บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TOA สรุปผลงาน Q1/2568: กำไรโตสวนกระแส! ชู Net Zero Organization
P/E 10.22 YIELD 4.62 ราคา 13.30 (0.00%)
TOA สรุปผลงาน Q1/2568: กำไรโตสวนกระแส! ชู Net Zero Organization
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**TOA สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 โดยมียอดขาย 5,425 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 37.2% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการวัตถุดิบและต้นทุนที่ดี
ค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 679 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คิดเป็น 12.5% ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 374 ล้านบาท ลดลงทั้ง Year-on-Year และ Q-on-Q เนื่องจากการเก็บหนี้ที่ดีขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในไทย
กำไรสุทธิ (Net Profit) อยู่ที่ 733 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว 62.7% แต่ลดลงจากปีที่แล้ว 8.8% หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (Forex Exchange) กำไรสุทธิจากการดำเนินงานหลัก (Core Net Profit) สูงกว่าปีที่แล้ว
สัดส่วนยอดขาย Decorative เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว Non-Decorative เพิ่มขึ้นทั้งไตรมาสต่อไตรมาส และ ปีต่อปี ที่ 3.3% และ 1.8% ตามลำดับ โดยรวม Q-on-Q เพิ่มขึ้น 3.7% แต่ Y-on-Y ลดลงเล็กน้อย 0.2% การเติบโตหลักมาจากประเทศเมียนมา
ยอดขายจาก Retail เติบโตขึ้นทั้ง Quarter-on-Quarter และ Year-on-Year ที่ 6.2% และ 0.5% ตามลำดับ Modern Trade เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่แล้ว แต่ลดลง 3.5% Year-on-Year โดยรวมเพิ่มขึ้น 3.7%
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากการขยายธุรกิจไปยังกลุ่ม Non-Decorative มากขึ้น โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกรูปแบบ
TOA มีการร่วมมือกับแสนสิริในการพัฒนาโครงการที่มุ่งสู่ Net Zero ทั้งสินค้าและนวัตกรรม นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล Most Admired Company และแบรนด์สีอันดับ 1 ที่ครองใจคนไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 14
บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น Four Season 2 in 1 (สีรองพื้นและสีทับหน้าในกระป๋องเดียว), สเปรย์แลคเกอร์สำหรับเฟอร์นิเจอร์, และซีแลนท์ที่มีความยืดหยุ่นสูง รวมถึงสุขภัณฑ์อัจฉริยะแบรนด์ Jomoo ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำในจีน
ความเสี่ยงหลักที่บริษัทกำลังเผชิญคือภาวะเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลง รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่อาจทำให้การขายคอนโดมิเนียมชะลอตัวลง
4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**TOA ตระหนักถึงปัญหาแผ่นดินไหว จึงได้ออกคู่มือดูแลและซ่อมแซมบ้านเรือนรอยร้าวต่างๆ ให้คนไทย และสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของบริษัท
บริษัทพยายามรักษาต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สรรหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และส่งมอบบริการที่ดีที่สุด
บริษัทมีการปรับปรุงโรงงานบางนาและสำโรง อัปเดตซอฟต์แวร์ และติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**TOA ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตโดยการขยายธุรกิจในกลุ่ม Non-Deck มากขึ้น และนำเสนอสินค้าที่หลากหลายครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกวงจร
บริษัทมีแผนที่จะลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้ 50% ภายในปี 2030 โดยใช้ Solar Rooftop, ปรับเปลี่ยนเครื่องจักร, และใช้รถ EV
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 43.40]** * **ความกังวลในช่วง 1-3 ปี และแผนรับมือ** * **คำถาม:** บริษัทมีความกังวลใดๆ ในช่วง 1-3 ปีนี้หรือไม่ และมีแผนรับมืออย่างไรบ้าง * **คำตอบ:** ธุรกิจของ TOA เป็นมากกว่าสี และขยายไปยังวัสดุก่อสร้างอื่นๆ บริษัทกังวลเรื่องการฟื้นฟูอสังหาริมทรัพย์ และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เนื่องจากปีนี้มีหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบ ทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่บริษัทมองว่าเป็นวิกฤตที่เป็นโอกาสในการขยายตลาดไปสู่การซ่อมแซม บริษัทพยายามรักษาต้นทุน สรรหาวัตถุดิบคุณภาพสูง ตอบสนองความต้องการลูกค้า