https://aio.panphol.com/assets/images/community/6630_c9dba8.png

สรุป OPPDAY : PCE ปี 2568 ไตรมาส 1 - มองหาโอกาสใหม่ ขยายตลาด พร้อมรับมือความผันผวน

P/E 13.08 YIELD 6.52 ราคา 2.30 (0.00%)

สรุป OPPDAY : PCE ปี 2568 ไตรมาส 1 - มองหาโอกาสใหม่ ขยายตลาด พร้อมรับมือความผันผวน

สวัสดีนักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้สนใจทุกท่าน เข้าสู่งาน Oppday ของบริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ประจำไตรมาส 1 ปี 2568

ผู้ร่วมนำเสนอในวันนี้ ได้แก่ คุณพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์สุขผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ และคุณคีรติ ชัยกุล ผู้ อำนวยการอาวุโส สายงานบัญชีและการเงิน โดยมีหัวข้อนำเสนอทั้งหมด 6 หัวข้อด้วยกัน:

  1. Company Overview
  2. Palm Oil Industry Update
  3. Financial Performance
  4. Performance & Outlook (Q2/2025)
  5. ESG
  6. Q&A Session

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย ดำเนินธุรกิจมา 40 ปี มี supply chain ครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางคือโรงสกัด จนถึงปลายทางคือน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคและไบโอดีเซล

ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทมีรายได้หลัก 5,437 ล้านบาท ลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (Year-on-Year) EBITDA อยู่ที่ 75 ล้านบาท ลดลง 60.3% และ Net Profit ลดลง 74.7% เหลือ 28 ล้านบาท

สาเหตุหลักมาจากการบันทึกรายการพิเศษ (One-time) คือ NRV (Net Realizable Value) หรือการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือ จำนวน 94.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในช่วงกลางไตรมาส 1

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียและยุโรป รวมถึงการมองหาพาร์ทเนอร์ใหม่ ๆ เพื่อเจาะตลาดใหม่ ๆ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ High Value Added และใช้เงิน IPO เพื่อต่อยอดธุรกิจ สร้าง Efficiency ในการผลิต

บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการ Ocean Palm ซึ่งเป็นโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มครบวงจร คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ (Trump 2.0) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อลูกค้าหลักอย่างประเทศจีน ทำให้ Demand น้อยลงเนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลก และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีแผนรับมือความเสี่ยงโดยการติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างใกล้ชิด บริหารจัดการ Stock คงคลัง และวิเคราะห์ Demand-Supply เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยง

นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์ในการสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องของ Supply Chain ขยายตลาดใหม่ ๆ และมองหาพาร์ทเนอร์ใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโต

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทมองว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มยังมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เนื่องจากน้ำมันปาล์มยังเป็น High Value Added Product และ Green Product ที่มีความต้องการในอุตสาหกรรมอาหารและพลังงาน

บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ High Value Product เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 41.33]

* **แผนการเพิ่มกำลังการผลิต CPO นอกเหนือจากโรงงานปัจจุบัน** * ผู้บริหารตอบว่า มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว รวมถึงสร้างโรงงานใหม่เพื่อรองรับผลปาล์มที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต * **กรณี กนป. ปรับส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7** * ผู้บริหารตอบว่า จะช่วยเสริมการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากจะทำให้มีการใช้ CPO ในการผลิต B100 มากขึ้น * **ผลกระทบจากปรากฏการณ์ La Niña** * ผู้บริหารตอบว่า โดยทั่วไป La Niña ไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อปาล์ม เนื่องจากปาล์มเป็นพืชที่ชอบน้ำ แต่อาจมีอุปสรรคในการเก็บเกี่ยวในพื้นที่ที่น้ำท่วมขัง * **ความคืบหน้าในการสร้างโรงงาน** * ผู้บริหารตอบว่า ยังเป็นไปตามแผนเดิม โดยจะพยายามพัฒนาและขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ต้นทุนสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก * **โอกาสในธุรกิจอื่น ๆ เพิ่มเติม** * ผู้บริหารตอบว่า กำลังมองหาโอกาสในธุรกิจอื่น ๆ ที่สามารถนำน้ำมันปาล์มไปต่อยอดเป็น High Margin Product ได้ โดยจะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Raw Material เกี่ยวกับน้ำมันปาล์ม * **วิธีการบริหารจัดการค่าเงินบาท** * ผู้บริหารตอบว่า ปกติจะใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น Forward Contract เพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ได้รับผลกระทบน้อยจากความผันผวนของค่าเงิน * **ผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ** * ผู้บริหารตอบว่า ประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพยายามผลักดันการส่งออกไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า * **สถานการณ์ตลาดจีนและอินเดียในปัจจุบัน** * ผู้บริหารตอบว่า ตลาดจีนมีการส่งออก RBD PKO ค่อนข้างมาก และราคาแข่งขันได้ในตลาดโลก ส่วนอินเดียมีการผลักดันการส่งออก CPO มากกว่า 1 แสนตัน และยังมี Demand อยู่ * **การรับมือหากราคาปาล์มตกต่ำและการแทรกแซงราคาจากรัฐบาล** * ผู้บริหารตอบว่า จะควบคุมต้นทุนการผลิตให้ดีที่สุดเพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ เพราะหากต้นทุนสูง เกษตรกรก็จะไม่สามารถขายผลผลิตได้ * บริษัทยังคงเน้นสมดุลในเรื่องของราคาที่ให้แก่เกษตรกรและราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ เพื่อให้ทุกภาคส่วนอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน **หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป OPPDAY:** * **เพิ่มกำลังผลิต CPO** * **B5 เป็น B7 ดีต่อ PCE ?** * **La Niña กระทบปาล์มไหม?** * **สร้างโรงงานตามแผน?** * **โอกาสธุรกิจอื่น ๆ** * **บริหารค่าเงินบาท** * **กีดกันการค้า US กระทบ?** * **ตลาดจีน อินเดีย เป็นไง?** * **ปาล์มตกต่ำ รบ.แทรกแซง**

โดยสรุป PCE ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน พร้อมรับมือกับความท้าทายและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

โพสต์ล่าสุด