7% อยากให้ CEO ช่วยอธิบาย

A: ปี 2565 ตัวเลขค่อนข้างสูงที่ 8% เนื่องจากมี Effect จากโควิดและรัฐบาลสนับสนุน โดยที่ลดในส่วนของเงินประกันสังคม คอร์สของบริษัทจึงลดลงจากค่าเงินประกันสังคม ทำให้ปี 2565 GP อยู่ในระดับสูง และปรับลงมาอยู่ในระดับ Normal Level ในปี 66 และ 67 ซึ่ง 3 ปีนี้ GP จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน คือประมาณ 7.6%

ไตรมาส 1 ที่ปรับตัวลดลงจะมาจาก Project ใหญ่ที่เป็น BPO ซึ่ง Transfer Staff ของเราไปเป็น Staff ของลูกค้าบางส่วน ทำให้ในส่วนของ BPO ซึ่งมี GP ที่สูง ตัวเลขที่ปรับตัวลดลงในส่วนของ GP

Q: มีกลยุทธ์อย่างไรในการที่จะทำให้ตัว GP ของ Outsourcing เพิ่มขึ้น

A: กลยุทธ์ของ Outsourcing หลักๆ ในปีนี้ จะพยายามที่จะเจาะเข้าไปในส่วนของกลุ่ม Job Function ที่มี GP สูง ได้เรื่องของ Engineer Technician Engineer เข้ามา รวมถึง Project ที่จะคุยกับลูกค้าใน New Project ใหม่ๆ พยายามที่จะตั้ง GP ให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม ที่มันจะช่วยให้ดึง GP ของ PRTR ขึ้นได้ในระยะยาว

Q: ที่ประมาณการไว้ว่าจะมีกลุ่มที่เป็น Technician ในปิโตรเคมีเข้ามา PRTR คิดว่าจะช่วยดึงรายได้ต่อหัวต่อเดือนขึ้นมาสักประมาณเท่าไหร่

A: Technician และ Worker ที่ได้มาในกลุ่มของธุรกิจ Energy ในส่วนของรายได้ต่อหัวอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่กลุ่มนี้สามารถทำ GP ได้ค่อนข้างดี พนักงานไม่ได้มี Turnover สูง เพราะฉะนั้นตัว Net Profit ก็จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ด้วย

Q: ฝั่งของ Outsourcing กลุ่มไหนมี Turnover สูงสุด และสัดส่วนของลูกค้าเองมาจากลูกค้าเก่าลูกค้าใหม่ประมาณเท่าไหร่ จะมีการเพิ่ม Sale หรือ Recruiter ในปีนี้ไหม ในธุรกิจ Outsourcing

A: เป็นกลุ่มพนักงานขายหรือกลุ่มพนักงาน PC ยังทำ 2 ทางควบคู่กันไป ทั้งไปที่ลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า สัดส่วนน่าจะพอๆ กัน อยู่ที่ประมาณครึ่งๆ ไม่ได้เพิ่มทีม Sale แต่จำนวนอาจจะไม่ได้เยอะมาก

โพสต์ล่าสุด