และส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ * **สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ** * **คำถาม:** บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ * **คำตอบ:** สิ่งที่สำคัญที่สุดคือลูกค้า บริษัทพัฒนาสินค้า พัฒนาการให้บริการ และพัฒนาความหลากหลายของสินค้า (Total Solution) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า * (เสริม) นอกจากนี้ TOA ยังให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยง การบริหารจัดการเพื่อเตรียมความพร้อมในทุกมิติ และการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย * **ลูกหนี้การค้ากับกิจการที่เกี่ยวข้องค้างชำระเกิน 1 ปี** * **คำถาม:** ลูกหนี้การค้ากับบุคคล/กิจการที่เกี่ยวข้องค้างชำระเกิน 1 ปี สูงถึง 837 ล้านบาท แต่ตั้งสำรองหนี้สูญเพียง 190 ล้านบาท เพราะเหตุใด * **คำตอบ:** หนี้ส่วนใหญ่เป็นของบริษัทในเครือในต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนี้สินระหว่างกัน บริษัทพิจารณาและตั้งสำรองตามความเหมาะสม โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดจากแผนธุรกิจ 5 ปี และตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต * TOA พยายามลดความเสี่ยงและติดตามหนี้สินอย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น กรณีของพม่า (เมียนมา) ที่ไม่สามารถโอนเงินออกนอกประเทศได้ แต่ปัจจุบันสามารถโอนได้แล้ว * **ธุรกิจของ FastMix และเงินปันผล** * **คำถาม:** FastMix ทำธุรกิจอะไร และเงินปันผลที่ได้รับ (48 ล้านบาท) เป็นเงินปันผลพิเศษหรือไม่ * **คำตอบ:** FastMix ทำธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง (ปูน Mortar ฯลฯ) TOA ถือหุ้น 80% และได้ซื้อหุ้นจนครบ 100% แล้ว เงินปันผลที่ได้รับเป็นเงินปันผลปกติในรอบปีนั้นๆ เนื่องจากกระแสเงินสดของ FastMix ค่อนข้างสูง * **สินเชื่อระยะสั้นที่ให้บริษัทในเครือ** * **คำถาม:** สินเชื่อระยะสั้นที่ให้บริษัทในเครือ (ไม่มีหลักประกัน) มูลค่ารวม 529 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3-3.5% บริษัทที่กู้ไปทำธุรกิจอะไร และมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ * **คำตอบ:** เป็น Operating Cash ที่ให้บริษัทในเครือในต่างประเทศทำธุรกิจสี (ทั้ง Deck และ Non-Deck) เงินที่ปล่อยไปเพื่อบริหารจัดการ และลงทุนขยายกำลังการผลิต บริษัทประเมิน Discounted Cash Flow และแผนการชำระหนี้ 5 ปี ส่วนใหญ่บริษัทมีการชำระหนี้ตามปกติ * (เสริม) หนี้สินที่สูงขึ้นมาจากพม่า (เมียนมา) ที่ไม่สามารถโอนเงินออกนอกประเทศได้ แต่ปัจจุบันทยอยโอนได้แล้ว และเงินที่ปล่อยกู้ไปเพื่อพัฒนา ลงทุน และขยายกำลังการผลิตในอนาคต ไม่ได้ปล่อยกู้ออกข้างนอก แต่เป็นบริษัทในเครือทั้งหมด * **แนวโน้มการดำเนินงานใน Q2 ปีนี้** * **คำถาม:** แนวโน้มการดำเนินงานใน Q2 ปีนี้จะเป็นอย่างไร จะดีกว่า Q1 หรือไม่ เพราะเหตุใด * **คำตอบ:** Q1 ดรอปลงเล็กน้อย Q2 มีปัจจัยเรื่องฝนตก ซึ่งมีผลต่อยอดขายสี แต่เคมีภัณฑ์ก่อสร้างบางตัวและเซรามิกยังขายได้ ธุรกิจสีซึ่งเป็นโมเดลหลักอาจชะลอตัวลงเนื่องจากเป็นฤดูกาล * (เสริม) ปีนี้ฝนมาเร็วกว่าทุกปี อาจฟื้นตัวได้ภายหลังจากช่วงฝนตก และขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมด้วย * **ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า** * **คำถาม:** ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะเป็นผลบวกกับบริษัทหรือไม่ * **คำตอบ:** มีทั้งผลบวกและผลลบ ผลบวกคือราคาวัตถุดิบลดลง (นำเข้า 60-70%) ผลลบคืออาจมีผลต่อ Mark-to-Market สำหรับเงินลงทุน และการปรับมูลค่าหนี้ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ แต่โดยรวมแล้ว ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมีส่วนทำให้ Margin สูงขึ้น * (เสริม) ไม่ใช่แค่เรื่องเดียว แต่มีการบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสมด้วย * **ดีมานด์สินค้าซ่อมแซมจากแผ่นดินไหว** * **คำถาม:** จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว มีดีมานด์สินค้า (สี หรือวัสดุซ่อมแซม) เพิ่มขึ้นหรือไม่ * **คำตอบ:** มีทั้งเชิงบวกและเชิงลบ เชิงบวกคือมีความต้องการใช้สีและวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นเพื่อตกแต่งซ่อมแซม (ทั้งแนวราบและแนวสูง) คอนโดมีการซ่อมแซมกันมาก แต่เชิงลบคือ Developer อาจชะลอการซื้อคอนโดแนวสูงโดยสรุปแล้ว TOA ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับลูกค้า การบริหารจัดการต้นทุน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น