บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SAPPE: เอเซีย พลัส ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 38 บาท หลังยอดขาย Q1 ดิ่ง!
P/E 11.32 YIELD 7.26 ราคา 31.25 (0.00%)
ASPS คงคำแนะนำ "Neutral" แม้ SAPPE เจอหลายปัจจัยลบ แต่ราคาหุ้นสะท้อนไปมากแล้ว คาดปันผลยังจูงใจ
ไฮไลท์สำคัญ:
SAPPE ปรับลดเป้ายอดขายปี 2568 อย่างมาก จากเดิมคาดโต 5% เป็นหดตัว -10% ถึง -20% หลังยอดขาย 1Q68 ลดลงแรงถึง 38% YoY โดยเฉพาะในยุโรปและตะวันออกกลาง
ผลกระทบและแนวโน้ม:
บริษัทคาดยอดขายจะฟื้นตัว QoQ ใน 2Q68 และดีขึ้นต่อเนื่องใน 2H68 แต่อัตรากำไรขั้นต้นอาจปรับลดลง QoQ จากผลกระทบด้านลบจากค่าเงินบาทแข็งค่า
ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มกำไรสุทธิใน 2Q68 ยังอ่อนแอ โดยหดตัวแรง YoY จากผลกระทบของยอดขายที่ยังอ่อนแอ อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง และค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวเล็กน้อย QoQ ตามการฟื้นตัวของยอดขาย
ASPS ปรับประมาณการกำไรปี 2568 ลง 17% มาอยู่ที่ 1,081 ล้านบาท (-14% YoY) และปี 2569 ลง 23% เป็น 1,144 ล้านบาท (+6% YoY) โดยมีเหตุผลหลักจากยอดขายต่างประเทศที่อ่อนแอกว่าคาด, ค่าเงินบาทแข็งค่า, และการเปิดโรงงานใหม่ที่ทำให้ค่าเสื่อมราคาเพิ่มกดดันอัตรากำไรขั้นต้น
ข้อสังเกตและการวิเคราะห์:
ASPS ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568 ลงเหลือ 38.00 บาท (อิง PER ที่ 10.8 เท่า หรือ -2.0S.D.) จากเดิม 65.00 บาท (PER 15.3 เท่า หรือ -2.0S.D.)
ยอดขายใน 1Q68 หดตัวแรงถึง 38% โดยคาดยุโรป และตะวันออกกลางจะเป็นภูมิภาคที่น่าจะเห็นการหดตัวของยอดขายแรงสุดในปีนี้ โดยมีปัญหาหลักจากกำลังซื้อที่ชะลอลงตามสภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับลูกค้าในประเทศหลักอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษมีการตุนสต๊อกสินค้าไว้สูงเกินไปในช่วงก่อนหน้า ขณะที่อเมริกาได้รับผลกระทบด้านลบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีสหรัฐฯ
บริษัทคาดว่ายอดขายจะเริ่มฟื้นตัว QoQ ตั้งแต่ 2Q68 โดยเห็นการฟื้นตัวของยอดขายในทุกภูมิภาค ประกอบกับปัญหาเรื่องสต๊อกของลูกค้าในยุโรปคลี่คลายไปบางส่วนแล้ว ขณะที่ยอดขายในประเทศคาดมีทิศทางบวกต่อเนื่อง ใน 2Q68 โดยมีสินค้าอย่างน้ำผสมวิตามิน “B’lue” ที่ขายดี
อัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q68-4Q68 มีโอกาสที่จะอ่อนแอกว่า 1Q68 ที่ 46.0% โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งค่า
สรุปและคำแนะนำ:
ASPS คงคำแนะนำ “Neutral” เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบัน ได้ปรับลงมาสะท้อนแนวโน้มเชิงลบไปมากพอสมควรแล้ว ประกอบกับคาด SAPPE ยังจ่ายปันผลในอัตราที่จูงใจที่ 7.1% ในปี 2568 และ 7.2% ในปี 2569