https://aio.panphol.com/assets/images/community/6629_a89bdc.png

สรุป Oppday BTG: เบทาโกรโชว์ผลงาน Q1/2568 สุดแกร่ง พร้อมลุยขยายตลาดต่างประเทศ

P/E 4.98 YIELD 2.93 ราคา 17.20 (0.00%)

สรุป Oppday BTG: เบทาโกรโชว์ผลงาน Q1/2568 สุดแกร่ง พร้อมลุยขยายตลาดต่างประเทศ

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

เบทาโกรรายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 ที่ 1,898 ล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้ง QonQ และ YoY สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นและการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

ยอดขายในสิงคโปร์เติบโตตามแผนจากการเข้าทำ M&A ทำให้ยอดขายในไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นเป็น 34 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยแบ่งเป็นยอดขายจากประเทศไทยที่ส่งออกไปสิงคโปร์ 6.8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และยอดขายจาก Aegi Culture (ที่ได้จากการทำ M&A) 27 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์

เบทาโกรได้รับการรับรอง CAC ในระดับ 3 ดาว แสดงถึงความสำคัญในเรื่องธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในสิงคโปร์ปี 2568 จะเติบโต 5-6 เท่า

เน้นการเติบโตใน product ที่เป็น food and meat และช่องทางการจัดจำหน่าย food service และ Modern Trade ในตลาดต่างประเทศ

ขยายกำลังการผลิตของไส้กรอกในกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มเดินกำลังการผลิตได้ในไตรมาสที่ 2

มีแผนที่จะแปรสภาพเนื้อไก่ในประเทศลาวมากขึ้น เพื่อชดเชยการต่อต้านการนำเข้าไก่จากต่างประเทศ คาดว่าจะเห็น volume ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง

3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

ราคาวัตถุดิบ (Raw Material) มีแนวโน้มลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจอาหารสัตว์

ความผันผวนของค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายในญี่ปุ่น

สถานการณ์ Trade War ระหว่างไทยและสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้า

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

เบทาโกรใช้กลยุทธ์ในการปรับ portfolio ของ product โดยนำสินค้าที่ขายไม่ดีออกจาก shelf และนำสินค้าที่ขายดีเข้าไปแทน

ปรับช่องทางการขายจากช่องทางที่มี low margin ไปเป็น higher margin เช่น ช่องทางการส่งออกและ Food Service

ลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เปลือกไม้แทนถ่านหิน ตั้งเป้าหมายการใช้เปลือกไม้ที่ 68% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 37% ในปีที่แล้ว

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

แนวโน้มราคาวัตถุดิบ (Raw Material) คาดว่าจะต่ำกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย

ราคาหมูในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะยืนแข็งอยู่ที่ 88 บาทต่อกิโลกรัม และยืนแข็งได้ต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 และ 3 จากปริมาณหมูในระบบที่ลดลงจากสถานการณ์โรคระบาดในสุกร

ราคาไก่ในไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับ Demand ในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรป

บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ภายในปี 2030 และ Net Zero ภายในปี 2050

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 46:38**
  1. สถานการณ์โรคในสุกรและไข้หวัดนก

    • Q: ช่วยอัปเดตสถานการณ์โรคในสุกรและไข้หวัดนก

    • A: โรคระบาดในสุกรมีผลกระทบต่อ Supply ทำให้ปริมาณหมูลดลง ราคาเพิ่มขึ้น บริษัทติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด มีมาตรการป้องกันและจัดการความเสี่ยง ไข้หวัดนกระบาดในอเมริกา มีการติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด มีมาตรการป้องกัน

  2. ยุโรป Demand เพิ่มขึ้นเพราะอะไร

    • Q: ยุโรป Demand เพิ่มขึ้นเพราะอะไร

    • A: ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น Trade War ทำให้ลูกค้ากังวลเรื่องค่าเรือและขนส่ง

  3. Trade War ประเมินผลกระทบอย่างไร

    • Q: Trade War ประเมินผลกระทบอย่างไร

    • A: ยังไม่แน่ชัด ติดตามใกล้ชิด รัฐบาลไม่นำเข้าชิ้นส่วนสุกร หากนำเข้าข้าวโพด คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อต้นทุน

  4. แผนขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

    • Q: แผนขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

    • A: ตั้งเป้า M&A 2,200 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 1,900 ล้านบาทที่สิงคโปร์ ส่วนที่เหลือคาดว่าจะลงทุนในเอเชีย

  5. ROIC เท่าไร

    • Q: ROIC เท่าไร

    • A: ประมาณ 14% สูงกว่า WACC

  6. แนวโน้ม Gross Profit Margin ในไตรมาส 2

    • Q: แนวโน้ม Gross Profit Margin ในไตรมาส 2

    • A: น่าจะยืนแข็งใกล้เคียงไตรมาส 1 หรืออาจจะดีกว่า

  7. วิธีการจัดการความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

    • Q: วิธีการจัดการความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

    • A: ทำ Natural Head รับเงินสกุลไหน จ่ายเงินสกุลนั้น มี Treasury Center ที่ได้รับ License จากแบงค์ชาติ

  8. เงินบาทแข็งค่า กระทบอย่างไร

    • Q: เงินบาทแข็งค่า กระทบอย่างไร

    • A: ช่วงครึ่งปีแรกเป็น Net Import

  9. คาดว่าจะเริ่มเห็นผล Synergy จากการทำ M&A ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อไหร่

    • Q: คาดว่าจะเริ่มเห็นผล Synergy จากการทำ M&A ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อไหร่

    • A: คาดว่าจะเริ่มเห็นในครึ่งปีหลัง สินค้านำไปขายผ่าน Distribution Channel เดิม อาจจะขายผ่านซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ คาเฟ่ หรือร้านค้าปลีก หรือว่าช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ

โดยสรุป เบทาโกรยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตลาดต่างประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

โพสต์ล่าสุด