https://aio.panphol.com/assets/images/community/6594_0C92AA.png

PTG กำไร Q1/25 ชะลอตัว แต่หยวนต้ายังคงแนะนำ "ซื้อ" ชี้เป้า 8.20 บาท

P/E 12.41 YIELD 5.04 ราคา 6.95 (0.00%)

PTG Energy (PTG) ประกาศกำไรสุทธิ 1Q25 อยู่ที่ 190 ล้านบาท ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้


ผลประกอบการ 1Q25: กำไรชะลอตัวแต่ยังดีกว่าที่คาด

PTG Energy (PTG) รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 190 ล้านบาท ลดลง 17% QoQ และ 26% YoY แต่ยังสูงกว่าที่หยวนต้าและ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ 15% และ 7% ตามลำดับ ปัจจัยหลักมาจากอัตราภาษีที่แท้จริง (Effective Tax) อยู่ที่ 21% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 30%

ถึงแม้ว่ากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-oil จะเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 32% QoQ และ 55% YoY โดยมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจาก Non-oil สูงถึง 33% (จากเดิม 24-26%) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการขยายสาขาและการเพิ่มขึ้นของ SSSG ของร้านกาแฟพันธุ์ไทย แต่ภาพรวมผลประกอบการยังคงอ่อนแอลงเนื่องจาก:

  • กำไรขั้นต้นธุรกิจ Oil ทรงตัว YoY และลดลง 4% QoQ จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคขนส่ง ทำให้ปริมาณขายลดลง 2% QoQ และ 3% YoY
  • ค่าใช้จ่าย SG&A เร่งตัวขึ้น 8% QoQ และ 21% YoY จากการขยายธุรกิจ Oil และ Non-oil ทำให้จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น, ค่าเสื่อมราคาสูงขึ้น, ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ และโฆษณาเพิ่มขึ้น
  • ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น YoY
  • ส่วนแบ่งกำไรลดลง QoQ ตามผลการดำเนินงานของธุรกิจปาล์มน้ำมัน (PPPGC) และเรือขนส่ง (AMA) ที่ลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น และค่าระวางเรือต่ำลง


แนวโน้ม 2Q25: คาดกำไรเร่งตัวขึ้น QoQ

หยวนต้าคาดการณ์ว่า 2Q25 ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจและภาคท่องเที่ยวที่ชะลอตัว, การแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่รุนแรง, และค่าใช้จ่ายที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจากการขยายสาขาในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไร 2Q25 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น QoQ จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และอัตรากำไรธุรกิจน้ำมันที่ฟื้นตัว เนื่องจากฐานะกองทุนน้ำมันปัจจุบันติดลบน้อยลงมาก ทำให้แรงกดดันจากการแทรกแซงค่าการตลาดต่ำลง

กำไรสุทธิ 1Q25 คิดเป็น 16% ของประมาณการกำไรทั้งปี แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปีจะเร่งตัวขึ้น หยวนต้ายังคงประมาณการกำไรปี 2025 ที่ 1.2 พันล้านบาท


คำแนะนำและราคาเป้าหมาย: คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสม 8.20 บาท

หยวนต้ายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ PTG โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 8.20 บาท ด้วยเหตุผลดังนี้:

  • ปัจจุบันซื้อขายบน PER 9.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งที่ 14.7 เท่า
  • ทิศทางกำไรช่วงที่เหลือของปีทยอยฟื้นตัว
  • สถานการณ์แย่งชิง Market Share ในอุตสาหกรรมจะผ่อนคลายลงในช่วง 2H25
  • คุณภาพผลประกอบการดีขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจ Non-oil (สัดส่วนกำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-oil ล่าสุดอยู่ที่ 33% vs ค่าเฉลี่ยปี 2023 - 2024 ที่ 25%)

Valuation Methodology: ประเมินมูลค่าด้วย PER ที่ 11.5 เท่า (-1.7 SD จากค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปี)

โพสต์ล่าสุด